ดุลการค้า คืออะไร? เจาะลึกความหมาย ผลกระทบต่อค่าเงินบาทและชีวิตประจำวัน

บทนำ: ดุลการค้า คืออะไร และทำไมต้องรู้?

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น คำว่า “ดุลการค้า” มักปรากฏในรายงานข่าวหรือการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ แต่จริงๆ แล้ว มันหมายถึงอะไรกันแน่ และทำไมตัวเลขนี้ถึงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงการดำเนินชีวิตของเราทุกคนในแต่ละวัน

ภาพประกอบแผนที่โลกเชื่อมโยงเส้นเศรษฐกิจและแว่นขยายโฟกัสที่ดุลการค้าของไทย

ดุลการค้าถือเป็นตัวชี้วัดหลักในระดับเศรษฐกิจมหภาคที่บอกภาพรวมของการค้าขายระหว่างประเทศกับต่างชาติ โดยคำนวณจากส่วนต่างระหว่างมูลค่าการส่งออกและการนำเข้าสินค้าพร้อมบริการ ซึ่งช่วยให้เห็นว่าประเทศเรากำลังเป็นฝ่ายขายมากกว่าซื้อ หรือตรงกันข้ามในตลาดโลก การเข้าใจแนวคิดนี้จะทำให้เรามองเห็นจุดแข็งของความสามารถแข่งขัน สภาพคล่องทางการเงิน และแนวโน้มเศรษฐกิจข้างหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ภาพประกอบตาชั่งสมดุลกับสินค้าข้างหนึ่งและเงินอีกข้างแทนค่าการส่งออกนำเข้า

ในบทความนี้ เราจะสำรวจรายละเอียดของดุลการค้า ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน ประเภทที่แตกต่างกัน สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเคลื่อนไหว ไปจนถึงผลกระทบต่อค่าเงินบาท ราคาสินค้า การจ้างงาน และการลงทุนในไทย นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับดุลบริการและภาพรวมของดุลบัญชีเดินสะพัด เพื่อให้คุณติดตามข่าวสารเศรษฐกิจได้อย่างเข้าใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภาพประกอบตัวชี้วัดเศรษฐกิจต่างๆ เช่น กราฟค่าเงิน ป้ายราคา และปล่องโรงงานเชื่อมโยงด้วยลูกศร

เจาะลึกความหมาย: ดุลการค้า คืออะไรกันแน่?

คำจำกัดความอย่างเป็นทางการของดุลการค้า

ดุลการค้าหรือ Trade Balance คือ ตัวเลขที่บ่งบอกถึงส่วนต่างระหว่างมูลค่ารวมของการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศ กับมูลค่ารวมของการนำเข้าจากต่างชาติ ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ตัวเลขนี้เป็นส่วนสำคัญในบัญชีเดินสะพัด ซึ่งรวมเข้าไปในดุลการชำระเงินของชาติ

สาระสำคัญของดุลการค้าคือการเปรียบเทียบปริมาณที่ประเทศ “ขาย” สินค้าและบริการออกไปต่างประเทศ เทียบกับที่ “ซื้อ” เข้ามา หากการส่งออกมีมูลค่าสูงกว่าการนำเข้า จะเรียกว่าเกินดุล แต่ถ้าการนำเข้าสูงกว่า จะเรียกว่าขาดดุล

วิธีการคำนวณดุลการค้าอย่างง่าย

การหาค่าดุลการค้าทำได้ไม่ยุ่งยาก ด้วยสูตรพื้นฐาน:

ดุลการค้า = มูลค่ารวมของการส่งออก – มูลค่ารวมของการนำเข้า

ตัวอย่างเช่น ถ้าไทยส่งออกสินค้าและบริการรวม 200,000 ล้านบาท และนำเข้า 180,000 ล้านบาทในเดือนนั้น

ดุลการค้า = 200,000 ล้านบาท – 180,000 ล้านบาท = 20,000 ล้านบาท (เกินดุล)

ส่วนกรณีตรงข้าม ถ้าส่งออก 150,000 ล้านบาท และนำเข้า 170,000 ล้านบาท

ดุลการค้า = 150,000 ล้านบาท – 170,000 ล้านบาท = -20,000 ล้านบาท (ขาดดุล)

ตัวเลขนี้อาจสะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าออกประเทศ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อเงินสำรองระหว่างประเทศและความแข็งแกร่งของสกุลเงินท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศอย่างไทย

ประเภทของดุลการค้า: เกินดุล ขาดดุล และสมดุล

ดุลการค้าเกินดุล (Trade Surplus): เมื่อส่งออกมากกว่านำเข้า

สถานการณ์ที่มูลค่าการส่งออกสูงกว่าการนำเข้าเรียกว่าเกินดุล ซึ่งบ่งชี้ว่าประเทศนั้นผลิตสินค้าและบริการที่ตลาดโลกต้องการได้มาก และมีศักยภาพแข่งขันที่โดดเด่น

โดยส่วนใหญ่ เกินดุลมักถูกมองในแง่บวกต่อเศรษฐกิจ เพราะนำมาซึ่ง:

  • เงินทุนต่างชาติไหลเข้าประเทศมากขึ้น ส่งผลให้เงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มพูน
  • นำเงินส่วนเกินไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือลดหนี้ต่างประเทศ
  • กระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมส่งออก
  • เสริมสร้างอำนาจเจรจาในเวทีการค้าระหว่างประเทศ

แต่ถ้าเกินดุลสะสมนานเกินไป อาจก่อปัญหา เช่น ค่าเงินที่แข็งค่าจนกระทบต่อผู้ส่งออกในระยะยาว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาราคาที่ถูกกว่า

ดุลการค้าขาดดุล (Trade Deficit): เมื่อนำเข้ามากกว่าส่งออก

ขาดดุลเกิดขึ้นเมื่อมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าการส่งออก แสดงว่าประเทศกำลังซื้อสินค้าและบริการจากต่างชาติน้อยกว่าที่ขายออกไป

สถานการณ์นี้อาจสร้างความท้าทายหลายด้าน เช่น:

  • เงินทุนต่างชาติไหลออกมากขึ้น ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง
  • อาจกดดันให้ค่าเงินท้องถิ่นอ่อนค่าลง จากความต้องการเงินต่างชาติที่สูง
  • จำเป็นต้องกู้เงินจากต่างชาติเพื่ออุดช่องว่าง ซึ่งเพิ่มภาระหนี้
  • ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมในประเทศอาจผลิตสินค้าบางประเภทไม่ทันหรือแข่งขันไม่ได้

สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ การพึ่งพาวัตถุดิบหรือพลังงานนำเข้า ความนิยมสินค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้น หรือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจนกระทบยอดส่งออก สำหรับไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกหลัก การขาดดุลในบางช่วงอาจมาจากราคาพลังงานโลกที่ผันผวน

ดุลการค้าสมดุล (Trade Balance): จุดที่พอดี

สมดุลเกิดเมื่อมูลค่าการส่งออกและนำเข้าใกล้เคียงหรือเท่ากัน ซึ่งในทางทฤษฎีคือจุดที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่ทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกแบบ极端 ส่งผลให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ

แต่ในความเป็นจริง สมดุลแบบสมบูรณ์นั้นหาได้ยาก ประเทศส่วนใหญ่ย่อมมีส่วนต่างบวกหรือลบเล็กน้อย ปัจจัยเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกทำให้ตัวเลขนี้เคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือเหตุการณ์โลกที่ไม่คาดคิด

อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ดุลการค้าเปลี่ยนแปลง?

ปัจจัยภายในประเทศ

ดุลการค้าของไทยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในหลายอย่างที่ส่งผลอย่างชัดเจน:

  • กำลังการผลิตและเทคโนโลยี: ถ้าประเทศพัฒนาการผลิตสินค้าคุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับการส่งออกได้
  • อุปสงค์และอุปทานในประเทศ: ถ้าความต้องการภายในสูงกว่าการผลิต อาจต้องนำเข้าสินค้ามาเติมเต็ม
  • นโยบายการคลังและนโยบายการเงิน:
    • นโยบายการคลัง: การใช้จ่ายรัฐ การเก็บภาษี สามารถกระตุ้นหรือยับยั้งการบริโภคและลงทุน ซึ่งกระทบการนำเข้า
    • นโยบายการเงิน: อัตราดอกเบี้ย การจัดการปริมาณเงิน ส่งผลต่อการลงทุน บริโภค และอัตราแลกเปลี่ยน
  • การลงทุน: การลงทุนในภาคผลิตส่งออกช่วยสร้างเกินดุล แต่การขยายตลาดในประเทศอาจเพิ่มนำเข้าวัตถุดิบ
  • การบริโภค: ถ้าประชาชนชื่นชอบสินค้าต่างชาติมาก การนำเข้าจะเพิ่มตาม

ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่รัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรม EV การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ อาจช่วยปรับปรุงดุลการค้าในระยะยาว

ปัจจัยภายนอกประเทศและเศรษฐกิจโลก

นอกเหนือจากภายใน ปัจจัยภายนอกก็มีน้ำหนักมากต่อดุลการค้าของไทย:

  • อัตราแลกเปลี่ยน: ถ้าเงินบาทแข็ง สินค้าส่งออกจะแพงในสายตาต่างชาติ ขณะที่นำเข้าถูกลง ส่งผลให้ส่งออกลดและนำเข้าเพิ่ม อาจนำไปสู่ขาดดุล แต่ถ้าอ่อนค่า จะเกิดผลตรงข้าม
  • เศรษฐกิจโลก: การเติบโตหรือถดถอยของเศรษฐกิจโลกกระทบความต้องการสินค้าไทยโดยตรง ถ้าคู่ค้าหลักอย่างจีนชะลอตัว ยอดส่งออกจะลด
  • ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก: ไทยนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบหลายชนิด การขึ้นลงของราคาน้ำมันหรือสินค้าเกษตรโลกจะกระทบมูลค่าการนำเข้าและส่งออก
  • นโยบายการค้าและข้อตกลงทางการค้า: FTA หรือมาตรการกีดกันจากคู่ค้าสามารถเปิดทางหรือขวางการส่งออกของไทยได้

เช่นเดียวกับกรณีสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ไทยต้องปรับตัวเพื่อรักษายอดส่งออก

ดุลการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและชีวิตประจำวันอย่างไร?

ผลกระทบต่อค่าเงินบาทและการส่งออกนำเข้าของไทย

ดุลการค้าสัมพันธ์ใกล้ชิดกับค่าเงินบาท เมื่อเกินดุล เงินต่างชาติไ流入มากกว่าไหลออก ความต้องการบาทเพิ่ม ส่งผลให้ค่าเงินแข็งขึ้น

ตรงกันข้าม ถ้าขาดดุล เงินต่างชาติไหลออกมากกว่า ทำให้ค่าเงินอ่อนลง

การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบผู้ส่งออกและนำเข้า:

  • เงินบาทแข็งค่า: สินค้าส่งออกแพงขึ้น ลดความสามารถแข่งขัน แต่สินค้านำเข้าถูกลง
  • เงินบาทอ่อนค่า: สินค้าส่งออกถูกลง เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน แต่สินค้านำเข้าแพงขึ้น

ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงใช้ดุลการค้าเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบายเงินและแทรกแซงค่าเงินเพื่อความสมดุล

ดุลการค้ากับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ

ดุลการค้าส่งผลต่อราคาสินค้าจำเป็นในไทย โดยเฉพาะที่พึ่งพานำเข้า ถ้าขาดดุลต่อเนื่องและเงินบาทอ่อน ต้นทุนนำเข้าอย่างน้ำมัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าหรูจะสูงขึ้น

ผู้ประกอบการอาจปรับราคาขึ้นตาม ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและลดกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยนำเข้าเยอะ เช่น น้ำมันหรือ gadget เทคโนโลยี ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายรายวันพุ่ง

โอกาสการจ้างงานและการลงทุนในประเทศไทย

ดุลการค้าส่งผลชัดเจนต่อการจ้างงานและลงทุนในไทย:

  • ดุลการค้าเกินดุล: แสดงถึงความแข็งแกร่งของภาคส่งออก ซึ่งช่วยให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายตัว สร้างงานใหม่ และดึงดูด FDI ในภาคผลิตส่งออก สร้างโอกาสให้แรงงานและธุรกิจ
  • ดุลการค้าขาดดุล: ถ้าต่อเนื่อง อาจบ่งชี้ปัญหาการผลิตหรือพึ่งพานำเข้าเกิน จนชะลอการเติบโตอุตสาหกรรมในประเทศ กระทบการจ้างงานและ吸引力ลงทุน

รัฐบาลจึงออกนโยบายคลังและเงินเพื่อหนุนส่งออก ลดนำเข้าไม่จำเป็น และรักษาดุลการค้าให้บวก สนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ

ดุลการค้ากับดุลบริการ: ความแตกต่างและความเชื่อมโยง

นอกจากดุลการค้าแล้ว ดุลบริการมักถูกพูดถึงควบคู่กัน ทั้งคู่เป็นส่วนสำคัญของดุลบัญชีเดินสะพัด แต่แตกต่างในรายละเอียด

  • ดุลการค้า (Trade Balance): ครอบคลุมการส่งออกนำเข้า “สินค้า” ที่จับต้องได้ เช่น รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร พลังงาน
  • ดุลบริการ (Services Balance): ครอบคลุมการส่งออกนำเข้า “บริการ” ที่จับต้องไม่ได้ เช่น
    • รายรับจากบริการ: นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย (การท่องเที่ยว) ค่าระวางขนส่งให้ต่างชาติ รายได้จากบริการแพทย์
    • รายจ่ายจากบริการ: คนไทยท่องเที่ยวต่างประเทศ ค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ค่าประกันจากบริษัทต่างชาติ

ในไทย ภาคท่องเที่ยวมีบทบาทหลักในการสร้างเกินดุลบริการ ซึ่งช่วยชดเชยขาดดุลการค้าในบางช่วงได้ดี

ทั้งดุลการค้าและดุลบริการรวมกันเป็นดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) ซึ่งภาพรวมกระแสเงินต่างชาติจากค้าสินค้า บริการ รายได้ลงทุน หรือโอนเงิน ถ้าเกินดุล แสดงว่ารายรับจากต่างชาติสูงกว่ารายจ่าย สิทธิ์สัญญาณบวกต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างไทย

แนวโน้มดุลการค้าของไทยในปัจจุบันและอนาคต

ดุลการค้าของไทยเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์โลกและภายในมาตลอดหลายปี ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงพาณิชย์แสดงถึงความไม่แน่นอน

เช่น ในวิกฤตโควิด-19 การส่งออกไทยได้รับผลกระทบหนักจากห่วงโซ่อุปทานสะดุดและความต้องการโลกตกต่ำ แต่หลังฟื้นตัว เศรษฐกิจโลกและมาตรการผ่อนคลายช่วยให้ยอดส่งออกดีขึ้น โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าเกษตรบางรายการ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบก็เพิ่มตามกิจกรรมเศรษฐกิจที่คึกคัก

ปี 2566 ดุลการค้าไทยยังผันผวน มีทั้งเกินดุลและขาดดุล ขึ้นกับปัจจัยอย่างราคาน้ำมันโลก การฟื้นตัวของจีนคู่ค้าหลัก และความต้องการสินค้าเกษตรอาหารโลก ข้อมูลล่าสุดจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ว่าดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดยังสะท้อนความท้าทายและโอกาสในการฟื้นเศรษฐกิจไทย

สำหรับอนาคต ดุลการค้าจะได้รับผลจาก:

  • เศรษฐกิจโลก: การเติบโตและเงินเฟ้อในคู่ค้า
  • นโยบายรัฐบาล: มาตรการหนุนส่งออก ดึงดูดลงทุน พัฒนาอุตสาหกรรมหลัก
  • เทคโนโลยีและนวัตกรรม: การปรับอุตสาหกรรมไทยสู่เทคโนโลยีสูงและดิจิทัล
  • ข้อตกลงทางการค้า: การใช้ประโยชน์จาก FTA ใหม่ๆ

การติดตามสถิติจากแหล่งเชื่อถือได้ เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำคัญมากสำหรับประเมินสถานะเศรษฐกิจ

สรุป: ดุลการค้าไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนเศรษฐกิจไทย

ดุลการค้าไม่ใช่แค่ส่วนต่างระหว่างส่งออกและนำเข้า แต่เป็นดั่งกระจกที่สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจ ความสามารถแข่งขันโลก และทิศทางเศรษฐกิจไทยโดยรวม

ไม่ว่าจะเกินดุลหรือขาดดุล ต่างก่อผลกระทบทั้งบวกและลบต่อค่าเงินบาท ราคาสินค้า การจ้างงาน และโอกาสลงทุน การเข้าใจเรื่องนี้ช่วยให้ประชาชน นักลงทุน หรือผู้ประกอบการเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ

การติดตามดุลการค้าควบคู่กับดุลบริการและดุลบัญชีเดินสะพัด จะให้ภาพเศรษฐกิจที่สมบูรณ์และลึกซึ้ง ซึ่งจำเป็นสำหรับเข้าใจการพัฒนาและอุปสรรคของเศรษฐกิจไทยในยุคนี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดุลการค้า

1. ดุลการค้าของไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร และมีแนวโน้มไปในทิศทางใด?

ดุลการค้าของไทยผันผวนตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งโลกและในประเทศ บางช่วงอาจเกินดุล บางช่วงขาดดุล โดยรวมแล้ว แนวโน้มขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความต้องการจากคู่ค้าหลัก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และนโยบายรัฐในการส่งเสริมส่งออกควบคุมนำเข้า

2. การที่ไทยขาดดุลการค้าบ่อยครั้งเป็นเรื่องน่ากังวลหรือไม่?

ขาดดุลชั่วคราวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถ้าเกิดจากการลงทุนเครื่องจักรเพื่อยกระดับการผลิตในอนาคต แต่ถ้าขาดดุลต่อเนื่องและขนาดใหญ่ อาจน่ากังวล เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศลดลง ค่าเงินอ่อน และอาจต้องกู้ต่างชาติ เพิ่มภาระหนี้

3. ดุลการค้าเกินดุลส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร และมีข้อเสียอะไรบ้าง?

ผลดี: เงินต่างชาติไหลเข้า เงินสำรองเพิ่ม สนับสนุนจ้างงานภาคส่งออก และค่าเงินแข็งขึ้น
ข้อเสีย: ค่าเงินแข็งเกินอาจทำให้ส่งออกแพง ลดแข่งขัน และพึ่งพาส่งออกมากเกิน จนเศรษฐกิจเสี่ยงต่อโลก

4. ดุลการค้ากับดุลบริการแตกต่างกันอย่างไร และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยไม่เหมือนกันหรือไม่?

  • ดุลการค้า: เกี่ยวกับส่งออกนำเข้า “สินค้า” จับต้องได้
  • ดุลบริการ: เกี่ยวกับส่งออกนำเข้า “บริการ” จับต้องไม่ได้ เช่น ท่องเที่ยว ค่าขนส่ง

ทั้งคู่สำคัญต่อไทย แต่ต่างมุม ดุลการค้าสะท้อนอุตสาหกรรมเกษตร ส่วนดุลบริการ โดยเฉพาะท่องเที่ยว สร้างรายได้ต่างชาติและชดเชยขาดดุลการค้า

5. ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่า มีผลต่อดุลการค้าของไทยอย่างไร?

  • ค่าเงินบาทแข็งค่า: ส่งออกแพง ลดลง นำเข้าถูกลง เพิ่มขึ้น อาจทำให้ดุลการค้าแย่ (ขาดดุลมากขึ้น)
  • ค่าเงินบาทอ่อนค่า: ส่งออกถูกลง เพิ่มขึ้น นำ้าแพง ลดลง อาจทำให้ดุลการค้าดี (เกินดุลมากขึ้น)

6. รัฐบาลไทยมีนโยบายอะไรบ้างในการจัดการดุลการค้า?

รัฐบาลไทยผ่านกระทรวงพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายหลากหลาย เช่น:

  • ส่งเสริมส่งออกด้วย FTA เปิดตลาดใหม่ สนับสนุนผู้ประกอบการ
  • ยกระดับแข่งขันอุตสาหกรรม
  • จัดการอัตราแลกเปลี่ยนให้เสถียร
  • ส่งเสริมลงทุนในประเทศ ลดพึ่งพานำเข้าเทคโนโลยีวัตถุดิบ
  • พัฒนาบริการ เช่น ท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ต่างชาติชดเชย

7. ในฐานะประชาชนทั่วไป เราจะได้รับผลกระทบจากดุลการค้าเกินดุลหรือขาดดุลได้อย่างไร?

  • ดุลการค้าเกินดุล: เงินบาทแข็ง สินค้านำเข้าบางอย่างถูกลง สร้างงานส่งออก
  • ดุลการค้าขาดดุล: เงินบาทอ่อน สินค้านำเข้าแพง โดยเฉพาะน้ำมัน ราคาสินค้าในประเทศขึ้น (เงินเฟ้อ) กระทบกำลังซื้อ

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *