retracement แปลว่า อะไร? 10 สิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องรู้เกี่ยวกับ Fibonacci Retracement

นำเสนอความลึกลับของ Retracement

ในแวดวงการลงทุนและการเทรด คำว่า “retracement” อาจดูน่าปวดหัวสำหรับผู้เริ่มต้น แต่จริงๆ แล้ว มันคือแนวคิดพื้นฐานที่ช่วยให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้กับเครื่องมืออย่าง Fibonacci Retracement บทความนี้จะพาคุณสำรวจความหมายที่แท้จริงของ Retracement ทั้งในมุมมองทั่วไปและในโลกการเงิน พร้อมทั้งอธิบายหลักการ วิธีการนำไปใช้ และกลยุทธ์ระดับสูงที่นักลงทุนไทยสามารถปรับใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศอย่าง Forex

ภาพประกอบของบุคคลที่กำลังดูกราฟการเงินลึกลับพร้อมตัวเลขและเส้นที่แสดงถึง Fibonacci Retracement

Retracement คืออะไร? จากความหมายพื้นฐานสู่การนำไปใช้ในตลาดการเงิน

เพื่อให้คุณเข้าใจ Retracement อย่างลึกซึ้ง เรามาเริ่มจากความหมายในชีวิตประจำวันก่อน แล้วค่อยขยับไปสู่บริบทเฉพาะในตลาดทุน

ภาพประกอบของกราฟตลาดหุ้นที่แสดงการถอยกลับชั่วคราวของราคาก่อนที่จะดำเนินตามแนวโน้มหลักต่อไป

Retracement ในมุมมองทั่วไปพร้อมตัวอย่างใกล้ตัว

โดยทั่วไป Retracement หมายถึงการถอยหลังหรือการย้อนกลับชั่วคราว ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตรงข้ามกับทิศทางหลักเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่เส้นทางเดิม

  • ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน: ลองนึกภาพการเดินป่าเพื่อขึ้นสู่ยอดเขา ที่บางจังหวะคุณต้องลงเนินเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางก่อนจะก้าวต่อไปข้างหน้า การลงเนินนั้นเองคือ Retracement
  • ตัวอย่างจากธรรมชาติ: คลื่นทะเลที่พุ่งเข้าหาฝั่งชายหาด บางครั้งก็ถอยออกไปชั่วครู่ก่อนจะซัดเข้ามาอีก คลื่นที่ถอยนั้นแสดงให้เห็นถึงลักษณะของ Retracement

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การถอยกลับแบบนี้เป็นเพียงช่วงปรับตัวชั่วคราว และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบใหญ่ ไม่ได้หมายถึงการพลิกผันถาวร

Retracement ในตลาดทุน: การปรับตัวของราคา

เมื่อมาถึงตลาดการเงิน Retracement กลายเป็นการย่อตัวของราคาหรือ pullback ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อย่างหุ้น สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เคลื่อนที่ตรงข้ามกับแนวโน้มหลักเพียงชั่วคราว

ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวหนึ่งกำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วราคาก็ร่วงลงเล็กน้อยก่อนจะทะยานสู่จุดสูงใหม่ การร่วงลงนั้นคือ Retracement หรือที่เรียกว่าการปรับฐาน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติในตลาดที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว นักลงทุนมักมองช่วงเหล่านี้เป็นโอกาสทองในการซื้อหรือขาย โดยคาดว่าราคาจะกลับสู่แนวโน้มเดิมในไม่ช้า การรู้จักปรากฏการณ์นี้จึงช่วยให้การวิเคราะห์ตลาดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Fibonacci Retracement: ที่มาและหลักการพื้นฐาน

ในโลกการเงิน เมื่อกล่าวถึง Retracement ไม่มีเครื่องมือไหนสำคัญไปกว่า Fibonacci Retracement มาดูกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและทำงานอย่างไร

ภาพประกอบของบุคคลที่กำลังเดินขึ้นเนินเขาจนถึงชั่วคราวลงเนินก่อนขึ้นต่อไปพร้อมคลื่นทะเล

รากฐานจากลำดับฟีโบนักชีและความมหัศจรรย์

Fibonacci Retracement สร้างขึ้นจากลำดับตัวเลขที่ค้นพบโดยเลโอนาร์โด ฟีโบนักชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีในศตวรรษที่ 13 ลำดับนี้เริ่มจาก 0 และ 1 โดยแต่ละตัวเลขถัดไปคือผลรวมของสองตัวก่อนหน้า เช่น 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144 และต่อเนื่องไป

ที่น่าทึ่งคือ ลำดับฟีโบนักชีนี้ปรากฏในธรรมชาติอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียงตัวของกลีบดอกไม้ เกลียวเปลือกหอย รูปแบบของเปลือกหอยทะเล หรือแม้แต่สัดส่วนร่างกายมนุษย์ และยังเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงิน แสดงถึงความเชื่อมโยงสากลของตัวเลขเหล่านี้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับฟีโบนักชี

อัตราส่วนหลักและสัดส่วนทองคำ

จากลำดับฟีโบนักชี เราสามารถคำนวณอัตราส่วนสำคัญได้ โดยการหารตัวเลขในลำดับกันเอง

  • 23.6%: มาจากการหารตัวเลขด้วยตัวที่ห่างสองตำแหน่ง เช่น 89/377 ≈ 0.236
  • 38.2%: มาจากการหารด้วยตัวที่ห่างสามตำแหน่ง เช่น 89/233 ≈ 0.382
  • 50%: แม้ไม่ใช่อัตราส่วนตรงจากฟีโบนักชี แต่เป็นระดับยอดนิยมในวิเคราะห์เทคนิค เพราะเป็นจุดกึ่งกลางที่ส่งผลต่อจิตวิทยานักลงทุน
  • 61.8% (สัดส่วนทองคำ): มาจากการหารตัวเลขด้วยตัวถัดไป เช่น 89/144 ≈ 0.618 ซึ่งรู้จักกันในนามสัดส่วนทองคำที่สมดุลและงดงามที่สุด
  • 78.6%: คำนวณจากรากที่สองของ 0.618 หรือ (1 – รากที่สองของ 0.382) ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กันบ่อย

อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยระบุจุดที่ราคามีแนวโน้มเป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญระหว่างการปรับฐานจากแนวโน้มหลัก

คู่มือปฏิบัติ: วิธีใช้ Fibonacci Retracement ในการเทรด

การนำ Fibonacci Retracement ไปใช้จริงต้องอาศัยการฝึกฝน เพื่อให้คุณจับจุดสำคัญได้อย่างถูกต้อง

ขั้นตอนการวาดเส้น Fibonacci Retracement บนกราฟ

การวาดเครื่องมือนี้ไม่ซับซ้อน แต่ต้องเลือกจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดให้เหมาะสม

  1. กำหนดแนวโน้มหลัก: ดูก่อนว่าสินทรัพย์นั้นกำลังอยู่ใน uptrend หรือ downtrend
  2. สำหรับ uptrend: ลากจากจุดต่ำสุด (Swing Low) ไปจุดสูงสุด (Swing High) ของคลื่นนั้น ระดับ retracement จะปรากฏต่ำกว่าจุดสูงสุด โดย 0% อยู่ที่จุดต่ำและ 100% ที่จุดสูง นักลงทุนมักรอซื้อเมื่อราคาย่อลงมาที่ระดับเหล่านี้
  3. สำหรับ downtrend: ลากจากจุดสูงสุด (Swing High) ไปจุดต่ำสุด (Swing Low) ระดับ retracement จะปรากฏเหนือจุดต่ำสุด โดย 100% อยู่ที่จุดสูงและ 0% ที่จุดต่ำ เทรดเดอร์มักรอขายเมื่อราคาดีดขึ้นมาที่ระดับเหล่านี้

เคล็ดลับสำคัญ: เลือก Swing Low/High ที่ชัดเจนและมีน้ำหนัก หากเลือกผิด ระดับที่ได้อาจไร้ประโยชน์

การตีความระดับฟีโบนักชีหลัก

แต่ละระดับใน Fibonacci Retracement เช่น 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, 78.6% ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นไปได้

  • 23.6%: การย่อตัวตื้นที่สุด แสดงว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่ง หากราคาเด้งจากตรงนี้ โอกาสที่แนวโน้มจะไปต่อสูงมาก
  • 38.2%: ระดับย่อตัวที่เกิดบ่อย หากราคายืนเหนือใน uptrend หรือไม่ทะลุใน downtrend แสดงถึงความแข็งแกร่ง
  • 50%: จุดจิตวิทยาสำคัญ โอกาสกลับตัวสูง หากทะลุ 50% อาจบ่งบอกแนวโน้มเริ่มอ่อนแอ
  • 61.8%: ระดับสัดส่วนทองคำที่เชื่อถือได้มากที่สุด หากทะลุ มักหมายถึงการเปลี่ยนแนวโน้มชัดเจน
  • 78.6%: การย่อตัวลึก หากถึงระดับนี้ แนวโน้มเดิมอาจใกล้จบหรือพลิกผัน

เฝ้าดูปฏิกิริยาราคาที่ระดับเหล่านี้ เช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว หรือการทะลุที่เด่นชัด

การรวมกับแนวโน้มและแท่งเทียนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

เพื่อให้สัญญาณจาก Fibonacci Retracement น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อย่าใช้เดี่ยวๆ แต่จับคู่กับเครื่องมืออื่น

  • เส้นแนวโน้ม: ถ้าระดับ Fibonacci ตรงกับเส้นแนวโน้ม สัญญาณจะแข็งแกร่งขึ้น
  • รูปแบบแท่งเทียน: เช่น Hammer, Engulfing หรือ Doji ที่ระดับ Fibonacci ช่วยยืนยันการกลับตัวหรือการดำเนินต่อ
  • ปริมาณซื้อขาย: ถ้าราคาเด้งจากระดับด้วย volume สูง แสดงถึงแรงผลักที่แข็งแกร่ง

การผสานเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้การตัดสินใจซื้อขายมั่นใจยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก

กลยุทธ์ขั้นสูงและตัวอย่างในตลาดไทย

นอกจากพื้นฐาน Fibonacci Retracement ยังนำไปใช้ในกลยุทธ์ซับซ้อน และมีตัวอย่างจริงในตลาดไทย

การรวมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อสัญญาณที่แข็งแกร่ง

การใช้ Fibonacci เดี่ยวๆ อาจไม่พอ ต้องผสมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อกรองและเพิ่มความแม่นยำ

  • Moving Average (MA): ถ้าระดับ Fibonacci ตรงกับ MA สำคัญอย่าง MA50 หรือ MA200 จะยืนยันแนวรับ/ต้านที่แข็ง
  • RSI: ถ้าราคาแตะ Fibonacci แนวรับและ RSI ต่ำกว่า 30 (Oversold) อาจเป็นสัญญาณซื้อดี
  • MACD: Golden Cross หรือ Death Cross ใกล้ระดับ Fibonacci ยืนยันการกลับตัว

ระบบเทรดที่รวมหลายตัวชี้วัดช่วยให้มุมมองครบถ้วน ลดอคติจากเครื่องมือเดียว

แนวคิด Fibonacci Extension สำหรับเป้าหมายราคา

นอกจาก Retracement ที่หาจุดย่อตัว ยังมี Fibonacci Extension สำหรับคาดการณ์ราคาในอนาคตหลังปรับฐาน

Extension ช่วยหาจุดที่ราคาอาจไปถึงเมื่อแนวโน้มกลับมา ระดับทั่วไปคือ 127.2%, 161.8%, 200%, 261.8% และ 423.6% ใช้กำหนด Take Profit โดยลากจาก Swing Low ไป High แล้วกลับ Low (สำหรับ uptrend) หรือตรงข้ามสำหรับ downtrend

กรณีศึกษาจากตลาดไทย

ทั้งใน SET หรือ Forex ที่เกี่ยวข้องกับ THB Fibonacci Retracement ใช้งานได้ดี

  • หุ้น SET: ถ้าหุ้น A uptrend แรงแต่ย่อตัว ลาก Fibonacci จาก Low ไป High เพื่อหาแนวรับ เช่น ที่ 38.2% หรือ 50% ถ้ามีแท่งเทียนกลับตัว อาจเข้าซื้อ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • Forex คู่ THB: สำหรับ USD/THB ใน downtrend ถ้าราคาดีดขึ้น ลากจาก High ไป Low เพื่อหาแนวต้าน เช่น ที่ 61.8% ถ้ามีแท่งเทียนลง อาจขาย

แพลตฟอร์มยอดนิยมในไทยอย่าง TradingView, MetaTrader 4/5 หรือโปรแกรมโบรกเกอร์ มีเครื่องมือนี้พร้อมใช้

ข้อผิดพลาดทั่วไปและการบริหารความเสี่ยงกับ Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement มีพลัง แต่ก็มีข้อจำกัด เทรดเดอร์ต้องรู้จักหลีกเลี่ยง

ข้อผิดพลาดที่ 1: พึ่งพาเครื่องมือเดียวมากเกิน

มือใหม่มักคิดว่า Fibonacci คือคำตอบสุดท้าย แต่จริงๆ มันไม่แม่นยำ 100%

คำแนะนำ: ใช้เป็นเครื่องมือเสริม ร่วมกับแนวโน้ม แท่งเทียน Volume และตัวชี้วัดอื่น เพื่อสัญญาณที่แข็งแกร่ง

ข้อผิดพลาดที่ 2: เลือกจุดสูงต่ำผิด

ประสิทธิภาพขึ้นกับ Swing High/Low ที่ถูกต้อง ถ้าผิด ระดับจะไร้ค่า

คำแนะนำ: ฝึกระบุจุดที่ชัดเจนใน timeframe เหมาะสม เลือกจุดที่มีการกลับตัวเด่น ใช้ timeframe ใหญ่เช่นรายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อภาพรวม

การบริหารเงินทุนและตั้ง Stop Loss/Take Profit

เครื่องมือดีแต่ไม่บริหารความเสี่ยง อาจเสียหายหนัก

แผนเทรดที่รวมความเสี่ยงช่วยปกป้องทุนและเพิ่มกำไรยั่งยืน

สรุป: 掌握 Fibonacci Retracement เพื่อความได้เปรียบในการลงทุน

การรู้จัก “retracement” และใช้ Fibonacci Retracement อย่างชำนาญคือทักษะสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดทุน เครื่องมือนี้ไม่ใช่แค่เส้นบนกราฟ แต่ช่วยมองเห็นจุดปรับฐาน แนวรับต้าน และเป้าหมายราคา

การใช้อย่างมีประสิทธิภาพต้องฝึกฝน รวมกับตัวชี้วัดอื่น และบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะ SET Forex หรือตลาดอื่น Fibonacci ช่วยให้มุมมองลึกซึ้งและตัดสินใจดีขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือให้คุณนำไปใช้สร้างกำไรยั่งยืน

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Retracement และ Fibonacci Retracement

Retracement กับ Extension ต่างกันอย่างไร และควรใช้เมื่อไหร่?

Retracement ใช้เพื่อระบุระดับที่ราคามีแนวโน้มจะกลับตัวชั่วคราว (ปรับฐาน) จากแนวโน้มหลัก โดยจะแสดงระดับเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดหรือสูงกว่าจุดต่ำสุดของรอบ ใช้ในการหาจุดเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว หรือจุดเข้าขายเมื่อราคามีการดีดตัวกลับขึ้นไป

Extension ใช้เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาในอนาคตที่ราคาน่าจะไปถึงหลังจากสิ้นสุดการปรับฐานแล้วและกลับมาเคลื่อนที่ตามแนวโน้มหลักอีกครั้ง ใช้ในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit)

Fibonacci Retracement ใช้ได้กับทุกตลาดไหม (เช่น SET, Forex, Crypto) และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

Fibonacci Retracement สามารถใช้ได้กับทุกตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องและมีการเคลื่อนไหวของราคา เช่น ตลาดหุ้น (SET), ตลาด Forex, ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ข้อจำกัด:

  • ไม่ได้แม่นยำ 100% และบางครั้งอาจให้สัญญาณที่ผิดพลาดได้
  • ขึ้นอยู่กับการเลือกจุดสูงและจุดต่ำของรอบที่ถูกต้อง
  • ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น
  • อาจไม่เหมาะสมกับตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways Market)

มีเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มใดบ้างที่ช่วยคำนวณและแสดง Fibonacci Retracement ได้ง่ายๆ ในไทย?

แพลตฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่มีเครื่องมือ Fibonacci Retracement ในตัว ทำให้การวาดและคำนวณเป็นเรื่องง่าย ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่นิยมในไทย:

  • TradingView: เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟออนไลน์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีเครื่องมือครบครันและใช้งานง่าย
  • MetaTrader 4 (MT4) / MetaTrader 5 (MT5): แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเทรด Forex และ CFD
  • โปรแกรม Streaming หรือโปรแกรมเทรดของโบรกเกอร์ไทย: โบรกเกอร์หุ้นไทยส่วนใหญ่มีโปรแกรมวิเคราะห์กราฟพร้อมเครื่องมือ Fibonacci ให้บริการ เช่น Streaming ของ Settrade

ถ้า Fibonacci Retracement ไม่ได้ผล หรือให้สัญญาณหลอก ควรทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง?

หาก Fibonacci Retracement ไม่ได้ผลตามที่คาด หรือให้สัญญาณหลอก ควรพิจารณาดังนี้:

  • ยืนยันด้วยตัวชี้วัดอื่น: ใช้ Moving Average, RSI, MACD หรือ Volume เพื่อยืนยันสัญญาณ
  • ตรวจสอบแนวโน้มหลัก: บางครั้งสัญญาณหลอกเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มหลักกำลังจะเปลี่ยน
  • ปรับ Timeframe: ลองใช้ Timeframe ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อดูภาพรวมที่ชัดเจนกว่า
  • บริหารจัดการความเสี่ยง: ตั้งจุด Stop Loss ที่เหมาะสมเสมอ เพื่อจำกัดการขาดทุนหากสัญญาณผิดพลาด
  • อย่าพึ่งพาเครื่องมือเดียว: Fibonacci เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเทรดที่สมบูรณ์

การใช้ Fibonacci Retracement ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษในตลาดหุ้นไทยหรือตลาด Forex ที่มีสภาพคล่องสูง?

ในตลาดหุ้นไทย (SET) หรือตลาด Forex ที่มีสภาพคล่องสูง ควรระวังสิ่งต่อไปนี้:

  • ข่าวและปัจจัยพื้นฐาน: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมักจะได้รับผลกระทบจากข่าวเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ระดับ Fibonacci ถูกทะลุได้ง่าย
  • ความผันผวน: ในช่วงที่มีความผันผวนสูง (เช่น ช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ) ราคาอาจเคลื่อนที่ทะลุระดับ Fibonacci ไปมาได้
  • การเลือก Swing High/Low: ควรเลือกจุด Swing High/Low ที่มีนัยสำคัญและชัดเจน เพื่อให้ระดับ Fibonacci มีความน่าเชื่อถือ
  • ระมัดระวังหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ: ใน SET หุ้นบางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งทำให้รูปแบบทางเทคนิคทำงานได้ไม่ดีนัก

ควรใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับอินดิเคเตอร์อะไรดีที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น?

การใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นจะช่วยเพิ่มความแม่นยำได้ดี ตัวเลือกที่ดีที่สุดบางส่วนได้แก่:

  • Moving Average (MA): เพื่อยืนยันแนวโน้มและเป็นแนวรับ/แนวต้านเสริม
  • Relative Strength Index (RSI): เพื่อระบุสภาวะ Overbought/Oversold และยืนยันโมเมนตัม
  • MACD: เพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มและโมเมนตัม
  • รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns): เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัวที่ระดับ Fibonacci
  • Volume: เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา

การผสมผสานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเข้าใจของแต่ละบุคคล

Fibonacci Retracement สามารถใช้คาดการณ์จุดกลับตัวของราคาได้แม่นยำแค่ไหน และมีปัจจัยอื่นใดที่ต้องพิจารณา?

Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุ แนวรับและแนวต้านที่มีศักยภาพ ซึ่งอาจเป็นจุดกลับตัวของราคา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แม่นยำ 100% และไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าราคาจะกลับตัวที่ระดับใด

ปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา:

  • Timeframe: ระดับ Fibonacci ใน Timeframe ที่ใหญ่กว่ามักจะมีนัยสำคัญมากกว่า
  • ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งมาก ราคาอาจกลับตัวที่ระดับตื้นๆ (เช่น 23.6% หรือ 38.2%)
  • ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสาร: ข่าวสำคัญสามารถทำให้ราคาเคลื่อนที่ทะลุระดับ Fibonacci ได้
  • การรวมกับอินดิเคเตอร์อื่น: การยืนยันด้วยสัญญาณจากอินดิเคเตอร์อื่นจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

มือใหม่ควรเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ Fibonacci Retracement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?

มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเหล่านี้:

  1. เรียนรู้พื้นฐาน: ทำความเข้าใจแนวคิดของ Retracement, ลำดับ Fibonacci และอัตราส่วนที่สำคัญ
  2. ฝึกวาดบนกราฟ: ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) หรือแพลตฟอร์มฟรี เช่น TradingView ในการฝึกวาด Fibonacci Retracement บนสินทรัพย์และ Timeframe ที่แตกต่างกัน
  3. สังเกตปฏิกิริยาของราคา: ดูว่าราคามีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อมาถึงระดับ Fibonacci ต่างๆ
  4. รวมกับเครื่องมืออื่น: เริ่มต้นจากการรวมกับ Trendline หรือ Moving Average ง่ายๆ
  5. ทำบันทึกการเทรด: บันทึกผลการใช้ Fibonacci Retracement ในการเทรดของคุณเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์
  6. เริ่มต้นด้วย Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น: เพื่อให้เห็นแนวโน้มและระดับที่ชัดเจนขึ้น

นอกจาก Retracement แล้ว Fibonacci ยังมีรูปแบบการใช้งานอื่นอีกไหม เช่น Fibonacci Fan หรือ Time Zones?

ใช่ นอกจาก Fibonacci Retracement แล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่อิงจากหลักการ Fibonacci อีกมากมายที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค:

  • Fibonacci Extension: ใช้เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาในอนาคต
  • Fibonacci Fan: ใช้เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นแนวทแยง (Diagonal) และบ่งชี้ความเร็วของแนวโน้ม
  • Fibonacci Arcs: ใช้เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นเส้นโค้ง
  • Fibonacci Time Zones: ใช้เพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคา
  • Fibonacci Channels: ใช้เพื่อระบุช่องทางราคาที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้าน

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิเคราะห์มีมุมมองที่หลากหลายและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา

การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit โดยใช้ Fibonacci Retracement มีหลักการอย่างไร?

หลักการในการกำหนดจุด Stop Loss (ตัดขาดทุน) และ Take Profit (ทำกำไร) โดยใช้ Fibonacci Retracement:

  • การตั้ง Stop Loss:
    • สำหรับ Long Position (ซื้อ): ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ระดับ Fibonacci Retracement ที่เป็นแนวรับที่คุณคาดว่าราคาจะกลับตัว เช่น ใต้ระดับ 61.8% หรือใต้ Swing Low ล่าสุด
    • สำหรับ Short Position (ขาย): ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือระดับ Fibonacci Retracement ที่เป็นแนวต้านที่คุณคาดว่าราคาจะกลับตัว เช่น เหนือระดับ 61.8% หรือเหนือ Swing High ล่าสุด
  • การตั้ง Take Profit:
    • ใช้ระดับ Fibonacci Extension เป็นเป้าหมาย เช่น 127.2%, 161.8% หรือ 200%
    • หรือใช้ระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญถัดไปที่ปรากฏบนกราฟ
    • อาจแบ่ง Take Profit เป็นหลายส่วนที่ระดับ Extension ต่างๆ เพื่อล็อคกำไรบางส่วน

สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่าง Risk-Reward Ratio ที่ดี เพื่อให้การเทรดมีโอกาสทำกำไรในระยะยาว

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *