เทรดระยะสั้น: 7 กลยุทธ์ทำกำไรในตลาดผันผวนที่คุณต้องรู้!

การเทรดระยะสั้น หรือที่หลายคนเรียกกันว่า short-term trading ถือเป็นวิธีการลงทุนที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการคว้าโอกาสจากความเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาสั้นๆ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของการเทรดแบบนี้ ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง การควบคุมความเสี่ยง จิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง และประเด็นเฉพาะสำหรับนักลงทุนในตลาดไทย

นักเทรดวิเคราะห์กราฟอย่างรวดเร็วกับความผันผวนตลาดและโอกาสกำไรเร็ว

เทรดระยะสั้นคืออะไร มาทำความรู้จักพื้นฐานกันก่อน

นิยามของการเทรดระยะสั้น

การเทรดระยะสั้นหมายถึงการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น สกุลเงินต่างประเทศ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ในช่วงเวลาที่ไม่นานนัก อาจเพียงไม่กี่นาที ชั่วโมง หรือสูงสุดไม่กี่วันถึงสัปดาห์ โดยไม่เกินสองสามสัปดาห์ เป้าหมายหลักคือการสร้างผลตอบแทนจากความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ ของราคา โดยส่วนใหญ่จะพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือหลัก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อธิบายว่าการลงทุนแบบนี้คือการถือครองสินทรัพย์ไม่เกินหนึ่งปี โดยมุ่งหวังผลกำไรจากส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักเทรดใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคกับกราฟแท่งเทียนและอินดิเคเตอร์ RSI MACD

เปรียบเทียบการเทรดระยะสั้นกับการลงทุนระยะยาว ข้อดีและข้อเสีย

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูการเปรียบเทียบระหว่างการเทรดระยะสั้นกับ การลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง:

ลักษณะสำคัญ เทรดระยะสั้น ลงทุนระยะยาว
ระยะเวลาการถือสินทรัพย์ สั้นมาก (นาทีถึงสัปดาห์) ยาวนาน (หลายเดือนถึงหลายปี)
เป้าหมายหลัก กำไรจากความผันผวนของราคา กำไรจากมูลค่าธุรกิจที่เติบโตและเงินปันผล
เครื่องมือวิเคราะห์ วิเคราะห์ทางเทคนิค วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ระดับความเสี่ยง สูง ปานกลางถึงต่ำในระยะยาว
เวลาที่ต้องใช้ ต้องเฝ้าติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด ไม่จำเป็นต้องจับตาตลอด
สภาพจิตใจที่ต้องการ วินัยสูง จัดการอารมณ์ได้ดี อดทน ทนต่อความผันผวนชั่วคราว
นักเทรดบริหารความเสี่ยงด้วย Stop Loss และ Take Profit บนหน้าจอเทรด

รูปแบบยอดนิยมของการเทรดระยะสั้น

  • เดย์เทรด: คือการซื้อขายภายในวันเดียว โดยปิดสถานะก่อนตลาดปิด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุการณ์นอกเวลาทำการ รูปแบบนี้ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและข้อมูลเรียลไทม์ที่ทันสมัย
  • สแกปปิ้ง: รูปแบบที่สั้นที่สุด เน้นกำไรเล็กน้อยจากความเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่จุด ในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที ต้องทำการซื้อขายจำนวนมากและมีค่าธรรมเนียมต่ำเพื่อให้คุ้มค่า
  • สวิงเทรด: ถือสถานะนานกว่าเดย์เทรดเล็กน้อย อาจ 2-3 วันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อจับจังหวะราคาที่แกว่งตัวในแนวโน้มระยะสั้นถึงกลาง

กลยุทธ์และวิธีการเทรดระยะสั้นที่จำเป็นต้องรู้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเทรดสั้น

การศึกษาข้อมูลราคาในอดีตและปริมาณการซื้อขาย เพื่อทำนายทิศทางราคาในอนาคต คือหัวใจของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเทรดระยะสั้น เพราะปัจจัยพื้นฐานมักไม่ทันส่งผลในกรอบเวลาสั้นๆ ด้วยวิธีนี้ นักเทรดสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวได้แม่นยำกว่า

  • แนวรับและแนวต้าน: ระดับราคาที่ราคามักหยุดตัวหรือกลับทิศทาง เนื่องจากแรงซื้อหรือขายที่เข้มข้น ช่วยกำหนดจุดเข้าเทรด จุดล็อกกำไร และจุดตัดขาดทุนได้อย่างชัดเจน
  • กราฟแท่งเทียน: แต่ละรูปแบบสะท้อนพฤติกรรมของผู้ซื้อผู้ขายในช่วงเวลานั้นๆ บ่งบอกถึงโอกาสพลิกแนวโน้มหรือการดำเนินต่อเนื่อง

อินดิเคเตอร์ที่ใช้กันแพร่หลายในเทรดระยะสั้น

เครื่องมือเหล่านี้คำนวณจากราคาและปริมาณ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ โดยช่วยยืนยันสัญญาณจากกราฟ

  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ช่วยระบุแนวโน้มและทำหน้าที่เป็นแนวรับแนวต้านที่ปรับตัวตามราคา จุดตัดกันระหว่างเส้นสั้นและยาว เช่น golden cross หรือ death cross เป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการเข้า-ออก
  • ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์: วัดโมเมนตัมของราคา สามารถแจ้งเตือนภาวะซื้อมากเกินหรือขายมากเกิน ซึ่งมักนำไปสู่การปรับฐาน
  • การกระตุ้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้น เพื่อประเมินความแรงและทิศทางของแนวโน้ม พร้อมสัญญาณซื้อขายที่ชัดเจน

กลยุทธ์เฉพาะสำหรับเดย์เทรดและสแกปปิ้ง

  • กลยุทธ์ทะลุแนว: เข้าซื้อเมื่อราคาเจาะแนวต้าน หรือขายเมื่อเจาะแนวรับ โดยคาดว่าราคาจะวิ่งต่อในทิศนั้นอย่างมีแรงผลักดัน
  • กลยุทธ์ตามแนวโน้ม: ซื้อในแนวโน้มขาขึ้นและขายในขาลง โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยหรืออินดิเคเตอร์อื่นๆ เพื่อยืนยันทิศทาง
  • กลยุทธ์ในกรอบราคา: ซื้อใกล้แนวรับและขายใกล้แนวต้าน เมื่อราคาเคลื่อนไหวในช่วงแคบโดยไม่มีแนวโน้มชัดเจน ช่วยให้ได้กำไรจากความผันผวนภายในกรอบ

การจัดการความเสี่ยงและเงินทุนในเทรดระยะสั้น

เหตุผลที่การบริหารความเสี่ยงสำคัญมากสำหรับเทรดสั้น

เนื่องจากความผันผวนที่รุนแรงในช่วงเวลาสั้น การเทรดแบบนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนระยะยาวหลายเท่า หากไม่มีการควบคุมที่ดี การขาดทุนเพียงไม่กี่ครั้งก็อาจล้างพอร์ตได้ การวางแผนความเสี่ยงจึงเป็นกุญแจสู่ความยั่งยืนและผลกำไรในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

วิธีตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit ให้มีประสิทธิภาพ

  • จุดตัดขาดทุน: สั่งขายอัตโนมัติเมื่อราคาแตะระดับที่กำหนด เพื่อจำกัดความเสียหายไม่ให้เกินขีดจำกัดที่ยอมรับได้ ทุกการเทรดระยะสั้นควรมีจุดนี้เสมอ เพื่อปกป้องทุน
  • จุดล็อกกำไร: สั่งขายเมื่อราคาไปถึงเป้าหมาย เพื่อรักษาผลตอบแทนไว้ ไม่ให้ความโลภทำให้พลาดโอกาสหรือถูกตลาดกลับตัวกัดกินกำไร

การกำหนดขนาดสถานะเพื่อควบคุมความเสี่ยง

การเลือกขนาดเงินทุนสำหรับแต่ละเทรดเรียกว่า position sizing โดยหลักการไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ตทั้งหมดต่อครั้ง เช่น ถ้ามีทุน 100,000 บาท ความเสียหายสูงสุดต่อเทรดควรไม่เกิน 1,000-2,000 บาท วิธีนี้ช่วยให้คุณอยู่รอดได้แม้เจอการขาดทุนติดต่อกันหลายครั้ง โดยไม่กระทบภาพรวม

การเทรดระยะสั้นในตลาดต่างๆ หุ้นเทียบกับ Forex

เทรดระยะสั้นในตลาดหุ้นไทย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET มีสภาพคล่องดีและหุ้นหลากหลายให้เลือก นักเทรดระยะสั้นต้องติดตามข่าวบริษัทและเศรษฐกิจโดยรวมอย่างใกล้ชิด แม้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเป็นหลัก แต่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวก็ยังมีอิทธิพล โดยเฉพาะในบริบทไทย นอกจากนี้ ตลาด mai สำหรับหุ้นขนาดเล็กที่ มีความผันผวนสูง อาจเปิดโอกาสให้ผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น หุ้นเทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรมที่ตอบสนองข่าวสารรวดเร็ว

เทรดระยะสั้นในตลาด Forex

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ Forex เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดซื้อขาย 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ด้วยสภาพคล่องสูง การเทรดที่นี่มักใช้เลเวอเรจสูงเพื่อขยายกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4 และ MT5 มาพร้อมเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคและระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้เทรดได้สะดวก โดยเฉพาะคู่สกุลเงินหลักที่เคลื่อนไหวจากข่าวเศรษฐกิจโลก

จิตวิทยาการเทรดและการรับมือความเครียด

อารมณ์ที่นักเทรดระยะสั้นมักเจอ

การเทรดสั้นๆ มักเป็นการต่อกรกับตัวเองมากกว่าตลาด เพราะต้องตัดสินใจทันที อารมณ์หลักที่เกิดขึ้นบ่อย ได้แก่

  • ความกลัว: กลัวขาดทุนจนปิดกำไรเร็วเกินไป หรือเลี่ยงโอกาสดีๆ จากความลังเล
  • ความโลภ: อยากได้กำไรมากจนไม่ยอมปิดสถานะ หรือเพิ่มเดิมพันเกินควร
  • ความเครียด: จากการตัดสินใจฉับพลัน ความผันผวน และผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ อาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดซ้ำซาก
  • การเทรดแก้แค้น: หลังขาดทุน อยากเอาคืนด้วยการเทรดไร้แผนและขนาดใหญ่ ซึ่งมักยิ่งเสียหนักกว่าเดิม

วิธีสร้างวินัยและจิตใจที่มั่นคง

การควบคุมอารมณ์คือกุญแจสำคัญสำหรับนักเทรดระยะสั้น เพื่อให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว

  • วางแผนเทรดให้ชัด: กำหนดจุดเข้า ออก กำไร และขาดทุนล่วงหน้า แล้วยึดตามอย่างเคร่งครัด แม้ตลาดจะชักจูง
  • บันทึกทุกเทรด: จดเหตุผลการเข้า-ออก และอารมณ์ตอนนั้น เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงตัวเอง โดยอาจใช้สมุดหรือแอปเฉพาะ
  • ฝึกสติ mindfulness: กิจกรรมอย่างการทำสมาธิหรือออกกำลังกายช่วยให้ใจเย็นและตัดสินใจดีขึ้น โดยเฉพาะก่อนช่วงตลาดวุ่นวาย
  • ยอมรับความสูญเสีย: ขาดทุนคือส่วนหนึ่งของเกม นักเทรดเก่งมองมันเป็นบทเรียน และใช้จุดตัดขาดทุนเพื่อปกป้องทุนหลัก

เริ่มเทรดระยะสั้นในไทย สิ่งที่ต้องรู้และหลีกเลี่ยง

เลือกโบรกเกอร์ไทยที่เหมาะกับเทรดสั้น

การหาโบรกเกอร์ที่ใช่คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับนักเทรดระยะสั้นในไทย ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อให้การเทรดราบรื่น

  • ค่าธรรมเนียม: เลือกที่มีคอมมิชชั่นหรือสเปรดต่ำ เพราะเทรดบ่อยอาจทำให้ต้นทุนพอกพูนได้ง่าย
  • ความเร็วในการส่งคำสั่ง: สำคัญมากสำหรับเดย์เทรดหรือสแกปปิ้ง ต้องมีระบบเสถียรไม่ล่าช้า เพื่อไม่พลาดโอกาส
  • แพลตฟอร์ม: ใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบ และรองรับการตั้งจุดตัดขาดทุน เช่น Streaming จาก Settrade สำหรับหุ้น หรือ MT4/MT5 สำหรับ Forex
  • บริการลูกค้า: ทีมงานที่ตอบสนองเร็วและเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะปัญหาเทคนิคที่อาจเกิดระหว่างเทรด

ประเด็นกฎหมายและภาษีที่เทรดเดอร์ไทยต้องระวัง

เข้าใจกฎระเบียบและภาษีให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

  • ภาษีจากกำไรหุ้น: โดยปกติกำไรจากการขายหุ้นใน SET ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ถ้าถือเป็น “ธุรกิจ” อาจต้องเสียภาษี กรมสรรพากร มีรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีจากการลงทุน
  • ภาษีจาก Forex หรือคริปโต: ยังไม่มีกฎเฉพาะ แต่กำไรนี้อาจจัดเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ต้องนำคำนวณภาษีแบบก้าวหน้า แนะนำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อความแม่นยำ
  • ความเสี่ยงจากโบรกเกอร์ต่างชาติ: สำหรับ Forex หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับ监管จากหน่วยงานน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง ควรตรวจสอบใบอนุญาตและรีวิวให้ละเอียด

สรุป การเทรดระยะสั้น โอกาสและอุปสรรคที่ต้องเผชิญ

การเทรดระยะสั้นเปิดประตูสู่กำไรที่รวดเร็ว แต่เต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยงที่สูงกว่าวิธีอื่นๆ ผู้ที่ประสบความสำเร็จต้องเชี่ยวชาญกลยุทธ์ วิเคราะห์ทางเทคนิค มีวินัยในการจัดการความเสี่ยงและทุน รวมถึงควบคุมจิตใจได้ดี ที่สำคัญ การรู้จักตลาดไทย ไม่ว่าจะโบรกเกอร์ กฎหมาย หรือภาษี จะช่วยให้คุณเดินทางนี้ได้อย่างมั่นใจและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากบัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนก่อนลงเงินจริง

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

เทรดระยะสั้นในตลาดหุ้นไทยต่างจาก Forex อย่างไร?

การเทรดหุ้นไทย (SET) มักมีเวลาทำการที่จำกัด (เปิด-ปิดตามเวลาทำการตลาด) และการใช้เลเวอเรจมีข้อจำกัดมากกว่า ในขณะที่ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ และมีเลเวอเรจที่สูงกว่ามาก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและขาดทุนได้รวดเร็วกว่า นอกจากนี้ หุ้นไทยมีปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วน Forex เน้นที่เศรษฐกิจมหภาคและการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน

มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรดระยะสั้นด้วยเงินทุนเท่าไหร่ดี?

สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยที่สามารถยอมรับการขาดทุนได้ทั้งหมด โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเริ่มจากหลักพันถึงหลักหมื่นบาท เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจตลาด การใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนเริ่มต้นด้วยเงินจริงก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

มีโบรกเกอร์ไทยที่แนะนำสำหรับการเทรดระยะสั้นโดยเฉพาะหรือไม่?

ในตลาดหุ้นไทย โบรกเกอร์ส่วนใหญ่รองรับการเทรดระยะสั้นได้ดี ควรเลือกจากค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ ความเสถียรของแพลตฟอร์ม และบริการลูกค้า สำหรับ Forex เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับโบรกเกอร์ Forex ในไทยโดยตรง ผู้เทรดมักใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากล อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาและเลือกด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

กำไรจากการเทรดระยะสั้นต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไรบ้าง?

กำไรจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยทั่วไปจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากมีการเทรดที่เข้าข่าย “การค้า” หรือ “ธุรกิจ” อาจต้องเสียภาษี สำหรับกำไรจากการเทรด Forex หรือคริปโตเคอร์เรนซี อาจถือเป็นเงินได้ที่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและครบถ้วน

จะจัดการกับความเครียดและอารมณ์ในการเทรดระยะสั้นได้อย่างไร?

การจัดการความเครียดและอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญ:

  • มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: กำหนดจุดเข้า-ออกและ Stop-Loss เสมอ
  • บันทึกการเทรด: เพื่อทบทวนและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงการเทรดเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าหรือมีอารมณ์ไม่ดี
  • ฝึกสติและสมาธิ: ช่วยให้จิตใจสงบและตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • ยอมรับการขาดทุน: มองว่าเป็นการเรียนรู้และควบคุมความเสี่ยงให้เหมาะสม

เทรดระยะสั้นแบบ Scalping เหมาะกับนักลงทุนไทยแบบไหน?

Scalping เหมาะกับนักลงทุนที่มีเวลาเฝ้าหน้าจอได้ตลอดเวลา มีความเร็วในการตัดสินใจสูง สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม และมีวินัยในการตัดขาดทุนอย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นการทำกำไรเพียงเล็กน้อยแต่ทำบ่อยครั้ง จึงต้องใช้ความแม่นยำและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งมาก

การใช้หุ่นยนต์เทรด (EA) ช่วยให้เทรดระยะสั้นในไทยได้กำไรจริงหรือไม่?

หุ่นยนต์เทรด (Expert Advisor หรือ EA) สามารถช่วยในการเทรดระยะสั้นได้ โดยการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ตั้งโปรแกรมไว้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดอารมณ์และการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากมนุษย์ อย่างไรก็ตาม EA ไม่ได้รับประกันผลกำไรเสมอไป ประสิทธิภาพของ EA ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกลยุทธ์ที่ใช้ การปรับแต่งให้เข้ากับสภาวะตลาด และการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) ที่ดี ควรเลือกใช้ด้วยความเข้าใจและระมัดระวัง

หนังสือหรือแหล่งเรียนรู้เทรดระยะสั้นภาษาไทยที่ดีมีอะไรบ้าง?

ในประเทศไทยมีแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากมาย เช่น:

  • หนังสือ: มีหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและจิตวิทยาการเทรดที่เขียนโดยนักลงทุนไทยหลายเล่ม
  • เว็บไซต์: เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ สถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (SET Education) มีบทความและคอร์สเรียนออนไลน์
  • สัมมนาและคอร์สเรียน: จัดโดยโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงินต่างๆ
  • ชุมชนออนไลน์: กลุ่มนักลงทุนใน Facebook หรือ Pantip ที่มีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์

ควรใช้ไทม์เฟรม (Timeframe) ใดในการวิเคราะห์กราฟสำหรับเทรดระยะสั้น?

สำหรับการเทรดระยะสั้น นักเทรดมักใช้ไทม์เฟรมที่สั้น เช่น 1 นาที (M1), 5 นาที (M5), 15 นาที (M15), หรือ 1 ชั่วโมง (H1) เพื่อจับความเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาใช้ไทม์เฟรมที่ใหญ่ขึ้น (เช่น H4 หรือ Daily) ร่วมด้วย เพื่อดูภาพรวมของแนวโน้มหลักและใช้ประกอบการตัดสินใจ (Multi-Timeframe Analysis)

เทรดระยะสั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนระยะยาวมากน้อยแค่ไหน?

เทรดระยะสั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้องเผชิญกับความผันผวนรายวันที่สูงกว่า และต้องใช้ความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เช่น การตั้ง Stop-Loss และการจัดการ Position Sizing ที่เหมาะสม อาจทำให้เงินทุนหมดไปได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การลงทุนระยะยาวจะเน้นการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว และมีเวลาให้สินทรัพย์ฟื้นตัวจากความผันผวนระยะสั้นได้

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *