ทำความเข้าใจ Pip: หัวใจสำคัญของการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์ควรรู้
ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาส การทำความเข้าใจพื้นฐานที่สำคัญเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อความสำเร็จและความยั่งยืนในระยะยาว ใช่ครับ! เรากำลังพูดถึง “Pip” (Percentage In Point หรือ Price Interest Point) หนึ่งในคำศัพท์พื้นฐานที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องคุ้นเคยและเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันเป็นหน่วยวัดเล็กๆ ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงราคา แต่มีความสำคัญมหาศาลต่อการคำนวณกำไร-ขาดทุนและการบริหารความเสี่ยงของเรา บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกความหมาย การคำนวณ และความสำคัญของ Pip ที่มีต่อการซื้อขายสกุลเงิน เพื่อให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพบนเส้นทางการลงทุนในตลาด Forex ที่ท้าทายนี้
คุณเคยสงสัยไหมว่าการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในตลาด Forex ส่งผลต่อเงินในบัญชีของคุณอย่างไร? หรือว่านักเทรดมืออาชีพใช้หน่วยวัดอะไรในการสื่อสารและคำนวณผลลัพธ์การเทรด? คำตอบคือ “Pip” ครับ! มันคือส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เราสามารถวัดผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นมาตรฐานและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณกำไรที่ทำได้ กำไรที่เสียไป หรือแม้กระทั่งการกำหนดจุดที่เราจะหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องเงินทุนของเรา หากปราศจากความเข้าใจในเรื่อง Pip การเทรดของคุณก็อาจเป็นเหมือนการเดินทางโดยไม่มีแผนที่ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ง่ายกว่าที่คุณคิด
- Pip เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex
- การเข้าใจ Pip เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการคำนวณกำไรขาดทุน
- การไม่เข้าใจ Pip อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการวางแผนกลยุทธ์
Pip คืออะไร? นิยามและเหตุผลความสำคัญ
มาเริ่มต้นกันที่คำถามพื้นฐานที่สุด: Pip คืออะไรกันแน่? ในโลกของตลาด Forex ที่ราคาเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดอ่อนถึงทศนิยมหลายตำแหน่ง Pip ก็คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุด หรือ “หน่วยขั้นต่ำ” ของราคา ที่สกุลเงินคู่หนึ่งๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ลองนึกภาพดูว่าคุณกำลังวัดความยาวของสิ่งของชิ้นเล็กๆ แทนที่จะบอกเป็นหน่วยเซนติเมตร หรือมิลลิเมตรที่ซับซ้อน เราอาจมีหน่วยที่เรียกว่า “จุด” หรือ “ก้าวเล็กๆ” เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น Pip ก็ทำหน้าที่คล้ายกันนี้ในตลาด Forex ครับ
ทำไมเราถึงต้องใช้ Pip แทนที่จะใช้ราคาแบบเต็มๆ? เหตุผลง่ายๆ คือเพื่อความสะดวกและความเป็นมาตรฐานในการสื่อสารและคำนวณ เนื่องจากราคาในตลาด Forex มักแสดงเป็นตัวเลขทศนิยมหลายตำแหน่ง เช่น EURUSD อาจจะอยู่ที่ 1.12345 การเปลี่ยนแปลงจาก 1.12345 ไปเป็น 1.12355 จะเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง 1 Pip แทนที่จะต้องพูดตัวเลขยาวๆ เช่น “ราคาเปลี่ยนไป 0.00010” ซึ่งอาจจะสับสนและสื่อสารยากกว่า
นอกจาก Pip แล้ว เรายังได้ยินคำว่า “ปิเปต” (Pipette) หรือ “จุด” (Point) อีกด้วย ซึ่งคำเหล่านี้หมายถึงเศษส่วนของ Pip ครับ หาก Pip เป็นตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่สี่สำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป (เช่น EURUSD) ปิเปต ก็จะเป็นตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่ห้า ตัวอย่างเช่น ถ้า EURUSD ขยับจาก 1.12345 ไป 1.12346 นั่นคือการขยับ 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip นั่นเอง ความแตกต่างนี้สำคัญมากเพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะแสดงราคาเป็น 5 หลักทศนิยม (หรือ 3 หลักสำหรับคู่ JPY) ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดที่คุณเห็นจริงๆ คือ ปิเปต แต่เรามักจะอ้างอิงถึง Pip ในการคำนวณกำไรขาดทุนหลักๆ ของเรา
ความสำคัญของ Pip อยู่ที่มันเป็นแกนหลักของการวัดผลการเทรดของคุณ มันช่วยให้เราสามารถคำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ และเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การกำหนดจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร และที่สำคัญที่สุดคือ จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) หากไม่มีหน่วยวัดนี้ การวิเคราะห์และวางแผนการเทรด Forex ก็จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไร้ทิศทางอย่างยิ่ง
ประเภท | ค่า |
---|---|
Pipette | 0.1 Pip |
Pip | 0.0001 |
Lot | 100,000 หน่วย |
ไขความแตกต่าง: การแสดงราคา Pip 4 หลัก vs. 5 หลัก (และ JPY)
ในการเทรด Forex คุณจะสังเกตเห็นว่าโบรกเกอร์บางรายแสดงราคาคู่สกุลเงินในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อตำแหน่งของ Pip โดยตรง โดยทั่วไปแล้ว การแสดงราคาจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือแบบ 4 หลักทศนิยม และ 5 หลักทศนิยม รวมถึงกรณีพิเศษสำหรับคู่สกุลเงินที่มี JPY เข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ที่เราเทรดกัน ไม่ว่าจะเป็น EURUSD, GBPUSD, AUDUSD, USDCHF หรือ USDCAD นั้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะกำหนดราคาเป็นตัวเลข 5 หลักทศนิยม เช่น EURUSD ที่ราคา 1.12345 ในกรณีนี้ Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ นับจากจุดทศนิยมไปทางขวา ตัวเลขสุดท้ายหรือตำแหน่งที่ห้า คือ “ปิเปต” หรือ “จุด” ซึ่งเป็นเศษส่วนของ Pip นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น:
- หากราคา EURUSD เปลี่ยนจาก 1.12340 เป็น 1.12350 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 Pip
- หากราคา EURUSD เปลี่ยนจาก 1.12345 เป็น 1.12346 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip
ในอดีต โบรกเกอร์บางรายเคยใช้ระบบ 4 หลักทศนิยม ซึ่งในกรณีนั้น Pip ก็จะอยู่ที่ตำแหน่งที่สี่เช่นกัน แต่ไม่มีตำแหน่งที่ห้าสำหรับ ปิเปต ในปัจจุบัน ระบบ 5 หลักทศนิยมเป็นที่นิยมและเป็นมาตรฐานมากกว่า เพราะให้ความละเอียดของการเคลื่อนไหวราคาที่สูงกว่า ทำให้เทรดเดอร์สามารถระบุการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและแม่นยำขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับคู่สกุลเงินที่มีเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสกุลเงินอ้างอิง หรือเป็นสกุลเงินคู่ เช่น USDJPY, EURJPY, GBPJPY การแสดงราคา Pip จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมูลค่าของเงินเยนญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ การแสดงราคาจึงมักเป็นตัวเลข 2 หรือ 3 หลักทศนิยม
ในกรณีของคู่สกุลเงิน JPY นั้น Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สอง นับจากจุดทศนิยมไปทางขวา และถ้ามีตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่สาม นั่นคือ “ปิเปต” หรือ “จุด” ครับ
ตัวอย่างเช่น:
- หากราคา USDJPY เปลี่ยนจาก 109.120 เป็น 109.130 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 Pip
- หากราคา USDJPY เปลี่ยนจาก 109.123 เป็น 109.124 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip
การทำความเข้าใจความแตกต่างของการแสดงราคา Pip เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อการคำนวณมูลค่าของ Pip และกำไรขาดทุนของคุณ หากคุณคำนวณผิดพลาดไปเพียงตำแหน่งเดียว ก็อาจทำให้การประเมินผลการเทรดของคุณคลาดเคลื่อนอย่างมากเลยทีเดียว
แกะรอยการคำนวณมูลค่า Pip: ปริมาณการเทรดและคู่สกุลเงิน
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า Pip คืออะไร และมันปรากฏที่ตำแหน่งใดในราคาถัดจากจุดทศนิยม สิ่งต่อไปที่เราต้องรู้คือ “มูลค่า Pip” หรือ “ค่า Pip” มันมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันจะบอกเราว่าการเคลื่อนไหว 1 Pip มีค่าเป็นเงินเท่าไรในบัญชีเทรดของคุณ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการคำนวณกำไรขาดทุนที่แท้จริง
การคำนวณมูลค่า Pip ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลักสามประการ:
- คู่สกุลเงิน/เครื่องมือที่เทรด: สกุลเงินที่แตกต่างกันย่อมมีมูลค่าที่แตกต่างกัน
- ปริมาณการเทรด (Lot Size): ยิ่งเทรดในปริมาณมาก มูลค่า Pip ก็จะยิ่งสูงขึ้น
- ราคาปัจจุบันของสกุลเงินนั้นๆ: อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันมีผลต่อมูลค่า
โดยทั่วไปแล้ว 1 Lot มาตรฐานในตลาด Forex เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน (Base Currency) ซึ่งเป็นสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน (เช่น EUR ใน EURUSD) หากคุณเทรด 1 Lot และสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) หรือสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน (เช่น USD ใน EURUSD) คือสกุลเงินบัญชีของคุณ การคำนวณจะง่ายมากครับ
สูตรพื้นฐานสำหรับการคำนวณมูลค่า Pip:
มูลค่า Pip = (ขนาด 1 Pip * ปริมาณการเทรด) / ราคาปัจจุบันของสกุลเงินอ้างอิง (ถ้าสกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่สกุลเงินในบัญชี)
ตัวอย่าง | มูลค่า Pip (USD) |
---|---|
EURUSD – 1 Lot | $10 |
GBPUSD – 1 Lot | $10 |
USDJPY – 1 Lot | ประมาณ $9.16 |
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาดูตัวอย่างการคำนวณสำหรับคู่สกุลเงินหลัก (Majors) กันดีกว่าครับ สมมติว่าบัญชีเทรดของคุณเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ตัวอย่างการคำนวณมูลค่า Pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก:
- คู่ EURUSD:
- สมมติราคาปัจจุบัน: 1.12345
- ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
- ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย EUR):
- มูลค่า 1 Pip = 0.0001 * 100,000 EUR = 10 EUR
- เนื่องจากสกุลเงินอ้างอิง (USD) คือสกุลเงินบัญชีของเรา ดังนั้น 1 Pip มีค่าเท่ากับ $10
- คู่ GBPUSD:
- สมมติราคาปัจจุบัน: 1.31234
- ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
- ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย GBP):
- มูลค่า 1 Pip = 0.0001 * 100,000 GBP = 10 GBP
- แปลงเป็น USD: 10 GBP * 1.31234 = $13.12 (ค่าโดยประมาณ ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน)
- คู่ USDJPY:
- สมมติราคาปัจจุบัน: 109.123
- ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 2 (0.01)
- ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย USD):
- มูลค่า 1 Pip ในหน่วย JPY = 0.01 * 100,000 JPY = 1,000 JPY
- แปลงเป็น USD: 1,000 JPY / 109.123 = $9.16 (ค่าโดยประมาณ)
- นี่คือเหตุผลที่คู่ JPY มีมูลค่า Pip แตกต่างออกไป เพราะสกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่ JPY แต่เป็น JPY/USD
- คู่ USDCAD:
- สมมติราคาปัจจุบัน: 1.30123
- ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
- ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย USD):
- มูลค่า 1 Pip ในหน่วย CAD = 0.0001 * 100,000 USD = 10 USD
- แต่เนื่องจากสกุลเงินอ้างอิงคือ CAD เราต้องหารด้วยราคาปัจจุบัน: 10 CAD / 1.30123 = $7.68 (ค่าโดยประมาณ)
จะเห็นได้ว่ามูลค่า Pip แตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินและปริมาณการเทรดที่คุณเลือก การทำความเข้าใจการคำนวณนี้เป็นรากฐานสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่คุณจะเปิดการเทรดใดๆ คุณควรจะคำนวณหรือทราบมูลค่า Pip ของคู่สกุลเงินนั้นๆ เสมอ เพราะมันคือข้อมูลที่จะบอกคุณว่าการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ Pip จะส่งผลต่อบัญชีของคุณมากน้อยแค่ไหน
หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นการเทรด Forex หรือสำรวจผลิตภัณฑ์ CFD เพิ่มเติม Moneta Markets เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจและควรพิจารณา แพลตฟอร์มนี้มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลีย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่หรือมืออาชีพ ก็สามารถค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมได้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีเครื่องมือช่วยคำนวณมูลค่า Pip หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
Pip ในการปฏิบัติ: การคำนวณกำไร-ขาดทุนและการบริหารความเสี่ยง
หลังจากที่เราได้เรียนรู้การคำนวณมูลค่า Pip แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้ในการเทรดจริง การทำความเข้าใจว่า Pip มีผลต่อกำไรขาดทุนของคุณอย่างไร และจะใช้มันเพื่อกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ได้อย่างไร เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการการเทรด Forex ได้อย่างมืออาชีพ
การคำนวณกำไร-ขาดทุนจาก Pip:
นี่คือจุดที่ความเข้าใจเรื่อง Pip จะสร้างความได้เปรียบให้กับคุณอย่างแท้จริง การคำนวณกำไรขาดทุนจากการเทรดเป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อคุณทราบมูลค่า Pip แล้ว
สูตรการคำนวณกำไร-ขาดทุน:
กำไร/ขาดทุน = จำนวน Pip ที่ราคาเคลื่อนไหว * มูลค่า 1 Pip ต่อล็อต * ปริมาณล็อตที่เทรด
ตัวอย่าง:
สมมติว่าคุณเปิดการซื้อ (Buy) EURUSD ที่ราคา 1.12340 ด้วยปริมาณการเทรด 0.5 Lot (ซึ่งเท่ากับ 50,000 หน่วย EUR) และราคา EURUSD เคลื่อนไหวขึ้นไป 30 Pip เป็น 1.12640 แล้วคุณปิดการเทรดที่ราคานั้น
- จากที่คำนวณไปก่อนหน้า สำหรับ EURUSD, 1 Pip มีมูลค่า $10 ต่อ 1 Lot มาตรฐาน
- คุณเทรด 0.5 Lot ดังนั้น 1 Pip ของคุณมีมูลค่า: $10 * 0.5 = $5
- ราคาเคลื่อนไหวไป 30 Pip
- กำไรของคุณ = 30 Pip * $5/Pip = $150
ในทางกลับกัน หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไป 30 Pip คุณก็จะขาดทุน $150 เช่นกัน นี่คือความเรียบง่ายและทรงพลังของการใช้ Pip ในการประเมินผลการเทรด
การประยุกต์ใช้ Pip ในการบริหารความเสี่ยง (Risk Management):
การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจของการอยู่รอดในตลาด Forex และ Pip คือเครื่องมือสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์นี้ การตั้งค่าจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น และ Pip ช่วยให้คุณคำนวณตำแหน่ง Stop Loss ได้อย่างมีเหตุผล
โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนในบัญชีต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ
ขั้นตอนการใช้ Pip ในการบริหารความเสี่ยง:
- กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้: คุณต้องการเสี่ยงเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ในการเทรดครั้งนี้ (เช่น 1% ของเงินทุนในบัญชี)
- คำนวณจำนวน Pip ที่ยอมรับให้ขาดทุน: คุณต้องการให้จุดตัดขาดทุนอยู่ห่างจากจุดเข้ากี่ Pip โดยอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณ
- คำนวณขนาดสถานะ (Lot Size) ที่เหมาะสม: เมื่อคุณทราบมูลค่า Pip และจำนวน Pip ที่จะเสี่ยง คุณสามารถคำนวณย้อนกลับเพื่อหาปริมาณการเทรดที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกินความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
ตัวอย่างการคำนวณ Lot Size โดยใช้ Pip และ Risk Management:
สมมติว่าคุณมีเงินทุนในบัญชี $10,000 และคุณต้องการเสี่ยง 1% ของบัญชีในการเทรดครั้งนี้ นั่นคือ $100
คุณกำลังจะเทรด USDJPY และจากการวิเคราะห์ คุณต้องการตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 50 Pip
- ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ต่อการเทรด = $100
- จำนวน Pip ที่ยอมให้ขาดทุน = 50 Pip
- มูลค่า Pip ที่อนุญาต = $100 / 50 Pip = $2 ต่อ Pip
- สำหรับ USDJPY, 1 Lot มีมูลค่า Pip ประมาณ $9.16 (จากตัวอย่างก่อนหน้า)
- ดังนั้น ปริมาณการเทรดที่เหมาะสม = $2 (มูลค่า Pip ที่อนุญาต) / $9.16 (มูลค่า Pip ต่อ 1 Lot) ≈ 0.218 Lot
คุณจะเห็นว่าการคำนวณนี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนดปริมาณการเทรดที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่เสี่ยงเงินมากเกินไปในแต่ละครั้ง แม้ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไปถึง 50 Pip คุณก็จะขาดทุนเพียง 1% ของเงินทุนในบัญชีเท่านั้น นี่คือพลังที่แท้จริงของ Pip ในการบริหารความเสี่ยง
เมื่อพิจารณาเลือกแพลตฟอร์มการเทรด ความยืดหยุ่นและข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของ Moneta Markets เป็นสิ่งที่ควรกล่าวถึง แพลตฟอร์มนี้รองรับแพลตฟอร์มหลักอย่าง MT4, MT5 และ Pro Trader ผสานกับการดำเนินการที่รวดเร็วและการตั้งค่าสเปรดต่ำ มอบประสบการณ์การเทรดที่ยอดเยี่ยม แพลตฟอร์มที่ดีจะช่วยให้คุณเข้าถึงเครื่องมือคำนวณเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งมีฟังก์ชันคำนวณให้ในตัว
คู่สกุลเงินหลัก (Majors): ลักษณะ Pip เฉพาะที่เทรดเดอร์ควรรู้
แม้ว่าหลักการของ Pip จะเป็นสากล แต่ในทางปฏิบัติ คู่สกุลเงินหลัก (Majors) ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในตลาด Forex นั้น มีลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับ Pip ที่เทรดเดอร์ควรทราบ เพื่อให้การคำนวณและการวิเคราะห์ของคุณแม่นยำยิ่งขึ้น
คู่สกุลเงินหลักได้แก่:
- EURUSD (ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
- USDJPY (ดอลลาร์สหรัฐฯ / เยนญี่ปุ่น)
- GBPUSD (ปอนด์อังกฤษ / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
- USDCHF (ดอลลาร์สหรัฐฯ / ฟรังก์สวิส)
- USDCAD (ดอลลาร์สหรัฐฯ / ดอลลาร์แคนาดา)
- AUDUSD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
- NZDUSD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์ / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ในกลุ่ม Majors ที่ไม่ได้มี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง (เช่น EURUSD, GBPUSD, AUDUSD, NZDUSD) นั้น Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 โดยมี ปิเปต ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 5 ครับ การคำนวณมูลค่า Pip ของคู่เหล่านี้จะค่อนข้างตรงไปตรงมา เพราะสกุลเงินอ้างอิงคือ USD ซึ่งมักจะเป็นสกุลเงินบัญชีเทรดของหลายๆ คน ทำให้ 1 Pip มีค่าประมาณ $10 ต่อ 1 Lot มาตรฐานเสมอ
อย่างไรก็ตาม คู่ USDJPY เป็นข้อยกเว้นที่สำคัญที่สุดในกลุ่ม Majors เนื่องจากมี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง Pip ของคู่ USDJPY จึงอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 2 และมี ปิเปต ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 3 ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว การคำนวณมูลค่า Pip ของ USDJPY จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เพราะต้องนำราคาปัจจุบันมาหารเพื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบัญชี ทำให้ 1 Pip ของ USDJPY มีมูลค่าประมาณ $9-10 ต่อ 1 Lot ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
นอกจากนี้ คู่สกุลเงินอย่าง USDCHF และ USDCAD ก็มีลักษณะเฉพาะเช่นกัน ในกรณีของ USDCHF Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 เช่นกัน แต่เนื่องจาก CHF ไม่ใช่สกุลเงินบัญชีของเรา เราต้องแปลง CHF กลับเป็น USD ซึ่งจะต้องนำราคา USDCHF มาหาร และสำหรับ USDCAD ก็เช่นกัน Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 แต่เราต้องหารด้วยราคา USDCAD เพื่อแปลง CAD กลับเป็น USD
ตารางสรุปลักษณะ Pip ของคู่สกุลเงินหลัก (ตัวอย่างสำหรับ 1 Lot มาตรฐาน บัญชี USD):
คู่สกุลเงิน | ตำแหน่ง Pip | มูลค่า Pip (โดยประมาณ) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
EURUSD | ทศนิยมที่ 4 | $10.00 | สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี |
USDJPY | ทศนิยมที่ 2 | $9.16 (ผันแปร) | มี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง |
GBPUSD | ทศนิยมที่ 4 | $13.12 (ผันแปร) | สกุลเงินฐาน (GBP) มีมูลค่าสูง |
USDCHF | ทศนิยมที่ 4 | $10.00 (ผันแปร) | สกุลเงินอ้างอิง (CHF) ไม่ใช่สกุลเงินบัญชี |
USDCAD | ทศนิยมที่ 4 | $7.68 (ผันแปร) | สกุลเงินอ้างอิง (CAD) ไม่ใช่สกุลเงินบัญชี |
AUDUSD | ทศนิยมที่ 4 | $10.00 | สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี |
NZDUSD | ทศนิยมที่ 4 | $10.00 | สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี |
การรู้และเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่เพียงแค่คำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยในการวางแผนการบริหารความเสี่ยงสำหรับแต่ละคู่สกุลเงินได้อย่างแม่นยำอีกด้วย เพราะ 1 Pip ใน GBPUSD อาจมีมูลค่ามากกว่า 1 Pip ใน USDJPY ซึ่งส่งผลต่อขนาดสถานะที่คุณควรเปิด
แนวคิด Pip ขั้นสูง: สเปรด, Tick และผลกระทบต่อการเทรด CFD
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของ Pip และการคำนวณแล้ว เรามาเจาะลึกแนวคิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวราคาและต้นทุนการเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือเรื่องของ “สเปรด” และ “Tick” รวมถึงความสัมพันธ์กับการเทรด CFD
สเปรด (Spread) กับ Pip:
สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid Price) และราคาเสนอขาย (Ask Price) ของคู่สกุลเงินหนึ่งๆ ซึ่งเป็นต้นทุนที่คุณต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อเปิดการเทรด สเปรดจะถูกวัดเป็นจำนวน Pip ครับ
ตัวอย่างเช่น หากราคาเสนอซื้อ (Bid) ของ EURUSD อยู่ที่ 1.12340 และราคาเสนอขาย (Ask) อยู่ที่ 1.12350 แสดงว่าสเปรดคือ 1.12350 – 1.12340 = 0.00010 หรือ 1 Pip นั่นเอง
เมื่อคุณเปิดสถานะซื้อ (Long Position) คุณจะเข้าซื้อที่ราคา Ask และเมื่อคุณปิดสถานะซื้อ คุณจะปิดที่ราคา Bid นั่นหมายความว่าคุณจะเริ่มต้นการเทรดด้วยการขาดทุนทันทีเท่ากับจำนวนสเปรด ดังนั้น สเปรดยิ่งต่ำยิ่งดีสำหรับเทรดเดอร์ โดยเฉพาะผู้ที่เทรดบ่อยครั้งหรือเทรดในกรอบเวลาสั้นๆ (เช่น M1)
Tick กับ Pip:
ในขณะที่ Pip เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคามาตรฐานที่ใหญ่กว่า “Tick” คือการเปลี่ยนแปลงราคาที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่โบรกเกอร์สามารถแสดงได้ โดยทั่วไป 1 Tick อาจเท่ากับ 1 ปิเปต (0.1 Pip) หรืออาจเล็กกว่านั้น ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และประเภทของสินทรัพย์
Tick มักใช้ในการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์บนกราฟ และเป็นสิ่งที่นักเทรดระยะสั้น (Scalpers) ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อจับจังหวะการเข้าและออกที่รวดเร็ว การสังเกต Tick ช่วยให้คุณเห็นถึงแรงซื้อแรงขายในตลาดได้ละเอียดกว่าการดูที่ Pip เพียงอย่างเดียว
ผลกระทบต่อการเทรด CFD:
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เป็นตราสารทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงนั้นๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี หรือแม้แต่คู่สกุลเงิน Forex ซึ่งในการเทรด CFD เหล่านี้ “Pip” ก็ยังคงเป็นหน่วยวัดการเคลื่อนไหวราคาพื้นฐาน แต่บางครั้งอาจเรียกว่า “จุด” หรือ “Point” แทน เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของตลาดสินทรัพย์นั้นๆ
การทำความเข้าใจ Pip ในบริบทของ CFD มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ CFD มักมาพร้อมกับ Leverage (เลเวอเรจ) หรืออัตราทดที่สูง ซึ่งหมายความว่าแม้การเคลื่อนไหวของราคาเพียงไม่กี่ Pip ก็สามารถส่งผลให้เกิดกำไรขาดทุนจำนวนมากได้ หากคุณไม่เข้าใจมูลค่า Pip และการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง คุณอาจเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดได้
ตัวอย่างเช่น การเทรด CFD น้ำมันดิบ หรือทองคำ การเคลื่อนไหว 1 Pip หรือ 1 Point อาจมีมูลค่าที่แตกต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบกับ 1 Pip ใน Forex ทั่วไป การคำนวณนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนเริ่มเทรด CFD
ถ้าคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ที่มีหลักประกันด้านกฎระเบียบและสามารถเทรดได้ทั่วโลก Moneta Markets มีการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ เช่น FSCA, ASIC, FSA พร้อมทั้งเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ เช่น การคุ้มครองเงินทุนที่แยกบัญชี, VPS ฟรี และบริการลูกค้า 24/7 ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักเทรดจำนวนมาก โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยการเคลื่อนไหวราคาและต้นทุนต่างๆ ในทุกผลิตภัณฑ์ที่คุณเทรด
โบรกเกอร์และแพลตฟอร์ม: ความแตกต่างในการแสดงผลและเครื่องมือคำนวณ Pip
แม้ว่าหลักการของ Pip จะเป็นสากล แต่การแสดงผลและการมีเครื่องมือช่วยคำนวณในแพลตฟอร์มการเทรดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรทราบและทำความเข้าใจเพื่อประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ
ความแตกต่างในการแสดงราคา:
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันแสดงราคาแบบ 5 หลักทศนิยมสำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป (เช่น EURUSD) และ 3 หลักทศนิยมสำหรับคู่สกุลเงินที่มี JPY (เช่น USDJPY) อย่างไรก็ตาม อาจมีโบรกเกอร์บางรายที่ยังคงใช้ระบบ 4 หลักทศนิยม (2 หลักสำหรับ JPY) หรือมี “จุด” หรือ “ปิเปต” ที่แสดงผลแตกต่างกันเล็กน้อยในรายละเอียดปลีกย่อย
สิ่งสำคัญคือคุณต้องตรวจสอบกับโบรกเกอร์ของคุณว่าพวกเขามีการแสดงราคาแบบใด และ Pip ของพวกเขาอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมใด เพื่อให้การคำนวณกำไรขาดทุนของคุณถูกต้องแม่นยำอยู่เสมอ
เครื่องมือคำนวณมูลค่า Pip ในแพลตฟอร์ม:
แพลตฟอร์มการเทรดแต่ละแห่งมีฟังก์ชันและเครื่องมือที่แตกต่างกันในการช่วยเหลือเทรดเดอร์ในการคำนวณมูลค่า Pip:
- MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5): แพลตฟอร์มยอดนิยมเหล่านี้ไม่ได้มีเครื่องมือคำนวณมูลค่า Pip ในตัวที่ใช้งานง่ายนัก คุณอาจจะต้องคำนวณด้วยตนเองโดยใช้สูตรที่เราได้เรียนรู้ไป หรือใช้เครื่องคำนวณ Pip ออนไลน์จากเว็บไซต์ภายนอก หรือใช้ Expert Advisor (EA) ที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ
- แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์บางราย (เช่น xStation ของ XTB หรือแพลตฟอร์มของ Moneta Markets): โบรกเกอร์บางรายพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองที่มาพร้อมกับเครื่องมือคำนวณที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เทรดเดอร์ได้อย่างมาก คุณสามารถระบุปริมาณการเทรดและเห็นมูลค่า Pip รวมถึงกำไรขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีบนหน้าจอ หรือมีเครื่องคำนวณขนาดล็อตและมูลค่า Pip ในตัว นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งสำหรับนักเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำในการตัดสินใจ
การเลือกโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณเป็นมือใหม่ การมีเครื่องมือช่วยคำนวณที่ใช้งานง่ายจะช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ในทางกลับกัน หากคุณเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์ คุณอาจจะคุ้นเคยกับการคำนวณด้วยตนเอง หรือใช้เครื่องมือเสริมอื่นๆ อยู่แล้ว
ไม่ว่าแพลตฟอร์มที่คุณใช้จะเป็นแบบใด สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจหลักการคำนวณมูลค่า Pip ด้วยตนเองเสมอ เพราะเครื่องมือช่วยคำนวณเป็นเพียงตัวช่วยให้คุณทำงานได้รวดเร็วขึ้น แต่ความเข้าใจในพื้นฐานคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นนักเทรดที่ชาญฉลาดและมีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตัวเอง
บทบาทของ Pip ในการจัดการเงิน (Money Management) สำหรับนักลงทุนมือใหม่
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การจัดการเงินทุน หรือ Money Management ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน และ Pip คือองค์ประกอบหลักที่เชื่อมโยงโดยตรงกับหลักการนี้ หากคุณละเลยความสัมพันธ์ระหว่าง Pip กับการจัดการเงิน คุณกำลังเสี่ยงกับความขาดทุนที่ไม่จำเป็น
เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า “การจัดการความเสี่ยงที่ดี คือการจัดการเงินที่ดี” และการที่จะจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องสามารถกำหนดขนาดของการเทรด (Lot Size) ที่เหมาะสมกับเงินทุนของคุณ และ Pip คือกุญแจสำคัญในเรื่องนี้
ลองจินตนาการว่าคุณมีเงินทุนในบัญชี $1,000 และคุณได้ยินมาว่าการเทรด 1 Lot EURUSD นั้น 1 Pip มีค่า $10 หากคุณเปิดการเทรด 1 Lot ทันทีโดยไม่เข้าใจมูลค่า Pip และราคาขยับสวนทางไปเพียง 10 Pip คุณจะขาดทุนถึง $100 ซึ่งเท่ากับ 10% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชีของคุณ! การขาดทุนเพียง 10% จากการเทรดครั้งเดียวถือว่าสูงมาก และอาจทำให้คุณท้อแท้หรือหมดเงินทุนอย่างรวดเร็ว
นี่คือเหตุผลที่การจัดการเงินเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ Pip:
- การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) ที่เหมาะสม: เมื่อคุณรู้ว่า 1 Pip ของคู่สกุลเงินที่คุณกำลังจะเทรดมีมูลค่าเท่าไร และคุณยอมรับความเสี่ยงได้สูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินทุน (เช่น 1-2%) คุณจะสามารถคำนวณปริมาณการเทรดเป็น Lot หรือ Mini Lot (0.1 Lot) หรือ Micro Lot (0.01 Lot) ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้การขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตที่คุณรับได้เสมอ
- การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่มีประสิทธิภาพ: Pip ช่วยให้คุณวัดระยะห่างระหว่างจุดเข้าและจุดตัดขาดทุนของคุณเป็นจำนวน Pip เมื่อคุณทราบจำนวน Pip ที่จะเสี่ยงแล้ว คุณสามารถคำนวณเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนที่อาจจะขาดทุนได้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล แทนที่จะตั้ง Stop Loss แบบสุ่มๆ
- การคำนวณเป้าหมายกำไร (Take Profit): ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถใช้ Pip เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำกำไรของคุณได้ หากคุณตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไร 50 Pip และคุณทราบมูลค่า Pip ของสถานะที่คุณเปิด คุณจะรู้ทันทีว่าคุณคาดหวังกำไรเป็นจำนวนเงินเท่าไร การคำนวณนี้ช่วยให้คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นจริง
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ในตลาด Forex การเริ่มต้นด้วยปริมาณการเทรดที่น้อยที่สุด เช่น Micro Lot (0.01 Lot) เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะ 1 Pip ของ EURUSD จะมีมูลค่าเพียง $0.10 เท่านั้น ทำให้คุณสามารถฝึกฝนและเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่สูงเกินไป การเข้าใจและประยุกต์ใช้ Pip ในการจัดการเงินจะช่วยให้คุณสร้างวินัยในการเทรด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
ข้อผิดพลาดทั่วไปเกี่ยวกับ Pip และวิธีหลีกเลี่ยง
แม้ว่าแนวคิดของ Pip จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีข้อผิดพลาดทั่วไปที่นักเทรดหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ มักจะตกหลุมพราง ซึ่งอาจนำไปสู่การคำนวณผิดพลาดและผลลัพธ์การเทรดที่ไม่พึงประสงค์ การทราบถึงข้อผิดพลาดเหล่านี้และรู้วิธีหลีกเลี่ยงจะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
1. สับสนระหว่าง Pip กับ Pipette (จุด):
- ข้อผิดพลาด: การเข้าใจผิดว่าตัวเลขทศนิยมสุดท้ายที่แสดงบนแพลตฟอร์มคือ Pip ในขณะที่จริงๆ แล้วมันคือ ปิเปต หรือ 0.1 Pip ตัวอย่างเช่น คิดว่า EURUSD ขยับจาก 1.12345 ไป 1.12346 คือ 1 Pip ทั้งที่จริงแล้วคือ 0.1 Pip
- ผลกระทบ: ทำให้คำนวณกำไรขาดทุนและมูลค่า Pip ผิดพลาดไป 10 เท่า ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงและขนาดสถานะที่ไม่ถูกต้อง
- วิธีหลีกเลี่ยง: จดจำไว้เสมอว่าสำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ Pip คือหลักที่สี่หลังจุดทศนิยม และสำหรับคู่ JPY คือหลักที่สองหลังจุดทศนิยม ตัวเลขสุดท้ายคือ ปิเปต เสมอ หรือฝึกฝนการคำนวณด้วยตนเองบ่อยๆ จนคุ้นเคย
2. ไม่คำนึงถึงสกุลเงินบัญชีและสกุลเงินอ้างอิง:
- ข้อผิดพลาด: คิดว่า 1 Pip มีมูลค่า $10 เสมอสำหรับ 1 Lot โดยไม่คำนึงถึงว่าสกุลเงินอ้างอิงของคู่สกุลเงินนั้นๆ เป็นสกุลเงินอะไร และสกุลเงินบัญชีของคุณเป็นสกุลเงินอะไร
- ผลกระทบ: การคำนวณมูลค่า Pip ผิดพลาด ทำให้ประเมินกำไรขาดทุนและขนาดสถานะผิดพลาด โดยเฉพาะกับคู่ที่ไม่ใช่ USD เป็นสกุลเงินอ้างอิงโดยตรง เช่น GBPUSD หรือ USDCHF
- วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้สูตรคำนวณมูลค่า Pip อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีที่สกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่สกุลเงินบัญชีของคุณ และใช้เครื่องคำนวณ Pip ที่เชื่อถือได้เพื่อตรวจสอบซ้ำ
3. ละเลยการคำนวณสเปรด:
- ข้อผิดพลาด: ไม่รวมสเปรดเข้าในการคำนวณต้นทุนการเทรด ทำให้ประเมินกำไรขาดทุนสุทธิที่อาจได้รับต่ำกว่าความเป็นจริง
- ผลกระทบ: คุณอาจคิดว่าทำกำไรได้เพียงพอแล้ว แต่เมื่อหักสเปรดออกไป กำไรที่แท้จริงกลับน้อยลง หรือต้องทำกำไรได้มากกว่าที่คิดเพื่อคุ้มทุน
- วิธีหลีกเลี่ยง: ทำความเข้าใจว่าการเปิดการเทรดจะเริ่มต้นด้วยการติดลบเท่ากับจำนวนสเปรดเสมอ และคำนึงถึงสิ่งนี้ในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) ของคุณ
4. การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) โดยไม่ใช้ Pip:
- ข้อผิดพลาด: การตั้ง Stop Loss โดยใช้จำนวนเงินตายตัว หรือใช้ระยะห่างจากจุดเข้าโดยไม่คำนึงถึงมูลค่า Pip ต่อล็อต
- ผลกระทบ: การขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงอาจสูงกว่าที่คาดไว้มาก หากคุณเปิดขนาดสถานะใหญ่เกินไป และ Pip มีมูลค่าสูง หรือในทางกลับกันก็อาจทำให้ Stop Loss แคบเกินไปจนโดนชนบ่อยครั้ง
- วิธีหลีกเลี่ยง: กำหนดความเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุน แล้วใช้มูลค่า Pip และจำนวน Pip ที่ยอมรับให้ขาดทุนมาคำนวณหาขนาดสถานะที่เหมาะสมที่สุด ดังที่เราได้เรียนรู้ในส่วนการบริหารความเสี่ยง
การฝึกฝนและการทบทวนหลักการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป และพัฒนาความเข้าใจใน Pip ไปสู่ระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบต่อเงินทุนของคุณมากขึ้นในที่สุด
สรุป: Pip แกนหลักของการเทรด Forex ที่ทุกเทรดเดอร์ต้องเชี่ยวชาญ
Pip ไม่ใช่เพียงแค่หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคา แต่เป็นแกนหลักของการทำความเข้าใจพลวัตของตลาด Forex และเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการการเทรดของท่าน ตลอดบทความนี้ เราได้เดินทางไปในเส้นทางแห่งความรู้เกี่ยวกับ Pip ตั้งแต่การนิยามความหมาย การทำความเข้าใจความแตกต่างของการแสดงราคา ไปจนถึงการเจาะลึกวิธีการคำนวณมูลค่า Pip ที่ซับซ้อน และที่สำคัญที่สุดคือการประยุกต์ใช้ Pip ในการคำนวณกำไรขาดทุน และการกำหนดกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง
คุณได้เรียนรู้แล้วว่า Pip เป็นตัวเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดกับจำนวนเงินในบัญชีของคุณ การเข้าใจว่า 1 Pip มีค่าเป็นเงินเท่าไรสำหรับคู่สกุลเงินและปริมาณการเทรดที่คุณเลือก คือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถประเมินโอกาสและข้อจำกัดของการเทรดแต่ละครั้งได้อย่างแท้จริง มันช่วยให้คุณตอบคำถามที่สำคัญที่สุดก่อนเข้าเทรด: “ฉันจะเสี่ยงเท่าไหร่ และฉันคาดหวังกำไรเท่าไหร่จากการเทรดนี้”
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การเชี่ยวชาญเรื่อง Pip เป็นประตูบานแรกสู่โลกของการเทรดที่มั่นคงและมีวินัย การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปที่อาจนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่จำเป็น และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาทักษะการเทรด Forex ของคุณต่อไป ในขณะที่สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ การทบทวนและทำความเข้าใจในรายละเอียดของ Pip อีกครั้ง จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ที่มีอยู่ และช่วยให้คุณปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
จำไว้เสมอว่าในตลาด Forex การควบคุมความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง และ Pip คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนั้น การตัดสินใจที่ชาญฉลาด การวางแผนที่รอบคอบ และการจัดการเงินที่แม่นยำ ล้วนเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจในหน่วยวัดพื้นฐานนี้ ดังนั้น จงฝึกฝน ทำความเข้าใจ และใช้ Pip ให้เป็นประโยชน์สูงสุดบนเส้นทางการลงทุนของคุณ แล้วคุณจะพบว่าการเทรดนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เมื่อคุณมีเครื่องมือที่ถูกต้องในมือ
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าสำหรับคุณ และช่วยให้คุณเติบโตเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างแท้จริง การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด และการทำความเข้าใจในรายละเอียดที่สำคัญเช่น Pip คือก้าวแรกที่จะนำพาคุณไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายนี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับpips แปลว่า
Q:Pip คืออะไรในตลาด Forex?
A:Pip คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex ซึ่งใช้ในการคำนวณกำไรขาดทุน
Q:การคำนวณมูลค่า Pip ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
A:มูลค่า Pip ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงิน ปริมาณการเทรด และราคาปัจจุบันของสกุลเงินนั้นๆ
Q:ทำไมต้องใช้ Pip แทนการแสดงราคาทั้งหมด?
A:การใช้ Pip จะทำให้การสื่อสารและคำนวณกำไรขาดทุนสะดวกและเป็นมาตรฐานมากขึ้น