บทนำ: Margin Call (มาร์จิ้นคอล) คืออะไร? สัญญาณสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้
Margin Call หรือที่เรียกกันว่ามาร์จิ้นคอล คือการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ส่งตรงถึงนักลงทุน เพื่อบอกว่าทุนในบัญชีซื้อขายแบบมีหลักประกันได้ลดลงจนไม่พอรองรับตำแหน่งลงทุนที่กำลังเปิดค้างไว้ สัญญาณนี้บังคับให้นักลงทุนต้องเติมเงินหรือสินทรัพย์เพิ่มเข้าไป เพื่อดึงระดับทุนในบัญชีให้กลับมาถึงมาตรฐานที่กำหนด หากละเลย โบรกเกอร์อาจต้องขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่แบบบังคับ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนชาวไทย โดยเฉพาะคนที่เล่นหุ้น Forex หรือ TFEX แบบใช้เลเวอเรจ ควรศึกษากันให้ละเอียด เพราะมันไม่ใช่แค่ชื่อหนังดัง แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยทางการเงินที่ต้องรับมืออย่างจริงจัง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกกลไกและผลกระทบของมัน เพื่อให้คุณพร้อมรับมือแบบมือโปร

ทำความเข้าใจพื้นฐาน: มาร์จิ้น (Margin) และ เลเวอเรจ (Leverage) ในการเทรด
ก่อนที่จะลงลึกเรื่อง Margin Call นักลงทุนควรเริ่มจากรากฐานของการเทรดแบบใช้หลักประกัน ซึ่งมีสององค์ประกอบหลักคือมาร์จิ้นและเลเวอเรจ มาร์จิ้นคือเงินสดหรือหลักทรัพย์ที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ เพื่อเป็นเครื่องค้ำประกันในการเปิดดีลที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริงของคุณมาก ซึ่งนั่นนำไปสู่เลเวอเรจที่ช่วยให้คุณควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยเงินน้อย ตัวอย่างชัดๆ คือเลเวอเรจ 1:100 หมายถึงเงิน 1 บาทของคุณสามารถจัดการดีลมูลค่า 100 บาทได้ แม้มันจะเปิดโอกาสทำกำไรแบบก้าวกระโดด แต่ความเสี่ยงขาดทุนก็พุ่งสูงตามไปด้วย
ในระบบมาร์จิ้นนี้ มีหลักประกันสองแบบที่ต้องรู้จักให้ดี
- มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin): จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องวางเพื่อเปิดดีลใหม่
- มาร์จิ้นรักษาสภาพ (Maintenance Margin): ระดับขั้นต่ำที่ต้องรักษาไว้ตลอด ถ้าทุนในบัญชีตกลงต่ำกว่านี้ ก็จะโดน Margin Call ทันที

การเข้าใจสองสิ่งนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าทำไมการเทรดแบบนี้ถึงน่าตื่นเต้นแต่ก็อันตรายในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนอย่างตลาดไทย
Margin Call (มาร์จิ้นคอล) ทำงานอย่างไร? กลไกและเงื่อนไขการเรียกหลักประกันเพิ่ม
Margin Call จะถูกกระตุ้นเมื่อทุนสุทธิในบัญชี (Equity) ตกต่ำกว่ามาร์จิ้นรักษาสภาพที่โบรกเกอร์ตั้งไว้ ซึ่งมักคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าดีลทั้งหมดหรือจากมาร์จิ้นเริ่มต้น โบรกเกอร์จะคอยเฝ้าดูทุนแบบเรียลไทม์ ถ้าตลาดหันทิศทางตรงข้ามกับดีลของคุณ สร้างขาดทุนที่ยังไม่ realize จนทุนใกล้จุดวิกฤต ก็จะส่งสัญญาณเรียกทุนเพิ่มทันที
ตัวอย่างง่ายๆ ในการคำนวณ Margin Call: สมมติคุณเปิดดีลด้วย Initial Margin 1,000 บาท และ Maintenance Margin อยู่ที่ 500 บาท ถ้าดีลขาดทุนจน Equity เหลือแค่ 400 บาท ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ คุณจะโดน Margin Call และโบรกเกอร์อาจขอให้เติม 600 บาทเพื่อกลับไป Initial หรืออย่างน้อย 100 บาทเพื่อให้ถึง Maintenance ในไทย โบรกเกอร์มักแจ้งผ่านอีเมล SMS โทรศัพท์ หรือแอปเทรด โดยให้เวลาตอบสนอง 1-2 วันทำการ ถ้าช้าเกิน อาจโดนบังคับขาย

กลไกนี้ช่วยปกป้องทั้งโบรกเกอร์และนักลงทุน แต่ถ้าคุณรู้ทัน จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Margin Call (มาร์จิ้นคอล)
Margin Call ไม่ได้โผล่มาแบบสุ่ม แต่เกิดจากปัจจัยที่นักลงทุนควบคุมได้บางส่วน โดยสาเหตุสำคัญที่ต้องระวังมีดังนี้
- ราคาตลาดพลิกผันไม่เป็นใจ: สาเหตุหลักที่เจอบ่อย เมื่อราคาสินทรัพย์ที่คุณถือไปทางตรงข้ามกับที่คาด สร้าง unrealized loss จนทุนหดตัว เช่น หุ้นที่ซื้อไว้ร่วงหนักกะทันหัน
- เลเวอเรจที่ใช้เกินตัว: แม้เลเวอเรจจะช่วยขยายกำไร แต่ถ้าใช้สูงเกิน บัญชีจะ敏感ต่อการขยับราคาเล็กน้อย ถ้าตลาดเบี่ยงนิดเดียว ก็อาจทะลุเกณฑ์ Maintenance Margin แล้ว
- การปรับขึ้นของมาร์จิ้นรักษาสภาพ: โบรกเกอร์บางรายอาจเพิ่มเปอร์เซ็นต์เกณฑ์ในช่วงตลาดวุ่นวาย ทำให้บัญชีที่เคยปลอดภัยโดนเรียกทุนกะทันหัน
- ทุนสำรองไม่พอ: ถ้าบัญชีขาดทุนต่อเนื่องโดยไม่เติมเงินใหม่ ก็จะเข้าสู่โซนเสี่ยง Margin Call ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าไม่มี buffer ไว้
การรู้จักสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้คุณวางแผนป้องกันได้ทันท่วงที โดยเฉพาะในตลาดไทยที่อาจได้รับผลจากข่าวเศรษฐกิจภายใน
ผลกระทบและสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากไม่ตอบสนอง Margin Call (มาร์จิ้นคอล)
ถ้าปล่อยให้ Margin Call ผ่านไปโดยไม่ทำอะไร ผลที่ตามมาอาจหนักหนาเกินคาดต่อพอร์ตและสถานะทางการเงินของคุณ ถ้าเติมทุนไม่ทันเวลา โบรกเกอร์มีสิทธิ์ forced liquidation หรือปิดดีลอัตโนมัติ เพื่อคุ้มครองตัวเองและดึงทุนกลับสู่ระดับปลอดภัย
ผลกระทบหลักที่ต้องเจอถ้าละเลย:
- การบังคับขาย (Forced Liquidation): โบรกเกอร์จะขายสินทรัพย์ของคุณ ไม่ว่าจะหุ้น สัญญาฟิวเจอร์ส หรือคู่เงิน โดยไม่ต้องถามความเห็น ซึ่งมักขายในราคาแย่ๆ ทำให้ขาดทุนหนัก
- ขาดทุนเกินทุนเริ่มต้น: ถ้าตลาดผันผวนรุนแรง ราคาอาจดิ่งจนขายไม่ทัน สร้างหนี้ที่ต้องจ่ายคืนโบรกเกอร์
- กระทบประวัติบัญชีและเครดิต: การโดนบังคับขายบ่อยๆ อาจทำให้ประวัติเทรดเสียหาย และถ้ามีหนี้ค้าง อาจลามไปถึงเครดิตส่วนตัวในระยะยาว
- พลาดโอกาสฟื้นตัว: การขายแบบบังคับทำให้คุณหลุดจากตลาด ถ้าสินทรัพย์นั้นเด้งกลับ คุณก็เสียโอกาสไปฟรีๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะแบบนี้ การตอบสนองรวดเร็วคือกุญแจสำคัญเสมอ
ทางออกเมื่อเจอ Margin Call (มาร์จิ้นคอล): แนวทางปฏิบัติสำหรับนักลงทุนไทย
พอได้รับ Margin Call นักลงทุนไทยต้องรีบตัดสินใจด้วยสติ เพื่อลดความเสียหายและรักษาทุนไว้ให้ได้มากที่สุด การจัดการถูกวิธีสามารถช่วยให้คุณกลับมาเทรดต่อได้โดยไม่เจ็บหนัก
ทางเลือกหลักๆ มีสองแบบ
- เติมเงินหรือหลักประกันเพิ่ม (Deposit More Funds):
- วิธีตรงๆ ที่สุดคือโอนเงินสดเข้า บัญชีเพื่อดัน Equity ให้เกิน Maintenance Margin หรือ Initial Margin อีกครั้ง โบรกเกอร์ไทยส่วนใหญ่รองรับการเติมผ่านธนาคารออนไลน์หรือมือถือ ควรเช็คกับโบรกเกอร์ว่าวิธีไหนเร็วสุดและเงินเข้าเมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้โดนขายบังคับ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักประกันจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- บางกรณี คุณอาจย้ายหลักทรัพย์อื่นในบัญชีมาเป็นหลักประกันได้ ถ้าโบรกเกอร์อนุมัติ
- ปิดดีลบางส่วนหรือทั้งหมด (Close Losing Positions):
- ถ้าไม่อยากเติมเงินหรือเห็นว่าตลาดไม่เป็นใจ การปิดดีลขาดทุนจะปลดล็อกมาร์จิ้นที่ติดค้าง ทำให้ unrealized loss กลายเป็น realized และ Equity พุ่งขึ้นทันที ช่วยรอดจาก Margin Call
- เลือกปิดดีลไหนควรดูจากศักยภาพฟื้นตัวและแผนเทรดโดยรวม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดฟิวเจอร์สด้วยมาร์จิ้นจาก TFEX
ไม่ว่าจะทางไหน อย่าลืมเช็คกฎโบรกเกอร์ให้ละเอียดและรีบทำภายในเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาสถานะไว้ให้ดีที่สุด
กลยุทธ์ป้องกัน Margin Call (มาร์จิ้นคอล): เทรดอย่างชาญฉลาด
ป้องกันดีกว่าแก้เสมอ โดยเฉพาะในการเทรดที่ใช้มาร์จิ้น การนำกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงมาใช้จะช่วยให้คุณเทรดยั่งยืนและเลี่ยง Margin Call ในระยะยาว
- จัดการขนาดดีล (Position Sizing): อย่าเปิดดีลใหญ่เกินทุน ควรกำหนดเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อดีล เพื่อเหลือ buffer รับมือความผันผวน
- ตั้ง Stop-Loss: เครื่องมือจำกัดขาดทุนที่ขาดไม่ได้ ใช้ในทุกดีลเพื่อตัดขาดทุนก่อน Equity ดิ่งต่ำเกิน
- เก็บ buffer มาร์จิ้นให้เหลือเฟือ: อย่าเทรดจนเกือบถึง Maintenance Margin เสมอมีทุนสำรองเพื่อรับมือเซอร์ไพรส์จากตลาด
- กระจายความเสี่ยง (Diversification): อย่าลงทุนสินค้าเดียว กระจายไปหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยงรวม
- รู้จักตลาดดี: ศึกษาสินค้าที่เทรด ปัจจัยราคา และข่าวสาร เพื่อตัดสินใจฉลาดขึ้น โดยเฉพาะตลาดไทยที่ผูกกับเศรษฐกิจในประเทศ
- จิตวิทยาการเทรด: อย่าให้อารมณ์หรือความโลภครอบงำ ยึดแผนและวินัยเพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดแก้แค้นที่นำไปสู่หายนะ
กลยุทธ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือจริงที่ช่วยนักลงทุนหลายคนรอดพ้นจากกับดัก Margin Call
Margin Call ในตลาดการเงินไทย: หุ้น Forex และ TFEX
Margin Call เป็นส่วนสำคัญในตลาดที่ใช้เลเวอเรจของไทย แม้หลักการพื้นฐานคล้ายกัน แต่รายละเอียดต่างตามสินค้าและโบรกเกอร์
- ตลาดหุ้น (SET):
- การเทรดหุ้นแบบมาร์จิ้นคือกู้จากโบรกเกอร์ โดยต้องตาม Initial และ Maintenance Margin ที่กำหนด
- ถ้าราคาหุ้นตกจนทุนต่ำเกณฑ์ จะโดน Margin Call ต้องเติมหรือขาย ถ้าช้า โบรกเกอร์ force sell ตามกฎ ก.ล.ต. และ SET
- ตลาด Forex:
- Forex มีเลเวอเรจสูง ทำให้ Margin Call มาเร็วและบ่อย โบรกเกอร์แต่ละรายมี Stop Out Level ต่างกัน ต้องศึกษาก่อน
- แค่คู่เงินขยับนิดเดียวก็เสี่ยง ด้วยเลเวอเรจสูงๆ
- TFEX:
- เทรดฟิวเจอร์ส SET50, หุ้นเดี่ยว, ทอง ฯลฯ ด้วยมาร์จิ้นแบบ Daily Mark-to-Market ที่ปรับทุกวัน
- ถ้าทุนไม่พอ โดน Margin Call ต้องเติมทัน ถ้าช้าโดน force close ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TFEX จาก SET
- ติดตามอัตรา Margin ที่ TFEX ประกาศ เพราะอาจเปลี่ยนตามตลาด
ตาราง: เปรียบเทียบ Margin Call ในตลาดการเงินไทย
| คุณสมบัติ | ตลาดหุ้น (SET) | Forex | TFEX |
|---|---|---|---|
| สินทรัพย์หลัก | หุ้น | คู่สกุลเงิน | Futures, Options (ดัชนี, หุ้น, ทอง) |
| เลเวอเรจ | ปานกลาง (ตามประเภทหุ้น) | สูงมาก (1:100, 1:500 หรือสูงกว่า) | สูง (ขึ้นอยู่กับสินค้า) |
| การแจ้งเตือน | โทรศัพท์, อีเมล, SMS | แพลตฟอร์มเทรด, อีเมล, SMS | โทรศัพท์, อีเมล, SMS, แพลตฟอร์มเทรด |
| การบังคับปิดสถานะ | Force Sell หุ้น | Stop Out Level (ปิดสถานะอัตโนมัติ) | Force Close สัญญา |
| หน่วยงานกำกับดูแล | ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย | ไม่มีหน่วยงานกลางควบคุมทั่วโลก (ดูโบรกเกอร์) | ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (TFEX) |
การรู้จักความแตกต่างนี้ช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับแต่ละตลาดได้ดีขึ้น
Margin Call (มาร์จิ้นคอล) ที่ไม่ใช่เรื่องการเงิน: ข้อควรทราบเกี่ยวกับภาพยนตร์ชื่อดัง
หลายคนพอได้ยิน Margin Call อาจนึกถึงหนังดราม่าระทึกขวัญที่โด่งดังปี 2011 หนังเรื่องนี้ใช้ชื่อเดียวกับศัพท์การเงิน แต่เนื้อหาต่างกันสิ้นเชิง มันเล่าเรื่องสมมุติของบริษัทลงทุนในวอลล์สตรีท ช่วง 24 ชั่วโมงก่อนวิกฤตการเงินโลกปี 2008 โดยโฟกัสที่การตัดสินใจจริยธรรมและผลกระทบ เมื่อบริษัทเจอหายนะทางการเงินยักษ์
แม้ชื่อจะอ้างถึง Margin Call แต่หนังไม่ได้พูดถึงนักลงทุนรายย่อยโดยตรง หากแต่สะท้อนการตัดสินใจของสถาบันใหญ่ในการจัดการสินทรัพย์เสี่ยงและขายทิ้งเพื่อรอดพ้นล้มละลาย ซึ่งตีความได้ว่าเป็น Margin Call ในระดับองค์กร ถ้าคุณอยากรู้เรื่องหนัง ลองค้น “Margin Call พากย์ไทย” หรือ “Margin Call ดูหนัง” เพื่อเจอข้อมูลที่ตรงใจ
การแยกแยะระหว่างศัพท์การเงินกับหนังช่วยให้คุณไม่สับสน โดยเฉพาะถ้ากำลังศึกษาการลงทุนจริงจัง
บทสรุป: เตรียมพร้อมรับมือ Margin Call (มาร์จิ้นคอล) เพื่อการลงทุนที่ยั่งยืน
Margin Call เป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงยากในการเทรดแบบมาร์จิ้น แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นจุดจบ การรู้ว่ามันคืออะไร สาเหตุเกิดจากไหน และผลหากไม่รับมือ เป็นก้าวแรกสำหรับนักลงทุนไทยทุกคน ด้วยการเตรียมความรู้และกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง เช่น จัดการขนาดดีล ตั้ง Stop-Loss หรือเก็บ buffer ทุน จะช่วยให้คุณรับมือความผันผวนได้อย่างมั่นใจ ลดโอกาสโดน Margin Call ลงชัดเจน
หัวใจของการลงทุนยั่งยืนคือวินัยและไม่ใช้อารมณ์ เรียนรู้ต่อเนื่อง ปรับแผน และจำไว้ว่าเป้าหมายคือเติบโตทุนระยะยาว ไม่ใช่รีบรวยแบบเสี่ยง การเคารพกลไก Margin Call จะพาคุณก้าวสู่การเป็นนักลงทุนรับผิดชอบและประสบความสำเร็จในตลาดไทย
Margin Call (มาร์จิ้นคอล) คืออะไรในบริบทการลงทุนของไทย?
Margin Call ในบริบทการลงทุนไทยคือสัญญาณเตือนจากบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ให้กับนักลงทุนที่ใช้บัญชีมาร์จิ้น โดยบอกว่าทุนหลักประกันในบัญชีตกลงต่ำกว่า Maintenance Margin ที่ตั้งไว้ คุณต้องเติมเงินหรือสินทรัพย์เพิ่มภายในเวลาที่กำหนด มิเช่นนั้นโบรกเกอร์อาจขายสินทรัพย์แบบบังคับเพื่อปกป้องบัญชี
หากโดน Margin Call (มาร์จิ้นคอล) จากโบรกเกอร์ไทย ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง?
เมื่อโดน Margin Call จากโบรกเกอร์ไทย ทางเลือกหลักมีสองทาง
- เติมเงินหรือหลักประกันเพิ่ม: โอนเงินสดหรือย้ายสินทรัพย์อื่นเข้าเพื่อดันทุนให้ถึงเกณฑ์ที่ต้องการ
- ปิดดีลบางส่วนหรือทั้งหมด: ขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนเพื่อปลดล็อกมาร์จิ้นและเพิ่มทุนสุทธิ
รีบทำภายในเวลาที่กำหนดเพื่อไม่ให้โดนบังคับขาย ซึ่งอาจทำให้เสียหายมากกว่า
มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิด Margin Call (มาร์จิ้นคอล) ในตลาดหุ้นไทยและ TFEX?
ปัจจัยที่ก่อให้เกิด Margin Call ในตลาดหุ้นไทยและ TFEX หลักๆ คือ
- ราคาตลาดหันทิศตรงข้าม: ราคาหุ้นหรือฟิวเจอร์สลดลง สร้างขาดทุน unrealized หนัก
- เลเวอเรจเกินควร: เปิดดีลใหญ่ด้วยทุนน้อย ทำให้บัญชี敏感ต่อราคา
- เกณฑ์ Maintenance Margin สูงขึ้น: โบรกเกอร์หรือตลาดปรับเพิ่มในช่วงผันผวน
- ทุนสำรองขาดแคลน: ไม่เติมเงินใหม่ทันการขาดทุนต่อเนื่อง
การบริหารความเสี่ยงแบบใดที่ช่วยป้องกัน Margin Call (มาร์จิ้นคอล) ในการเทรด Forex?
วิธีบริหารความเสี่ยงที่ป้องกัน Margin Call ใน Forex ได้แก่
- จัดการขนาดดีล: เสี่ยงไม่เกินทุนที่รับไหว
- ตั้ง Stop-Loss: กำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสียหาย
- ใช้เลเวอเรจพอดี: เลือกระดับที่เหมาะกับความเสี่ยงส่วนตัว
- เก็บ buffer ทุน: มีเงินสำรองเกินเกณฑ์เสมอ
- ติดตามข่าวตลาด: คาดการณ์การเคลื่อนไหวของคู่เงินจากเหตุการณ์สำคัญ
ถ้าไม่สามารถเพิ่มหลักประกันได้หลังโดน Margin Call (มาร์จิ้นคอล) จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง?
ถ้าเติมหลักประกันไม่ทันหลัง Margin Call ผลกระทบที่ตามมาคือ
- บังคับขาย: โบรกเกอร์ขายสินทรัพย์อัตโนมัติเพื่อชดเชย
- ขาดทุนหนัก: ขายในราคาไม่ดี ทำให้เสียมากกว่าที่ควร
- อาจเป็นหนี้: ถ้าตลาดดิ่งรุนแรง ขาดทุนเกินทุนเดิมและต้องจ่ายคืน
- กระทบประวัติ: โดนบังคับขายบ่อยอาจเสียความน่าเชื่อถือกับโบรกเกอร์
Margin Call (มาร์จิ้นคอล) ในทางจิตวิทยาการเทรดส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร?
Margin Call สร้างแรงกดดันจิตใจรุนแรงต่อนักลงทุน อาจนำไปสู่
- เครียดและกลัว: รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียทุน
- ตัดสินใจพลาด: ภายใต้ความกดดัน อาจเติมเงิน impulsively หรือปิดดีลผิดจังหวะ
- ท้อแท้: บางคนเลิกเทรดเพราะสิ้นหวัง
- บทเรียนเติบโต: ถ้ารับมือดี จะเรียนรู้บริหารความเสี่ยงและวินัยมากขึ้น
มีข้อควรระวังพิเศษอะไรบ้างสำหรับนักลงทุนไทยที่ใช้บัญชี Margin?
นักลงทุนไทยใช้บัญชี Margin ควรระวังเป็นพิเศษ
- รู้กฎโบรกเกอร์: ศึกษ Initial Margin, Maintenance Margin และนโยบาย Margin Call ให้ชัด
- เช็คทุนบ่อย: ดูยอดหลักประกันทุกวันอย่างน้อย
- เตรียมทุนสำรอง: มีเงินไว้เติมกรณีฉุกเฉิน
- เฝ้าข่าว: ตลาดไทย敏感ต่อข่าวเศรษฐกิจและการเมือง
- ขอคำปรึกษา: ถ้าสงสัย คุยกับที่ปรึกษาการลงทุน
ภาพยนตร์เรื่อง Margin Call (มาร์จิ้นคอล) มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และเกี่ยวข้องกับการเงินอย่างไร?
หนัง Margin Call ปี 2011 เล่าเรื่องสมมุติบริษัทลงทุนวอลล์สตรีท 24 ชั่วโมงก่อนวิกฤต 2008 แสดงการตัดสินใจจัดการสินทรัพย์เสี่ยงและขายทิ้งเพื่อรอด ชื่อเหมือนศัพท์การเงิน แต่เน้น Margin Call ระดับองค์กรใหญ่ เกี่ยวกับการตัดสินใจรอดวิกฤต ไม่ใช่นักลงทุนรายย่อย