การลงทุนในทองคำยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อมีแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Gold Now ที่ช่วยให้การเข้าถึงและซื้อขายทองคำสะดวกยิ่งขึ้น แต่หลายคนยังสงสัยว่าการใช้บริการนี้ต้องเสียภาษีหรือไม่ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทองคำผ่าน Gold Now โดยอ้างอิงจากระเบียบของกรมสรรพากร เพื่อช่วยให้นักลงทุนวางแผนได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

มุมมองของกรมสรรพากรไทยต่อการซื้อขายทองคำผ่าน Gold Now
ในประเทศไทย ไม่ว่าจะซื้อขายทองคำรูปพรรณ แท่งทอง หรือผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Gold Now ทุกกรณีตกอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสรรพากร ซึ่งมีกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้บังคับ กำไรจากการขายทองคำถือเป็นเงินได้ที่ต้องประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากร
หลักสำคัญคือ ถ้าการซื้อขายเป็นเพียงการลงทุนทั่วไป ไม่ใช่การทำธุรกิจหรือค้าขายหลัก กำไรนั้นจะถูกพิจารณาตามมาตราเกี่ยวข้อง แต่ถ้าทำบ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นกิจการ และมีเจตนาค้าขายเพื่อกำไร กรมสรรพากรอาจจัดให้เป็นเงินได้จากการประกอบธุรกิจ ซึ่งอาจมีอัตราภาษีและวิธีคำนวณที่ต่างออกไป
ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาลักษณะการซื้อขายของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอย่างครบถ้วน รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร

การจำแนกประเภทภาษีสำหรับกำไรจากการซื้อขายทองคำ: กำไรทุนหรือเงินได้อื่น
การแบ่งประเภทกำไรจากการซื้อขายทองคำเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทย เพราะจะส่งผลต่อวิธีคำนวณและอัตราภาษีที่ต้องรับผิดชอบ
- กำไรจากทุน: โดยปกติ กำไรจากการขายสินทรัพย์อย่างหุ้นหรือกองทุนมักเรียกว่ากำไรทุน แต่สำหรับทองคำ กฎหมายไทยไม่มีบทบัญญัติเฉพาะเจาะจงเหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่บุคคลธรรมดามักได้รับการยกเว้น
- เงินได้จากการขายทรัพย์สินอื่นที่ไม่ใช่หลักทรัพย์: กำไรจากทองคำจะถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทหนึ่งที่ต้องนำมารวมกับรายได้อื่นเพื่อคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า ซึ่งต่างจากการรับเงินปันผลหรือค่าเช่า
ด้วยเหตุนี้ กำไรจากการขายทองคำผ่าน Gold Now จึงเป็นเงินได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณและยื่นภาษีตามกฎหมาย เว้นแต่มีข้อยกเว้นชัดเจนจากกรมสรรพากร

ภาษีสำหรับธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Gold Now และการวิเคราะห์กรณีต่าง ๆ
Gold Now ให้บริการซื้อขายทองคำดิจิทัลที่รวดเร็วและใช้งานง่าย ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่อาจกระทบต่อการพิจารณาภาษี นักลงทุนควรวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมของตนเองให้ดี
การพิจารณาภาษีเมื่อซื้อขายบ่อยครั้งในระยะสั้น
ถ้านักลงทุนซื้อขายทองคำผ่าน Gold Now สม่ำเสมอในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือมีปริมาณมากจนดูเหมือนทำธุรกิจ กรมสรรพากรอาจมองว่าเป็นเงินได้จากการค้า ตามมาตรา 40(8) ของประมวลรัษฎากร ซึ่งอาจต้องเสียภาษีต่างจากปกติ และถ้าจดทะเบียน VAT อาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ทองคำแท่งและรูปพรรณโดยทั่วไปจะได้รับการยกเว้น VAT แต่กรณีค้าขายเป็นอาชีพยังต้องระวัง
การวางแผนภาษีสำหรับการถือครองยาวและธุรกรรมจำนวนมาก
สำหรับผู้ที่ถือทองคำผ่าน Gold Now นาน ๆ เพื่อรักษามูลค่าหรือซื้อขายจำนวนมากแต่ไม่บ่อย การพิจารณาจะเน้นที่กำไรจากการขาย ซึ่งนำมารวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การวางแผนที่ดีคือเก็บข้อมูลการซื้อขายให้ครบถ้วน เพื่อคำนวณต้นทุนและกำไรได้แม่นยำตอนยื่นภาษี โดยอาจเสริมด้วยการติดตามราคาทองคำในตลาดเพื่อประเมินความเสี่ยง
ข้อยกเว้นภาษีและสิทธิลดหย่อนสำหรับการซื้อขายทองคำในไทย
ปัจจุบัน กฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไทยไม่มีข้อยกเว้นเฉพาะสำหรับกำไรขายทองคำเหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีหลักเกณฑ์ทั่วไปที่ควรทราบ
- เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำ: ถ้ารายได้รวมไม่เกินที่กำหนด เช่น เงินได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทต่อปี อาจได้รับการยกเว้นภาษีตามอัตราก้าวหน้า
- การหักต้นทุน: สามารถหักต้นทุนซื้อทองคำจากราคาขายเพื่อหักกำไรสุทธิ รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดฐานภาษี
แม้ไม่มียกเว้นตรง ๆ แต่การเข้าใจและคำนวณสุทธิให้ถูกต้องช่วยประหยัดได้ ดูประกาศและกฎกระทรวงจากกรมสรรพากร เพื่อข้อมูลที่อัปเดต
ขั้นตอนคำนวณและยื่นภาษีสำหรับธุรกรรม Gold Now
การจัดการภาษีจากกำไรซื้อขายทองคำผ่าน Gold Now ต้องทำอย่างมีระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับกรมสรรพากร
ตัวอย่างการคำนวณภาษี
สมมติซื้อทองคำผ่าน Gold Now ที่ 30,000 บาท แล้วขายที่ 32,000 บาท ในปีเดียวกัน
ตัวอย่างที่ 1: ซื้อขายครั้งเดียว
- ราคาซื้อ: 30,000 บาท
- ราคาขาย: 32,000 บาท
- กำไร: 32,000 – 30,000 = 2,000 บาท
กำไร 2,000 บาทนี้รวมกับรายได้อื่น เช่น เงินเดือน เพื่อคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
ตัวอย่างที่ 2: ซื้อขายหลายครั้ง
ซื้อ 2 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง
- ซื้อครั้งที่ 1: 1 บาททอง 30,000 บาท
- ซื้อครั้งที่ 2: 1 บาททอง 31,000 บาท
- ขาย: 1 บาททอง 32,000 บาท
คำนวณต้นทุนด้วย FIFO หรือถัวเฉลี่ย
วิธี FIFO: ต้นทุนขายคือ 30,000 บาท จากครั้งแรก
- กำไร: 32,000 – 30,000 = 2,000 บาท
วิธีถัวเฉลี่ย: ต้นทุน = (30,000 + 31,000) / 2 = 30,500 บาท
- กำไร: 32,000 – 30,500 = 1,500 บาท
เลือกวิธีที่เหมาะสมและใช้สม่ำเสมอทั้งปี โดยอาจปรึกษานักบัญชีเพื่อความแน่นอน
ขั้นตอนยื่นภาษีออนไลน์และข้อควรระวัง
ต้องรวบรวมข้อมูลธุรกรรมทั้งปี แล้วนำกำไรสุทธิรวมกับรายได้อื่นในแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91
- รวบรวมเอกสาร: ดาวน์โหลดรายงานจากแอป Gold Now เพื่อยืนยันราคาและวันที่
- คำนวณกำไร: หักต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากยอดขายทั้งปี
- ยื่นแบบ: ใช้ระบบ E-filing ที่ https://efiling.rd.go.th/rd-efiling-web/ กรอกส่วนรายได้จากขายทรัพย์สิน
- ชำระภาษี: ชำระหากมีภายในกำหนด
ข้อควรระวัง:
- กำหนดเวลา: ยื่นและชำระภายใน 31 มีนาคมปีถัดไป
- ความถูกต้อง: ตรวจสอบตัวเลขกำไรขาดทุนให้ละเอียด
- เก็บหลักฐาน: เก็บเอกสารอย่างน้อย 5 ปี สำหรับตรวจสอบ
ความเข้าใจผิดทั่วไปเกี่ยวกับภาษีการลงทุนทองคำในไทยและการชี้แจง
นักลงทุนทองคำในไทยมักเข้าใจผิดเรื่องภาษี ซึ่งควรได้รับการแก้ไขเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
- “ทองรูปพรรณไม่เสียภาษี”: ไม่จริง กำไรขายทองรูปพรรณต้องรวมคำนวณภาษีเงินได้เหมือนแท่งทอง ถ้าซื้อขายเพื่อกำไร แต่ถ้าซื้อเพื่อสวมใส่และขายไม่บ่อย อาจไม่ถูกตรวจเข้มเท่าทองแท่งจำนวนมาก
- “ขายขาดทุนไม่ต้องยื่น”: ต้องบันทึกและยื่นเพื่อแสดงขาดทุน แม้ไม่หักจากรายได้อื่นได้
- “ไม่มีหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่ายก็ไม่ต้องยื่น”: ทองคำไม่มีหัก ณ ที่จ่าย ผู้ลงทุนต้องคำนวณและยื่นเอง
- “ซื้อขายทองดิจิทัลไม่เสียภาษี”: ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ถ้ามีกำไรต้องเสียภาษีตามกฎหมาย
ความรู้ที่ถูกต้องช่วยให้นักลงทุนปฏิบัติตามกฎหมายและวางแผนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Gold Now ทำให้การลงทุนง่ายขึ้น
สรุป: ลงทุนทองคำผ่าน Gold Now อย่างชาญฉลาดและจัดการภาษีให้ถูกต้อง
การลงทุนทองคำด้วย Gold Now เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดเพราะสะดวก แต่ต้องเข้าใจภาษีให้ชัด กำไรขายทองคำเป็นเงินได้ที่รวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า
เก็บข้อมูลซื้อขายให้ละเอียด คำนวณสุทธิถูกต้อง และยื่นภาษีทันเวลา ไม่เพียงหลีกเลี่ยงโทษ แต่ยังเพิ่มความมั่นใจ ถ้าซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีหรือนักบัญชีเพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคล โดยพิจารณาจากสถานการณ์จริง
การซื้อขายทองคำทั้งหมดผ่าน Gold Now ต้องแจ้งภาษีหรือไม่?
ใช่ ถ้ามีกำไรจากการขายทองคำผ่าน Gold Now กำไรนั้นเป็นเงินได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและยื่นในแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ต่อกรมสรรพากร แม้กำไรน้อยแค่ไหนก็ตาม
ถ้าซื้อทองคำใน Gold Now แต่ยังไม่ขาย ต้องเสียภาษีไหม?
ไม่ต้อง ถ้าซื้อแล้วถือไว้โดยยังไม่ขาย ยังไม่มีกำไรเกิดขึ้น จึงไม่มีภาระภาษีจากส่วนนี้ จนกว่าจะขายและรับรู้กำไร
จะหาข้อมูลธุรกรรมในแอป Gold Now เพื่อยื่นภาษีได้ยังไง?
แอป Gold Now มักมีส่วนประวัติธุรกรรมหรือรายงานที่สามารถดูรายละเอียดซื้อขายทั้งหมดได้ และดาวน์โหลดเป็นไฟล์ CSV หรือ PDF เพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นภาษี
Gold Wallet กับ Gold Now ต่างกันยังไงเรื่องจัดการภาษี?
หลักการภาษีคล้ายกัน เพราะทั้งคู่เป็นซื้อขายทองดิจิทัล กำไรขายต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่รายละเอียดอย่างค่าธรรมเนียมอาจต่าง ส่งผลต่อกำไรสุทธิที่คำนวณ
ถ้าไม่แจ้งรายได้จาก Gold Now ทันเวลา กรมสรรพากรมีโทษอะไร?
ถ้ายื่นล่าหรือไม่ครบ อาจโดน:
- เงินเพิ่ม: 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ค้าง
- เบี้ยปรับ: สูงสุด 2 เท่าของภาษี
- โทษอาญา: ถ้าจงใจหลีกเลี่ยง อาจติดคุกหรือปรับ
กรมสรรพากรมีกฎภาษีทองคำที่เป็นของขวัญหรือมรดกอย่างไร?
ทองคำของขวัญหรือมรดกอยู่ภายใต้ภาษีรับมรดกและของขวัญ:
- ภาษีมรดก: ถ้ามูลค่ารวมเกิน 100 ล้านบาท เสีย 5% สำหรับทายาทตรง หรือ 10% สำหรับคนอื่น
- ภาษีของขวัญ: ถ้าไม่ใช่ทายาทและเกิน 10 ล้านบาทต่อปี เสีย 5% จากเงินได้บุคคลธรรมดา
นำขาดทุนจาก Gold Now หักภาษีรายได้อื่นได้ไหม?
ไม่ได้ ตามกฎภาษีไทย ขาดทุนขายทรัพย์สินอย่างทองคำไม่หักจากรายได้อื่น เช่น เงินเดือนได้ แม้บันทึกไว้แต่ไม่ลดภาษี
แพลตฟอร์มออนไลน์ร้านทองเก่าแก่เช่น MTS Gold หรือ Hua Seng Heng มีกฎภาษีเหมือน Gold Now ไหม?
หลักการเดียวกัน กำไรขายทองผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังเป็นเงินได้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต่างกันอาจที่รูปแบบรายงานหรือเอกสารที่ให้ใช้ยื่นภาษี
ถ้าทำธุรกรรมทองจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ กฎภาษีสำหรับคนไทยต่างจาก Gold Now ยังไง?
ถ้าอยู่ไทยและมีรายได้จากต่างประเทศ เช่น กำไรขายทอง ต้องเสียภาษีถ้านำเงินกลับในปีเดียวกันหรือปีถัดไป คำนวณคล้าย Gold Now แต่ซับซ้อนเรื่องแปลงเงินตราและรวบรวมหลักฐานจากต่างประเทศ
นักลงทุนทองคำในไทยเข้าใจผิดเรื่องภาษีอะไรบ้าง?
เข้าใจผิดทั่วไป เช่น:
- “ทองรูปพรรณไม่เสียภาษี”: กำไรขายต้องเสียเหมือนกัน
- “ขายขาดทุนไม่ต้องยื่น”: ต้องยื่นแสดงขาดทุน แม้หักไม่ได้
- “ทองดิจิทัลไม่เสียภาษี”: มีกำไรต้องเสียทุกแบบ
- “ไม่มีหัก ณ ที่จ่ายไม่ต้องยื่น”: ทองคำต้องคำนวณเอง