บทนำ: อิตาลีใช้สกุลเงินอะไร? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนเดินทาง
การท่องเที่ยวในอิตาลี ประเทศที่เต็มไปด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ ผลงานศิลปะอันงดงาม และอาหารอร่อยระดับโลก เป็นความใฝ่ฝันของนักเดินทางชาวไทยหลายคน แต่ก่อนจะออกเดินทาง สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเตรียมตัวเรื่องสกุลเงิน เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย อิตาลีในฐานะสมาชิกสหภาพยุโรปใช้สกุลเงินหลักอะไรในตอนนี้ และชาวไทยอย่างเราควรวางแผนการเงินยังไงให้ได้ประโยชน์สูงสุด บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกมุมมองที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินในอิตาลี รวมถึงเคล็ดลับปฏิบัติและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณสมบูรณ์แบบที่สุด

สกุลเงินยูโร (Euro): ทำความรู้จักเพื่อนร่วมเดินทางของคุณ
ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา อิตาลีได้นำสกุลเงินยูโรมาใช้อย่างเป็นทางการ แทนที่สกุลเงินลีราเก่าแก่ สิ่งนี้ทำให้การเดินทางในยุโรปง่ายขึ้นมาก เพราะยูโรเป็นสกุลเงินที่ 19 ชาติในยูโรโซนใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะไปไหนในแถบนี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการแลกเงินใหม่บ่อยๆ

หน้าตาของธนบัตรและเหรียญยูโร
ธนบัตรยูโรมี 7 แบบ ไล่ตั้งแต่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 จนถึง 500 ยูโร แต่ละแบบมีสีสันและขนาดต่างกัน เพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะ ภาพบนธนบัตรแสดงสถาปัตยกรรมจากยุคต่างๆ ในยุโรป โดยไม่มีรูปคนจริงๆ เพื่อรักษาความเป็นกลางและสะท้อนวัฒนธรรมหลากหลาย
สำหรับเหรียญ มีทั้งหมด 8 ชนิด คือ 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ รวมถึง 1 และ 2 ยูโร ด้านหน้าเป็นภาพแผนที่ยุโรปที่ใช้เหมือนกันทุกประเทศ แต่ด้านหลังแต่ละชาติจะออกแบบเอง เช่น ของอิตาลีมักมีสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรมที่โดดเด่น การรู้จักรูปลักษณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้เงินได้อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ต้องลังเล

สัญลักษณ์ของสกุลเงินยูโร (€) และการอ่านค่า
สัญลักษณ์ยูโรคือ € ซึ่งมักวางไว้หน้าตัวเลข เช่น €10 หมายถึงสิบยูโร ส่วนเซนต์คือหน่วยย่อย เช่น 50 เซนต์ หรือ 0.50 ยูโร การเข้าใจตรงนี้จะช่วยให้คุณทำธุรกรรมในอิตาลีได้โดยไม่สับสน โดยเฉพาะตอนซื้อของเล็กๆ น้อยๆ
การแลกเปลี่ยนเงิน: จากเงินบาทไทยสู่ยูโรในอิตาลี
ก่อนมุ่งหน้าไปอิตาลี การเตรียมยูโรให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญ ชาวไทยมีทางเลือกหลายแบบในการแปลงเงินบาทเป็นยูโร แต่ละช่องทางมีอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมที่ต่างกันไป มาดูกันว่าควรเลือกยังไงให้เหมาะกับตัวเอง
อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับกี่บาท? (อัปเดตล่าสุด)
อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างยูโรกับบาทไทยผันผวนตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยปกติ 1 ยูโรจะอยู่ราว 38-40 บาท แต่เพื่อความชัวร์ ควรเช็คข้อมูลล่าสุดจากแหล่งเชื่อถือได้ก่อนออกเดินทาง เช่น เว็บไซต์ XE.com หรือแอปของธนาคารไทยต่างๆ
ช่องทางการแลกเงินบาทเป็นยูโร: เปรียบเทียบตัวเลือกสำหรับคนไทย
สำหรับนักเดินทางชาวไทย ตัวเลือกในการแลกเงินมีหลากหลาย แต่ละแบบเหมาะกับไลฟ์สไตล์ต่างกัน ลองมาดูข้อดีข้อเสียกัน
- ธนาคารไทย: ธนาคารใหญ่ๆ ในไทยส่วนมากให้บริการแลกยูโรได้ง่ายๆ ข้อดีคือปลอดภัยและเข้าถึงสะดวก แต่บางทีอัตราอาจไม่หวือหวาเท่าร้านเฉพาะทาง
- ร้านแลกเงินเฉพาะทาง: อย่าง SuperRich หรือ KBank Currency Exchange ร้านสีส้มในกรุงเทพฯ มักให้เรทดีกว่า แต่ต้องไปเองและเช็คเวลาทำการ
- บัตร Travel Card (Multi-currency Card): เช่น KBank Journey Card, Krungsri Boarding Card หรือ Planet SCB Card เติมบาทเข้าไปแล้วแปลงเป็นยูโรเก็บในบัตรได้ทันที ใช้รูดหรือถอน ATM ได้สะดวก ไม่ต้องพกสดเยอะ และล็อคเรทได้เพื่อป้องกันความผันผวน
- บริการโอนเงินระหว่างประเทศ (Wise, Revolut): เหมาะสำหรับคนชอบความยืดหยุ่น โอนเงินข้ามสกุลได้เรทดี ค่าธรรมเนียมต่ำ โดยเฉพาะถ้าต้องจัดการเงินก้อนโตหรือใช้จ่ายหลากหลาย
ตารางเปรียบเทียบช่องทางการแลกเงินสำหรับนักท่องเที่ยวไทย
| ช่องทาง | ข้อดี | ข้อเสีย | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|---|
| ธนาคารไทย | น่าเชื่อถือ, สาขาเยอะ, สะดวก | อัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่ดีที่สุด, ค่าธรรมเนียมสูงกว่า | ผู้ที่ต้องการความสะดวกและไม่ซีเรียสเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย |
| ร้านแลกเงินเฉพาะทาง | อัตราแลกเปลี่ยนดีเยี่ยม | ต้องเดินทางไปที่ร้าน, จำกัดเวลาทำการ | ผู้ที่ต้องการอัตราที่ดีที่สุด, แลกเงินก้อนใหญ่ |
| บัตร Travel Card | สะดวก, ปลอดภัย, ล็อคอัตราแลกเปลี่ยนได้, ใช้รูด/ถอนได้ | ต้องเติมเงินล่วงหน้า, มีข้อจำกัดของบัตรแต่ละประเภท | ผู้ที่ต้องการความคล่องตัว, ไม่ต้องการพกเงินสดมาก |
| Wise/Revolut | อัตราดี, ค่าธรรมเนียมต่ำ, โอนเงินระหว่างประเทศได้ | อาจไม่คุ้นเคย, ต้องศึกษาการใช้งาน, บางร้านอาจไม่รับบัตร | ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง, โอนเงินจำนวนมาก |
ควรแลกเงินสดไปเท่าไหร่ดี? คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวไทย
ถึงยุคนี้จะเน้นดิจิทัล แต่เงินสดยูโรยังจำเป็นสำหรับอิตาลี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายจุกจิก อย่างอาหารข้างทาง ค่าเข้าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง ค่าแท็กซี่หรือทิป แนะนำพก 100-200 ยูโรต่อคนต่อวัน แล้วปรับตามแผนเที่ยวและสไตล์ใช้เงินของคุณ อย่าลืมเรื่องความปลอดภัย เช่น แบ่งเก็บหลายจุดหรือใช้กระเป๋าคาดเอวซ่อนใต้เสื้อผ้า เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
วิธีใช้จ่ายเงินในอิตาลี: บัตรเครดิต, เดบิต และเงินสด
การผสมผสานวิธีชำระเงินหลายแบบจะทำให้การใช้จ่ายในอิตาลีทั้งง่ายและปลอดภัย ลองใช้ทั้งเงินสดและบัตรเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด
บัตรเครดิต/เดบิต: ความสะดวกสบายในยุคดิจิทัล
บัตร Visa หรือ Mastercard จากไทยใช้ได้กว้างขวางในอิตาลี ไม่ว่าจะร้านค้า โรงแรมใหญ่ ร้านอาหาร หรือแหล่งท่องเที่ยวดัง การรูดบัตรช่วยลดความเสี่ยงจากการพกเงินสด แต่ต้องเช็คค่าธรรมเนียมแปลงสกุล (FX Fee) ที่ธนาคารอาจคิด 2-2.5% และอย่าลืมแจ้งธนาคารก่อนเที่ยว เพื่อไม่ให้บัตรโดนบล็อกจากธุรกรรมผิดปกติ
การใช้เงินสด: ยังจำเป็นอยู่ไหมในอิตาลี?
เงินสดยังคงขาดไม่ได้ โดยเฉพาะร้านเล็กๆ ตลาดนัด รถสาธารณะบางอย่าง ร้านกาแฟท้องถิ่น หรือทิป การมีสดติดตัวช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับประสบการณ์ท้องถิ่นได้เต็มที่ โดยไม่ติดขัด
ตู้ ATM ในอิตาลี: วิธีใช้และข้อควรระวังสำหรับคนไทย
ตู้ ATM ในอิตาลีหาง่ายในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว คุณใช้บัตรเดบิตหรือ Travel Card ถอนยูโรได้ โดยหาตู้ที่มีสัญลักษณ์ Visa, Mastercard หรือ Plus/Cirrus แต่ระวังค่าธรรมเนียมจากธนาคารไทยและอิตาลี รวมถึงปฏิเสธ Dynamic Currency Conversion (DCC) เสมอ เลือกถอนเป็นยูโรตรงๆ เพื่อเรทที่ดีกว่า และใช้ตู้ในธนาคารหรือที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
ค่าครองชีพในอิตาลี: เตรียมงบประมาณอย่างไรให้เหมาะสม
การรู้ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ จะช่วยให้คุณจัดงบเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ราคาสูงกว่าปกติ
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายประจำวัน (อาหาร, ที่พัก, การเดินทาง)
ค่าใช้จ่ายในอิตาลีขึ้นกับเมืองและไลฟ์สไตล์ เช่น โรม ฟลอเรนซ์ หรือเวนิสจะแพงกว่าชนบทมาก แต่โดยรวมแล้ว การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยควบคุมงบได้
ตารางประมาณการค่าใช้จ่ายต่อวันในอิตาลี (ต่อคน)
| ประเภทค่าใช้จ่าย | ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (ยูโร) | เทียบเป็นเงินบาทไทย (ประมาณ 38 บาท/ยูโร) |
|---|---|---|
| อาหาร (3 มื้อ) | 30-70 ยูโร | 1,140-2,660 บาท |
| ที่พัก (โฮสเทล/โรงแรมระดับกลาง) | 40-150 ยูโร | 1,520-5,700 บาท |
| การเดินทาง (รถสาธารณะ) | 5-15 ยูโร | 190-570 บาท |
| ค่าเข้าชมสถานที่ | 10-30 ยูโร | 380-1,140 บาท |
| รวมโดยประมาณ | 85-265 ยูโร | 3,230-10,070 บาท |
*หมายเหตุ: ตัวเลขนี้เป็นเพียงการประมาณการและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์การท่องเที่ยวของคุณ*
มารยาทการให้ทิปในอิตาลี: ไม่เหมือนเมืองไทย
การให้ทิปในอิตาลีต่างจากไทยมาก ส่วนใหญ่ในร้านอาหารจะมีค่าบริการ “coperto” หรือ “servizio” รวมในบิลแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้เพิ่ม แต่ถ้าบริการดีจริงๆ คุณสามารถปัดเศษหรือเพิ่ม 5-10% ของยอดบิลได้ สำหรับแท็กซี่ ปัดเศษให้เป็นเลขกลมๆ ส่วนพนักงานยกกระเป๋า 1-2 ยูโรต่อชิ้นก็พอ การรู้ธรรมเนียมนี้จะทำให้คุณแสดงความขอบคุณได้ถูกต้อง โดยไม่เก้อเขิน
สกุลเงินอิตาลีในอดีต: “ลีรา” ก่อนเข้าสู่ยุคยูโร
ก่อนยูโรจะเข้ามา อิตาลีใช้สกุลเงินลีรามานานหลายร้อยปี นับจากสมัยโรมันโบราณ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นยูโรในปี 2002 การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความฮือฮา ผู้คนต้องปรับตัวกับการคำนวณใหม่ ธนบัตรลีราที่มีภาพบุคคลสำคัญและศิลปะสวยงามค่อยๆ หายไปจากกระเป๋าเงิน แม้ปัจจุบันลีราจะไม่ถูกกฎหมายแล้ว แต่ยังคงเป็นความทรงจำอันล้ำค่าของชาวอิตาลีรุ่นเก่าและนักท่องเที่ยวที่เคยไปก่อนยุคนั้น
ข้อควรระวังด้านการเงินสำหรับนักท่องเที่ยวไทยในอิตาลี
การเตรียมใจรับมือสถานการณ์ไม่คาดคิดจะทำให้คุณเที่ยวอิตาลีได้อย่างสบายใจ โดยเฉพาะเรื่องมิจฉาชีพที่พบได้ในแหล่งท่องเที่ยว
ระวังมิจฉาชีพและกลโกงที่พบบ่อย
อิตาลีเหมือนจุดท่องเที่ยวนานาชาติอื่นๆ ที่มีพวกอันตรายแฝงตัว โดยเฉพาะการล้วงกระเป๋าในที่แออัดอย่างสถานีรถไฟหรือแหล่งท่องเที่ยว พวกมันอาจมาเป็นกลุ่มเด็กหรือคนเสนอช่วยเหลือเกินเหตุ นอกจากนี้ ระวังกลโกงบัตรเครดิต เช่น เครื่องสกิมเมอร์หรือขอข้อมูลบัตรโดยไม่มีเหตุผล ทุกครั้งที่รูด ตรวจสอบเครื่องให้ดีเพื่อความปลอดภัย
ทำอย่างไรเมื่อบัตรหายหรือถูกโจรกรรม
ถ้าบัตรหายหรือโดนขโมยในอิตาลี ให้โทรหาธนาคารไทยทันทีเพื่ออายัด จากนั้นแจ้งตำรวจท้องที่เพื่อขอใบรับแจ้ง ซึ่งช่วยในการเคลมประกันหรือติดต่อสถานทูต หากต้องการช่วยเหลือเพิ่ม สามารถโทร สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ได้ตลอด
สรุป: เที่ยวอิตาลีอย่างสบายใจด้วยการวางแผนการเงินที่ดี
การรู้จักยูโร ช่องทางแลกเงิน วิธีใช้จ่าย และค่าครองชีพในอิตาลี จะช่วยให้นักเดินทางไทยวางแผนได้อย่างชาญฉลาด การรวมเงินสด บัตร Travel Card และเครดิตเข้าด้วยกันให้ความยืดหยุ่นและปลอดภัยสูงสุด อย่าลืมระวังข้อควรระวังเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แล้วคุณก็พร้อมสำรวจความงามและเสน่ห์ของอิตาลีได้เต็มที่ ขอให้ทริปของคุณสนุกและประทับใจ!
1. อิตาลีใช้สกุลเงินอะไรเป็นหลักในปัจจุบัน?
อิตาลีใช้สกุลเงินยูโรเป็นสกุลเงินหลักอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2002 และเป็นสกุลเงินที่ใช้ร่วมกันในกลุ่มประเทศยูโรโซน
2. 1 ยูโร เท่ากับกี่บาทไทยโดยประมาณ?
อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรกับบาทไทยเปลี่ยนแปลงบ่อย แต่โดยประมาณอยู่ที่ 38-40 บาท ควรเช็คอัตราล่าสุดจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือก่อนเดินทาง
3. ควรแลกเงินบาทเป็นยูโรจากที่ไหนดีที่สุดในประเทศไทย?
ร้านแลกเงินเฉพาะทางอย่าง SuperRich หรือ KBank Currency Exchange ร้านสีส้ม มักให้อัตราดีที่สุด นอกจากนี้ บัตร Travel Card ที่แลกยูโรเก็บในบัตรได้ก็สะดวกและคุ้มค่าอีกทางเลือกหนึ่ง
4. จำเป็นต้องพกเงินสดยูโรไปอิตาลีเยอะแค่ไหน?
แนะนำพกเงินสด 100-200 ยูโรต่อคนต่อวัน สำหรับค่าใช้จ่ายจุกจิกอย่างอาหารข้างทาง ค่าเข้าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งหรือทิป ที่เหลือใช้บัตรเครดิต เดบิต หรือ Travel Card แทนได้
5. สามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของธนาคารไทยในอิตาลีได้หรือไม่?
ใช้ได้แน่นอน บัตร Visa หรือ Mastercard จากธนาคารไทยยอมรับในร้านค้า โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่จำเป็นต้องแจ้งธนาคารก่อนเที่ยวและระวังค่าธรรมเนียม FX ด้วย
6. มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างในการใช้บัตรหรือถอนเงินจาก ATM ที่อิตาลี?
มีค่าธรรมเนียมแปลงสกุล FX Fee ราว 2-2.5% จากธนาคารไทย และค่าถอน ATM จากธนาคารอิตาลีเพิ่มเติม เลือกถอนเป็นยูโรตรงๆ เสมอเพื่อหลีกเลี่ยง Dynamic Currency Conversion ที่เรทไม่ดี
7. สกุลเงินลีรา ยังใช้ในอิตาลีอยู่หรือไม่?
ไม่ใช้แล้ว สกุลเงินลีรายกเลิกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2002 และแทนที่ด้วยยูโร
8. ค่าครองชีพในอิตาลีแพงกว่าเมืองไทยมากไหม?
แพงกว่าชัดเจน โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างโรม ฟลอเรนซ์ หรือเวนิส ทั้งอาหาร ที่พัก และการเดินทาง
9. มีข้อควรระวังอะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้เงินในอิตาลี?
- ระวังการล้วงกระเป๋าในที่แออัด
- ตรวจสอบเครื่องรูดบัตรและปฏิเสธ DCC เมื่อถอน ATM
- อย่าให้ข้อมูลบัตรกับคนแปลกหน้า
- แบ่งเก็บเงินสดและบัตรหลายจุดเพื่อความปลอดภัย
10. ควรให้ทิปในอิตาลีอย่างไรให้เหมาะสมตามธรรมเนียม?
ร้านอาหารส่วนใหญ่รวมค่าบริการ coperto หรือ servizio ในบิลแล้ว ไม่ต้องให้เพิ่ม แต่ถ้าบริการดี ปัดเศษหรือเพิ่ม 5-10% ได้ สำหรับแท็กซี่ ปัดเศษให้กลมๆ