บทนำ: อาร์บิทราจคืออะไร และทำไมนักลงทุนไทยควรรู้จัก?
ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและโอกาสมากมาย กลยุทธ์อาร์บิทราจถือเป็นแนวทางที่น่าค้นหาสำหรับนักลงทุนหลายท่าน แม้หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อนี้ แต่ยังไม่เข้าใจสาระสำคัญว่ามันทำงานอย่างไร โดยหลักการพื้นฐาน อาร์บิทราจคือการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาของสินทรัพย์เดียวกันที่ปรากฏในตลาดต่าง ๆ หรือรูปแบบต่างกันในตลาดเดียว โดยเน้นการซื้อและขายอย่างรวดเร็วเพื่อกวาดกำไรที่แทบไร้ความเสี่ยงตามทฤษฎี

สำหรับนักลงทุนในไทยที่กำลังมองหาวิธีสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม กลยุทธ์นี้เปิดโอกาสให้ใช้ส่วนต่างราคาชั่วคราวในตลาดการเงินหลากหลาย เช่น ฟอเร็กซ์ คริปโตเคอร์เรนซี หรือแม้แต่ตลาดหุ้น แม้ดูเหมือนจะทำกำไรได้โดยไม่ต้องเสี่ยง แต่ในความเป็นจริงยังมีอุปสรรคและความเสี่ยงซ่อนอยู่ บทความนี้จะพาคุณสำรวจแนวคิดหลัก วิธีการ ประเภทต่าง ๆ ข้อดีข้อเสีย รวมถึงเคล็ดลับสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อให้เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมาย
เจาะลึกความหมายและหลักการทำงานของ Arbitrage
อาร์บิทราจคืออะไร? คำจำกัดความอย่างละเอียด
อาร์บิทราจคือกระบวนการที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ซื้อและขายสินทรัพย์เดียวกันในตลาดต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อเก็บกำไรจากส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง หลักการนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าสินทรัพย์เดียวกันควรมีราคาใกล้เคียงกันในตลาดที่มีประสิทธิภาพ หากเกิดความคลาดเคลื่อน ผู้เล่นอาร์บิทราจจะเข้าซื้อในจุดที่ราคาถูกกว่าและขายในจุดที่แพงกว่าในเวลาใกล้ชิด เพื่อล็อกผลกำไร
หัวใจของอาร์บิทราจคือการสร้างกำไรที่แทบไร้ความเสี่ยงในทางทฤษฎี เนื่องจากการซื้อขายเกิดขึ้นพร้อมกัน จึงหลีกเลี่ยงผลกระทบจากความผันผวนราคาในอนาคต แต่ในทางปฏิบัติ มักมีปัจจัยรบกวนเล็กน้อย เช่น ความล่าช้าในการสั่งงานหรือปัญหาสภาพคล่องในตลาด ซึ่งอาจทำให้แผนการคลาดเคลื่อน

หลักการทำงานเบื้องหลัง: ทำกำไรจากส่วนต่างราคาอย่างไร?
แม้หลักการของอาร์บิทราจจะดูเรียบง่าย แต่การนำไปใช้จริงนั้นท้าทายไม่น้อย ผู้ปฏิบัติต้องมีเครื่องมือที่ช่วยตรวจจับโอกาสส่วนต่างราคาได้ในชั่วพริบตา เมื่อพบจุดนั้น ระบบจะสั่งซื้อในตลาดราคาต่ำและขายในตลาดราคาสูงเกือบจะพร้อมเพรียงกัน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ลองนึกถึงทองคำแท่งหนึ่งที่ราคา 60,000 บาทในร้าน A แต่ 60,100 บาทในร้าน B ผู้ทำอาร์บิทราจจะรีบซื้อจากร้าน A แล้วขายให้ร้าน B ทันที เก็บกำไร 100 บาทต่อแท่ง โดยไม่ต้องกังวลว่าราคาทองโดยรวมจะขึ้นลง เพราะธุรกรรมทั้งสองเกิดขึ้นในคราวเดียว

ประเภทของ Arbitrage ที่นักลงทุนควรรู้จัก
อาร์บิทราจไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดียว แต่มีหลายประการที่เหมาะกับตลาดและสถานการณ์ต่าง ๆ การรู้จักประเภทเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นทั้งโอกาสและขีดจำกัดของแต่ละวิธี
Triangular Arbitrage (อาร์บิทราจสามเหลี่ยม)
อาร์บิทราจสามเหลี่ยมคือการใช้ประโยชน์จากความไม่สมดุลในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินสามตัว โดยแลกเปลี่ยนเงินวนกลับสู่จุดเริ่มต้นเพื่อเก็บกำไร เช่น ในตลาดฟอเร็กซ์ หากอัตรา EUR/USD, USD/JPY และ EUR/JPY ไม่ตรงกัน ผู้ทำอาร์บิทราจจะเริ่มจากสกุลเงินตัวหนึ่ง แลกเป็นตัวถัดไป แล้ววนกลับ โดยจบลงด้วยเงินเพิ่ม
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ลองศึกษาจาก Investopedia – Triangular Arbitrage ที่อธิบายแนวคิดพร้อมตัวอย่างชัดเจน
Statistical Arbitrage (อาร์บิทราจเชิงสถิติ)
อาร์บิทราจเชิงสถิติอาศัยโมเดลทางสถิติและข้อมูลย้อนหลังเพื่อหาสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน เช่น หุ้นสองตัวในอุตสาหกรรมเดียวที่มักเคลื่อนไหวไปด้วยกัน เมื่อความสัมพันธ์นี้ผิดเพี้ยน ผู้ปฏิบัติจะซื้อตัวที่ราคาต่ำกว่าปกติและขายตัวที่สูงเกิน โดยคาดว่าราคาจะปรับกลับสู่สมดุล แม้กลยุทธ์นี้จะซับซ้อนกว่าแบบดั้งเดิม แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเพราะพึ่งพาการพยากรณ์ทางสถิติ
Merger Arbitrage (อาร์บิทราจจากการควบรวมกิจการ)
อาร์บิทราจจากการควบรวมหรือที่เรียกว่าริสก์อาร์บิทราจ ใช้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นเมื่อบริษัทกำลังจะรวมกิจการหรือถูกซื้อ เมื่อมีประกาศซื้อกิจการ มักเกิดพรีเมียมระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันกับราคาเสนอ ผู้ทำอาร์บิทราจจะซื้อหุ้นเป้าหมายและอาจขายหุ้นผู้ซื้อ โดยหวังว่าข้อตกลงจะสำเร็จ แต่หากล้มเหลว ก็เสี่ยงขาดทุน
Covered Interest Arbitrage (อาร์บิทราจดอกเบี้ยแบบมีประกัน)
อาร์บิทราจดอกเบี้ยแบบมีประกันคือการหากำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ โดยป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วยสัญญาฟอเวิร์ด ผู้ปฏิบัติจะลงทุนในสกุลเงินดอกเบี้ยสูงกว่า แล้วทำสัญญาแลกกลับในอนาคตที่อัตราล็อกไว้ เพื่อให้กำไรจากดอกเบี้ยปลอดภัย
| ประเภท Arbitrage | หลักการ | ตลาดหลัก | ระดับความเสี่ยง (ทฤษฎี) | 
|---|---|---|---|
| Triangular Arbitrage | แสวงหากำไรจากความไม่สมดุลของอัตราแลกเปลี่ยน 3 สกุลเงิน | Forex | ต่ำ | 
| Statistical Arbitrage | ใช้แบบจำลองสถิติทำกำไรจากการเบี่ยงเบนความสัมพันธ์ของสินทรัพย์ | หุ้น, ตราสารอนุพันธ์ | ปานกลางถึงสูง | 
| Merger Arbitrage | ทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นหลังประกาศควบรวม/ซื้อกิจการ | หุ้น | ปานกลาง | 
| Covered Interest Arbitrage | ทำกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยโดยป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน | Forex, ตลาดเงิน | ต่ำ | 
Arbitrage ในตลาดการเงินยอดนิยม: Forex, คริปโต และหุ้น
Arbitrage ในตลาด Forex
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นที่นิยมสำหรับอาร์บิทราจเพราะสภาพคล่องสูง เปิดซื้อขาย 24 ชั่วโมง และมีโบรกเกอร์มากมายที่ราคาอาจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย โอกาสมักเกิดจากความล่าช้าของการอัปเดตราคาหรือส่วนต่างบิ๊ด/แอสค์ระหว่างโบรกเกอร์ แต่การแข่งขันดุเดือด ส่วนต่างราคาจึงมักน้อยมาก จนต้องพึ่งระบบเทรดอัตโนมัติอย่างเอ็กซ์เพิร์ทแอดไวเซอร์หรือหุ่นยนต์ที่ทำงานเร็วสูง
Arbitrage คริปโตเคอร์เรนซี
ตลาดคริปโตดึงดูดนักลงทุนอาร์บิทราจเพราะมีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนทั่วโลก และราคาคริปโตเดียวกันอาจต่างกันชัดเจนระหว่างที่ต่าง ๆ โอกาสหลัก ได้แก่
- Cross-Exchange Arbitrage: ซื้อคริปโตจากแลกเปลี่ยนราคาต่ำ แล้วขายในที่ราคาสูงกว่า
 - Triangular Crypto Arbitrage: คล้ายแบบสามเหลี่ยมในฟอเร็กซ์ แต่ใช้สกุลคริปโตสามตัวหรือคู่คริปโต/ฟิแอต
 
อุปสรรคใหญ่คือความล่าช้าของธุรกรรม ค่าธรรมเนียมโอน และความผันผวนสูงที่อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในพริบตา
Arbitrage ตลาดหุ้นไทย
แม้จะไม่บ่อยเท่าตลาดอื่น แต่ในตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสอาร์บิทราจ โดยเฉพาะในกรณีพิเศษ เช่น
- หุ้นคู่ขนาน: หุ้นไทยที่จดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดต่างประเทศ อาจมีส่วนต่างราคาให้ใช้ประโยชน์
 - เหตุการณ์เฉพาะ: อย่างการแปลงสภาพทุน การเพิ่มทุน หรือควบรวม ที่ทำให้ราคาหลักทรัพย์เก่าและใหม่ต่างกันชั่วคราว
 
การทำอาร์บิทราจที่นี่ต้องเข้าใจกฎของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีเครื่องมือเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายที่รวดเร็ว เพื่อจับจังหวะได้ทัน
ข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงของกลยุทธ์ Arbitrage
ข้อดีของการทำ Arbitrage
- ศักยภาพกำไรสูงตามทฤษฎี: หากจับโอกาสได้ถูกต้อง จะทำกำไรโดยไม่ต้องรับผลจากความผันผวนตลาด
 - ความเสี่ยงต่ำตามทฤษฎี: การซื้อขายพร้อมกันทำให้ไม่ต้องถือสินทรัพย์นาน จึงลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคา
 - ไม่ผูกติดทิศทางตลาด: เน้นแก้ปัญหาความไร้ประสิทธิภาพแทนการเดาทิศทางขึ้นลง
 
ข้อเสียและความท้าทาย
- ต้องการความเร็วสูง: โอกาสหายไปในเสี้ยววินาที การทำด้วยมือจึงแทบไม่ได้ผล ต้องใช้ระบบอัตโนมัติขั้นสูง
 - ค่าธรรมเนียมกินกำไร: ค่าคอมมิชชั่น สเปรด และค่าธรรมเนียมโอน (โดยเฉพาะคริปโต) อาจทำให้กำไรสุทธิหายไป
 - ปัญหาสภาพคล่อง: บางครั้งส่วนต่างมีจริง แต่ตลาดไม่เอื้อให้ซื้อขายปริมาณมากพอ
 - การแข่งขันดุเดือด: ทั้งสถาบันใหญ่และนักลงทุนรายย่อยใช้บอทแข่งกัน จนโอกาสลดลงเรื่อย ๆ
 
ความเสี่ยงที่แท้จริงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ทฤษฎีบอกว่าไร้ความเสี่ยง แต่ในโลกจริงมีปัจจัยที่ต้องระวัง เช่น
- สลิปเพจและความล่าช้า: คำสั่งอาจไม่ตรงราคาที่หวังเพราะระบบล่าช้าหรือราคาเปลี่ยนกะทันหัน
 - ความเสี่ยงการปฏิบัติ: อาจซื้อได้แต่ขายไม่ได้ หรือขายไม่ครบ ทำลายแผนล็อกกำไร
 - ความเสี่ยงสภาพคล่อง: ตลาดอาจขาดของเหลวพอให้ทำตามปริมาณที่วางแผน
 - ความเสี่ยงเงินทุน: หากพลาดใหญ่ อาจสูญเสียทุนได้ แม้จะน่าจะน้อย
 
| ข้อดีของ Arbitrage | ข้อเสียและข้อจำกัด | 
|---|---|
| โอกาสทำกำไรสูง (ในทฤษฎี) | ต้องใช้ความเร็วและเทคโนโลยีสูงมาก | 
| ความเสี่ยงต่ำ (ในทางทฤษฎี) | ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมสูง (อาจกัดกินกำไร) | 
| ไม่ขึ้นกับทิศทางตลาด | สภาพคล่องและขนาดคำสั่งซื้อขายมีจำกัด | 
| เป็นกลยุทธ์เชิงรุก | การแข่งขันสูงจาก Bot และ HFT (High-Frequency Trading) | 
Arbitrage Bot และระบบเทรดอัตโนมัติ: ข้อควรพิจารณา
ในยุคดิจิทัล การทำอาร์บิทราจด้วยตัวเองแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะส่วนต่างราคาหายไปเร็วมาก หุ่นยนต์อาร์บิทราจและระบบเทรดอัตโนมัติจึงกลายเป็นเครื่องมือหลัก เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริทึมช่วยให้บอทสแกนตลาด หาโอกาส และสั่งงานได้เร็วกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า
ประโยชน์ของบอทอาร์บิทราจ:
- เร็วและมีประสิทธิภาพ: ทำงานในเสี้ยววินาทีและไม่หยุดพัก 24/7
 - แม่นยำ: ลดข้อผิดพลาดจากอารมณ์หรือความเหนื่อยล้า
 - เข้าถึงกว้าง: เชื่อมต่อหลายตลาดพร้อมกันได้ง่าย
 
ข้อจำกัดที่ต้องคิด:
- ต้นทุนสูง: การสร้างหรือซื้อบอทดี ๆ ต้องใช้งบประมาณไม่น้อย
 - การดูแล: ต้องตั้งค่าให้ถูก ตรวจสอบและอัปเดตบ่อย ๆ
 - ความปลอดภัย: บอทจากแหล่งไม่น่าเชื่อถืออาจเสี่ยงข้อมูลหรือทุน
 - ความซับซ้อน: ต้องเข้าใจการทำงานและตลาดที่เกี่ยวข้อง
 
การเลือกบอทที่ดีต้องดูรีวิวจากผู้ใช้จริง เลือกผู้พัฒนาที่โปร่งใส และเริ่มทดสอบด้วยทุนน้อยในโหมดจำลองก่อนลงสนามจริง เพื่อลดความเสี่ยง
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย: เริ่มต้น Arbitrage อย่างไรให้ปลอดภัยและถูกกฎหมาย
นักลงทุนไทยที่อยากลองอาร์บิทราจควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยคำนึงถึงบริบทในประเทศ เพื่อให้ทุกอย่างปลอดภัยและไม่ผิดกฎ
แพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนไทย
ขั้นแรกคือเลือกแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ให้ดี โดยพิจารณา
- การกำกับดูแล: เลือกที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเชื่อถือได้ เช่น ก.ล.ต. สำหรับหุ้นและคริปโตในไทย หรือหน่วยงานสากลสำหรับฟอเร็กซ์
 - ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าซื้อขาย สเปรด และค่าฝากถอน
 - สภาพคล่อง: แพลตฟอร์มที่มีของเหลวสูงช่วยให้ซื้อขายตรงราคา
 - ความเร็ว: สำคัญมากสำหรับอาร์บิทราจ เลือกที่มีเซิร์ฟเวอร์ตอบสนองไวและ API ดี
 - การสนับสนุน: มีทีมช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
 
ข้อควรระวังด้านกฎหมายและภาษีในประเทศไทย
ต้องใส่ใจประเด็นกฎหมายและภาษี เช่น
- กฎระเบียบ: อาร์บิทราจเองไม่ผิด แต่บางตลาดอย่างฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์ต่างชาติที่ไม่ได้รับอนุญาต อาจเสี่ยงเรื่องควบคุมเงินตราและฟอกเงิน ถ้าสงสัยให้เช็กกับ ก.ล.ต. หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย
 - ภาษี: กำไรจากอาร์บิทราจต้องเสียภาษีตามกฎไทย เช่น คริปโตหัก ณ ที่จ่าย 15% สำหรับกำไรเกิน 150,000 บาท (ข้อมูลปัจจุบัน อาจเปลี่ยน) ต้องรายงานและชำระให้ถูกต้อง
 
การจัดการความเสี่ยงและทุนสำหรับนักลงทุนไทย
แม้ดูไร้เสี่ยง แต่การบริหารยังสำคัญ
- ทุนเริ่มต้น: ใช้เงินที่ยอมเสียได้ เริ่มน้อย ๆ
 - บริหารเสี่ยง: ตั้งลิมิตขาดทุนและยึดแผน
 - เรียนรู้ต่อเนื่อง: ตลาดเปลี่ยนเสมอ ต้องปรับกลยุทธ์
 
สรุป: Arbitrage กลยุทธ์ที่ต้องศึกษาและเตรียมพร้อม
อาร์บิทราจเป็นกลยุทธ์น่าดึงดูดที่ใช้ความไร้ประสิทธิภาพของตลาดในการซื้อขายสินทรัพย์เดียวกันเพื่อล็อกกำไรจากส่วนต่าง แม้ทฤษฎีดูไร้เสี่ยง แต่ปฏิบัติจริงต้องเผชิญความเร็ว ค่าใช้จ่าย และสภาพคล่อง
สำหรับนักลงทุนไทย เริ่มด้วยการศึกษาลึก ประเภทต่าง ๆ และเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เลือกแพลตฟอร์มดี เข้าใจกฎหมายภาษี เพื่อใช้กลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมตัวดีจะเพิ่มโอกาสสำเร็จ
1. อาร์บิทราจเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ในประเทศไทยหรือไม่?
โดยทั่วไป อาร์บิทราจอาจไม่เหมาะกับมือใหม่ในไทยเพราะต้องรู้ลึกเรื่องตลาด เทคโนโลยีเร็ว และจัดการเสี่ยงแม่นยำ แต่ถ้ามีความตั้งใจเรียนรู้จากผู้รู้ เริ่มทุนน้อย และใช้ระบบที่พิสูจน์แล้ว ก็เป็นไปได้ เพียงแต่ต้องระมัดระวังมาก
2. การทำ Arbitrage ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่ และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
อาร์บิทราจเองไม่ผิดกฎในไทย แต่บางตลาดอย่างฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์ต่างชาติที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือธนาคารแห่งประเทศไทย อาจเสี่ยง ควรเช็กกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และระวังเรื่องที่อาจเข้าข่ายฟอกเงิน
3. มีแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ไทยใดบ้างที่รองรับการทำ Arbitrage ในตลาด Forex หรือคริปโต?
สำหรับคริปโต มีแลกเปลี่ยนที่ ก.ล.ต. รับรองอย่าง Bitkub, Satang Pro สำหรับครอสเอ็กซ์เชนจ์อาร์บิทราจ แต่ฟอเร็กซ์ในไทยจำกัด นักลงทุนมักใช้โบรกเกอร์ต่างชาติที่ใบอนุญาตสากล ควรศึกษาละเอียดก่อน
4. กำไรจากการทำ Arbitrage ต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย และมีวิธีการคำนวณอย่างไร?
กำไรอาร์บิทราจต้องเสียภาษีตามกฎไทย คริปโตหัก ณ ที่จ่าย 15% สำหรับเกิน 150,000 บาท หุ้นและอนุพันธ์คำนวณตามกรมสรรพากร ต้องเก็บข้อมูลซื้อขาย กำไรขาดทุน และยื่นภาษีบุคคลธรรมดา ถ้าไม่ชัวร์ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษี
5. Arbitrage Bot มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และควรเลือกใช้ Bot อย่างไรให้ปลอดภัย?
บอทอาร์บิทราจน่าเชื่อถือถ้าจากผู้พัฒนาประสบการณ์และชื่อเสียง แต่มีของปลอมเยอะ การเลือกควรดู
- รีวิวและประวัติ: จากผู้ใช้จริงและผลย้อนหลัง
 - ผู้พัฒนา: เลือกที่โปร่งใส
 - ความปลอดภัย: ตรวจระบบป้องกันข้อมูลและทุน
 - ทดลองใช้: ทดสอบในเดโมก่อนใช้เงินจริง
 
6. ความเสี่ยงสูงสุดที่นักลงทุนไทยอาจเจอในการทำ Arbitrage คืออะไร และควรป้องกันอย่างไร?
เสี่ยงสูงสุดคือคำสั่งไม่ตรงแผน เช่น สลิปเพจหรือล้มเหลว ทำให้ไม่ปิดสถานะพร้อมกันและต้องรับเสี่ยงราคา บวกเสี่ยงกฎหมายภาษีในไทย
ป้องกันโดยใช้แพลตฟอร์มเร็วเชื่อถือได้ โบรกเกอร์สภาพคล่องดี เข้าใจกฎละเอียด และเริ่มทุนไม่กระทบชีวิต
7. อาร์บิทราจแตกต่างจาก Hedging และ Carry Trade อย่างไรในบริบทของตลาดไทย?
อาร์บิทราจเน้นกำไรจากส่วนต่างชั่วคราวเสี่ยงต่ำ
- Hedging (การป้องกันความเสี่ยง): ลดเสี่ยงจากราคาเปลี่ยนในอนาคตด้วยสถานะตรงข้าม ไม่เน้นกำไรส่วนต่างตรง ๆ
 - Carry Trade: กำไรจากต่างดอกเบี้ย โดยยืมเงินดอกต่ำลงทุนดอกสูง เสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
 
ในไทย อาร์บิทราจพบในคริปโตหุ้นบางกรณี Hedging Carry Trade ใช้ในฟอเร็กซ์อนุพันธ์บริหารเสี่ยงหรือดอกเบี้ย
8. ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ถึงจะสามารถเริ่มทำ Arbitrage ในตลาดไทยได้?
ทุนเริ่มต้นต่างกันตามตลาดและประเภท สำหรับคริปโตเริ่มพันหรือหมื่นบาท แต่ผลตอบแทนน้อย ถ้าต้องการกำไรใหญ่หรือตลาดสภาพคล่องสูง อาจแสนถึงล้าน เพื่อคุ้มค่าธรรมเนียมและโอกาส
9. มีแหล่งข้อมูลหรือชุมชนออนไลน์ (เช่น Pantip) สำหรับนักลงทุน Arbitrage ในประเทศไทยที่น่าสนใจหรือไม่?
หาข้อมูลแลกเปลี่ยนได้จากชุมชนอย่างกระทู้ Pantip ห้องสินธร หรือกลุ่มเฟซบุ๊กเรื่องฟอเร็กซ์ คริปโต เทรดอัตโนมัติ แต่ใช้ดุลยพินิจรับข้อมูล และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการเงินถ้าสำคัญ
10. อนาคตของ Arbitrage ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีใหม่ๆ?
อนาคตอาร์บิทราจในไทยจะพัฒนากับเทคโนโลยีอย่าง AI และแมชชีนเลิร์นนิง ทำให้บอทหาโอกาสและทำงานเร็วกว่า แต่แข่งขันสูง โอกาสส่วนต่างใหญ่ลดลง นักลงทุนต้องปรับตัวใช้เทคโนโลยีให้ดี และศึกษาตลาดใหม่ที่อาจไร้ประสิทธิภาพ