บทนำ: สถานการณ์ภาษีการเทรด Forex ในประเทศไทย
การซื้อขายเงินตราต่างประเทศหรือที่รู้จักกันในชื่อ Forex กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนชาวไทย คำถามที่หลายคนสงสัยเสมอคือ การเทรด Forex ต้องเสียภาษีหรือไม่ บทความนี้จะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดและครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Forex ในประเทศไทย โดยเฉพาะกำไรที่ได้จากการเทรดซึ่งถือเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายไทย รวมถึงแนวทางปฏิบัติจากกรมสรรพากรที่นักลงทุนควรทราบ

แม้การเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศจะยังไม่ได้รับการกำกับดูแลโดยตรงจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. ของไทย แต่หลักเกณฑ์ทางภาษีเกี่ยวกับเงินได้ยังคงใช้บังคับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหนก็ตาม ผู้ที่ได้รับรายได้จากการเทรด Forex จึงต้องปฏิบัติตามหน้าที่เสียภาษีและยื่นรายการภาษีเหมือนกับเงินได้อื่นๆ การทำความเข้าใจในกฎระเบียบเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดทุกคนลงทุนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลดโอกาสที่จะประสบปัญหาภาษีในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาษีการเทรด Forex ในประเทศไทย: ใครต้องเสีย, เสียภาษีอะไร?
อะไรคือภาษีการเทรด Forex?
ในบริบทของประเทศไทย กำไรจากการเทรด Forex ถูกจัดอยู่ในประเภทเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) ของประมวลรัษฎากร ซึ่งครอบคลุมเงินได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากวิชาชีพโดยตรง ประเภทนี้จึงมองว่าเป็นกำไรจากการลงทุนที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ใช่ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะทาง การเสียภาษีสำหรับ Forex จึงเกี่ยวข้องกับการนำกำไรสุทธิในปีภาษีมารวมกับเงินได้อื่นๆ หากมี แล้วคำนวณตามอัตราก้าวหน้าสำหรับบุคคลธรรมดา เพื่อให้การลงทุนยั่งยืน นักเทรดควรตระหนักถึงรายละเอียดเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น

ใครคือผู้มีหน้าที่เสียภาษี?
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบเสียภาษี Forex คือบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและได้รับเงินได้จากการเทรด Forex ไม่ว่าจะใช้โบรกเกอร์ในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ หรือโบรกเกอร์ต่างประเทศ นอกจากนี้ บุคคลธรรมดาที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในไทยแต่มีเงินได้เกิดจากแหล่งในประเทศ เช่น รับเงินหรือทำธุรกรรมผ่านธนาคารไทย ก็อาจต้องเสียภาษีเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่านักเทรดจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์ หากมีกำไรจาก Forex ก็จำเป็นต้องยื่นและเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในภายหลัง
วิธีคำนวณเงินได้ที่ต้องเสียภาษีจากการเทรด Forex ในประเทศไทย
หลักการคำนวณกำไรและขาดทุน
กระบวนการคำนวณเงินได้ที่ต้องเสียภาษีจาก Forex ค่อนข้างตรงไปตรงมา โดยใช้กำไรสุทธิทั้งปีเป็นพื้นฐาน กำไรสุทธิคำนวณโดยนำกำไรรวมทั้งหมดจากการเทรดในปีนั้น หักด้วยขาดทุนรวมในปีเดียวกัน และหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ เช่น ค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าคอมมิชชั่นจากโบรกเกอร์ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นและเชื่อมโยงโดยตรงกับการสร้างรายได้จาก Forex การรักษาบันทึกการซื้อขายให้ละเอียดและสมบูรณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อนำไปแสดงต่อกรมสรรพากรหากมีการตรวจสอบ บันทึกควรครอบคลุมวันที่และเวลาธุรกรรม คู่สกุลเงิน ขนาดล็อต ราคาเปิด-ปิด กำไรหรือขาดทุนต่อออเดอร์ รวมถึงหลักฐานการฝาก-ถอนเงินจากบัญชีเทรด ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่นยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการคำนวณภาษี Forex เชิงปฏิบัติ (2567/2024)
เพื่อช่วยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ลองพิจารณาตัวอย่างการคำนวณภาษี Forex สำหรับปีภาษี 2567 (2024) ดังนี้:
**กรณีที่ 1: มีแต่กำไรจากการเทรด**
* นายสมชายมีกำไรจากการเทรด Forex ตลอดปี 2567 รวม 500,000 บาท
* ไม่มีขาดทุนและไม่มีค่าใช้จ่ายที่พิสูจน์ได้
* เงินได้ที่ต้องเสียภาษี: 500,000 บาท
**กรณีที่ 2: มีทั้งกำไรและขาดทุนจากแพลตฟอร์มเดียว**
* นางสาวสุดาเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ A
* กำไรรวมตลอดปี 2567: 800,000 บาท
* ขาดทุนรวมตลอดปี 2567: 300,000 บาท
* ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่พิสูจน์ได้: 10,000 บาท
* เงินได้ที่ต้องเสียภาษี: 800,000 (กำไร) – 300,000 (ขาดทุน) – 10,000 (ค่าธรรมเนียม) = 490,000 บาท
**กรณีที่ 3: มีกำไรและขาดทุนจากหลายแพลตฟอร์ม**
* นายมานะเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ B และโบรกเกอร์ C
* **โบรกเกอร์ B:** กำไร 600,000 บาท, ขาดทุน 200,000 บาท, ค่าใช้จ่าย 5,000 บาท
* **โบรกเกอร์ C:** กำไร 400,000 บาท, ขาดทุน 150,000 บาท, ค่าใช้จ่าย 3,000 บาท
* **รวมกำไรทั้งหมด:** 600,000 + 400,000 = 1,000,000 บาท
* **รวมขาดทุนทั้งหมด:** 200,000 + 150,000 = 350,000 บาท
* **รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด:** 5,000 + 3,000 = 8,000 บาท
* เงินได้ที่ต้องเสียภาษี: 1,000,000 (กำไรรวม) – 350,000 (ขาดทุนรวม) – 8,000 (ค่าใช้จ่ายรวม) = 642,000 บาท
| รายการ | กรณีที่ 1 (กำไรอย่างเดียว) | กรณีที่ 2 (กำไร-ขาดทุน แพลตฟอร์มเดียว) | กรณีที่ 3 (กำไร-ขาดทุน หลายแพลตฟอร์ม) |
|---|---|---|---|
| กำไรรวม (บาท) | 500,000 | 800,000 | 1,000,000 |
| ขาดทุนรวม (บาท) | 0 | (300,000) | (350,000) |
| ค่าใช้จ่ายที่พิสูจน์ได้ (บาท) | 0 | (10,000) | (8,000) |
| เงินได้ที่ต้องเสียภาษี (บาท) | 500,000 | 490,000 | 642,000 |
จากตัวอย่างเหล่านี้ จะเห็นชัดเจนว่าการรวมกำไรและขาดทุนจากทุกแหล่ง หักด้วยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นขั้นตอนสำคัญในการหาเงินได้สุทธิที่ถูกต้องสำหรับการยื่นภาษี ซึ่งช่วยให้นักเทรดวางแผนได้ดีขึ้น
อัตราภาษี Forex และขั้นตอนการยื่นภาษีในประเทศไทย
ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบก้าวหน้า
เงินได้จาก Forex จะถูกรวมกับเงินได้อื่นๆ ของบุคคลธรรมดา แล้วนำมาคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้าที่กรมสรรพากรกำหนด ดังตารางต่อไปนี้:
| เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี |
|---|---|
| 1 – 150,000 | ยกเว้น |
| 150,001 – 300,000 | 5% |
| 300,001 – 500,000 | 10% |
| 500,001 – 750,000 | 15% |
| 750,001 – 1,000,000 | 20% |
| 1,000,001 – 2,000,000 | 25% |
| 2,000,001 – 5,000,000 | 30% |
| มากกว่า 5,000,000 | 35% |
*ตารางนี้เป็นอัตราภาษีโดยทั่วไปและอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามประกาศของ กรมสรรพากร*
ขั้นตอนการยื่นภาษี Forex
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับรายได้จาก Forex สามารถทำได้ตามขั้นตอนเหล่านี้:
1. **รวบรวมข้อมูล:** เตรียมข้อมูลกำไรและขาดทุนทั้งหมดจาก Forex ในปีภาษีนั้นๆ พร้อมหลักฐานการฝาก-ถอนเงิน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์
2. **คำนวณเงินได้สุทธิ:** นำกำไรรวมหักขาดทุนรวมและค่าใช้จ่ายที่พิสูจน์ได้ เพื่อได้ตัวเลขเงินได้สุทธิจาก Forex
3. **กรอกแบบฟอร์ม:** ใช้แบบ ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้ที่มีเงินได้หลายประเภท (ซึ่งเหมาะกับ Forex) หรือ ภ.ง.ด.91 หากมีเฉพาะเงินเดือน แต่สำหรับ Forex ควรใช้ ภ.ง.ด.90 โดยบันทึกในหมวดมาตรา 40(8)
4. **ยื่นภาษี:**
* **ยื่นออนไลน์:** ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรที่ www.rd.go.th ซึ่งสะดวกและรวดเร็วมาก
* **ยื่นด้วยตนเอง:** ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใกล้บ้าน
5. **ชำระภาษี:** หากต้องชำระ สามารถทำได้ทางออนไลน์ ATM เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิสตามที่กรมสรรพากรกำหนด
**กำหนดเวลาการยื่นภาษี:** สำหรับปีภาษี 2567 (มกราคม – ธันวาคม 2567) ต้องยื่นและชำระภายใน 31 มีนาคม 2568 (ออนไลน์อาจขยายถึง 8 เมษายน) การยื่นตรงเวลาช่วยหลีกเลี่ยงค่าปรับได้
ความสำคัญและเทคนิคในการบันทึกข้อมูล
การบันทึกข้อมูลการเทรดอย่างละเอียดเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการภาษี Forex ให้ถูกต้องและป้องกันความเสี่ยง หลักฐานที่ชัดเจนช่วยให้คำนวณเงินได้สุทธิได้แม่นยำ และอธิบายต่อกรมสรรพากรได้หากจำเป็น
* **บันทึกการซื้อขาย:** ดาวน์โหลดประวัติการซื้อขายจากแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ ซึ่งมีรายละเอียดออเดอร์และกำไร-ขาดทุน
* **หลักฐานการฝาก-ถอน:** เก็บสลิปการโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารไทยและโบรกเกอร์
* **สรุปผลประกอบการ:** จัดทำรายงานรายเดือนหรือรายปี แยกกำไรและขาดทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการคำนวณภาษี
* **การใช้โปรแกรม:** ใช้ Excel หรือ Google Sheets จัดการข้อมูล หรือซอฟต์แวร์บัญชีส่วนบุคคลเพื่อสร้างรายงานที่เป็นระบบ ซึ่งจะทำให้กระบวนการทั้งหมดง่ายดายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่มีปริมาณธุรกรรมมาก
ความชอบด้วยกฎหมายและความเสี่ยงทางภาษีของการเทรด Forex ในประเทศไทย
สถานะทางกฎหมายของการเทรด Forex ในประเทศไทย
ปัจจุบัน การเทรด Forex ในไทยยังอยู่ในสถานะพื้นที่สีเทา เนื่องจากขาดกฎหมายเฉพาะที่ ก.ล.ต. ดูแลโดยตรง โบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการในไทยจึงยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยออกประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการลงทุนผ่านผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับอนุมัติ ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกหลอกลวงหรือขาดการคุ้มครองตามกฎหมายไทย อย่างไรก็ตาม การที่บุคคลธรรมดาเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศยังไม่ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยตรง แต่ก็ขาดการคุ้มครองที่ชัดเจนเช่นกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย มักย้ำถึงความเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ผลกระทบทางกฎหมายและบทลงโทษจากการไม่ยื่นภาษี Forex
ถึงแม้การเทรด Forex จะอยู่ในพื้นที่สีเทา แต่กรมสรรพากรยืนยันชัดเจนว่ากำไรจาก Forex เป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หากไม่ยื่น ไม่ครบถ้วน หรือล่าช้า อาจต้องเผชิญผลกระทบดังนี้:
* **เบี้ยปรับ:** อาจถูกปรับสูงสุด 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ หากยื่นไม่ถูกต้องหรือล่าช้า
* **เงินเพิ่ม:** คิดเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีค้างชำระ นับจากวันที่เลยกำหนด
* **โทษทางอาญา:** หากจงใจหลีกเลี่ยง เช่น ไม่ยื่นหรือให้ข้อมูลเท็จ อาจถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งสองอย่าง กฎหมายภาษีอากร กรมสรรพากร กำหนดไว้ชัดเจน
* **การตรวจสอบย้อนหลัง:** กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบย้อนหลังหลายปี หากพบการหลีกเลี่ยง จะเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมปรับและเงินเพิ่ม
การปฏิบัติตามกฎภาษีอย่างเคร่งครัดจึงจำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาและบทลงโทษที่ไม่จำเป็น การชำระภาษีถูกต้องช่วยให้นักเทรดลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Forex ในประเทศไทย
ถอนเงิน Forex ไม่เสียภาษีจริงหรือ?
นี่เป็นความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อย การถอนเงินจากบัญชี Forex เข้าธนาคารไทยไม่ได้ทำให้รอดพ้นจากภาษี หน้าที่เสียภาษีเกิดจากกำไรที่ได้จากการเทรด ไม่ใช่การถอนเงิน การถอนเพียงแค่นำกำไรกลับเข้าสู่ระบบธนาคารในประเทศเท่านั้น กำไรนั้นยังคงเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมาคำนวณและยื่นภาษีตามปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน นักเทรดควรแยกแยะระหว่างการทำธุรกรรมและหน้าที่ทางภาษีให้ชัดเจน
เทรด Exness/XM เสียภาษีไหม?
การเทรดผ่านโบรกเกอร์ยอดนิยมต่างประเทศอย่าง Exness หรือ XM ก็ต้องเสียภาษีเหมือนโบรกเกอร์อื่นๆ หน้าที่ภาษีไม่ได้ขึ้นกับโบรกเกอร์ที่เลือกใช้ แต่ขึ้นอยู่กับสถานะผู้มีเงินได้และถิ่นที่อยู่ในไทย หากเป็นบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและมีกำไรจากเทรด ไม่ว่าจะใช้ Exness XM หรืออื่นๆ ก็ต้องยื่นและเสียภาษีตามกฎหมายไทย ซึ่งช่วยให้การลงทุนโปร่งใสและถูกกฎหมาย
เทรดทอง เสียภาษีไหม?
การเทรดทองคำผ่านแพลตฟอร์ม Forex เช่น XAU/USD ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Forex และกำไรจากนั้นจัดเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) ที่ต้องรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม หากเป็นการซื้อขายทองคำแท่งหรือรูปพรรณที่ร้านทองทั่วไป กำไรจากการขายอาจได้รับการยกเว้นภาษี หากเป็นการลงทุนในทองแท่ง ไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้นแบบธุรกิจปกติ ซึ่งแตกต่างกันในด้านการประเมินภาษี
สรุป: ข้อแนะนำการวางแผนภาษีสำหรับนักเทรด Forex
การเข้าใจและปฏิบัติตามกฎภาษีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรด Forex ทุกคนในประเทศไทย เพื่อให้การลงทุนดำเนินไปอย่างราบรื่นและปราศจากปัญหากฎหมายในอนาคต กรมสรรพากรชี้แจงชัดว่ากำไรจาก Forex เป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
**ข้อแนะนำสำคัญสำหรับนักเทรด Forex:**
1. **ศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายภาษี:** ติดตามประกาศและแนวทางจากกรมสรรพากรเกี่ยวกับเงินได้จากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออัปเดตข้อมูลล่าสุด
2. **บันทึกข้อมูลอย่างละเอียด:** จัดระบบเก็บหลักฐานการซื้อขาย การฝาก-ถอน และค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อใช้คำนวณและอธิบายภาษีได้อย่างมั่นใจ
3. **คำนวณภาษีอย่างถูกต้อง:** รวมกำไร หักขาดทุนและค่าใช้จ่ายที่พิสูจน์ได้ เพื่อหาเงินได้สุทธิที่แม่นยำ
4. **ยื่นภาษีให้ตรงเวลา:** ยื่น ภ.ง.ด.90 ตามกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงเบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่อาจเกิดขึ้น
5. **ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:** หากสงสัยเรื่องคำนวณหรือยื่นภาษี ควรขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาภาษีหรือนักบัญชีมืออาชีพ เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนตัว
สำหรับปี 2568 (2025) และปีถัดไป แม้กฎภาษี Forex อาจไม่เปลี่ยนแปลงหลักการใหญ่ แต่การติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากรอย่างใกล้ชิดยังคงสำคัญ เพราะแนวปฏิบัติหรือการตีความอาจปรับปรุงได้ การวางแผนภาษีอย่างดีช่วยบริหารเงินทุนได้มีประสิทธิภาพ และยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายครบถ้วน
Q1: เทรด Forex แล้วเงินเข้าบัญชีธนาคารไทย จะถูกตรวจสอบภาษีไหม?
มีโอกาสถูกตรวจสอบได้ ธนาคารมีหน้าที่รายงานธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ หาก กรมสรรพากร พบว่าคุณมีเงินเข้าบัญชีจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอจากการเทรด Forex โดยที่ไม่มีการยื่นภาษีที่สอดคล้องกัน ก็อาจนำไปสู่การตรวจสอบภาษีได้
Q2: ฉันเป็นนักศึกษาเทรด Forex มีรายได้ไม่มาก ต้องยื่นภาษีด้วยหรือไม่?
หากมีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี คุณมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีและชำระภาษีตามอัตราก้าวหน้า แม้ว่าจะเป็นนักศึกษาและมีรายได้ไม่มากก็ตาม หากเงินได้สุทธิไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (แต่เกินเกณฑ์ที่ต้องยื่น) ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีรายได้แต่ได้รับการยกเว้นภาษี
Q3: ถ้าเทรด Forex ขาดทุนตลอดทั้งปี สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไหม?
การขาดทุนจากการเทรด Forex ในปีภาษีนั้น สามารถนำมาหักลบกับกำไรจากการเทรด Forex ในปีเดียวกันได้ แต่ไม่สามารถนำมาหักลบกับเงินได้ประเภทอื่น เช่น เงินเดือน หรือนำไปยกยอดขาดทุนไปหักในปีภาษีถัดไปได้เหมือนกับการลงทุนในหลักทรัพย์บางประเภท
Q4: มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษี Forex ในปี 2568 (2025) หรือไม่?
ในปัจจุบันยังไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษี Forex ที่ชัดเจนสำหรับปี 2568 โดยเฉพาะ แต่ กรมสรรพากร อาจมีการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติหรือการตีความได้เสมอ นักเทรดควรติดตามข่าวสารจากแหล่งข้อมูลทางการอย่างใกล้ชิด
Q5: ควรบันทึกการซื้อขาย Forex อย่างไรเพื่อใช้ยื่นภาษี?
คุณควรบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด ได้แก่:
- รายงานประวัติการซื้อขาย (Trade History) จากโบรกเกอร์
- หลักฐานการฝากและถอนเงินเข้า-ออกบัญชีธนาคาร
- สรุปกำไรขาดทุนรายเดือน/รายปี
- เอกสารค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเทรด (ถ้ามี)
การบันทึกในรูปแบบตาราง Excel จะช่วยให้จัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น
Q6: ถ้าฉันไม่ได้แจ้งรายได้ Forex มาหลายปีแล้ว ควรทำอย่างไร?
คุณควรปรึกษา ที่ปรึกษาภาษี หรือนักบัญชีมืออาชีพโดยเร็วที่สุด เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการยื่นภาษีย้อนหลัง ซึ่งอาจรวมถึงการยื่นแบบเพิ่มเติมและชำระเบี้ยปรับเงินเพิ่ม การแสดงความประสงค์ที่จะแก้ไขให้ถูกต้องเองมักจะได้รับการพิจารณาที่ดีกว่าการถูกตรวจสอบพบในภายหลัง
Q7: โบรกเกอร์ Forex ต่างประเทศมีหน้าที่รายงานข้อมูลให้กรมสรรพากรไทยหรือไม่?
โดยทั่วไป โบรกเกอร์ Forex ต่างประเทศไม่มีหน้าที่โดยตรงในการรายงานข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าชาวไทยให้แก่ กรมสรรพากรไทย อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากร อาจได้รับข้อมูลผ่านช่องทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ หรือจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เข้าสู่บัญชีธนาคารในประเทศของคุณ
Q8: เทรดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กับ Forex มีวิธีการเสียภาษีต่างกันอย่างไร?
การเสียภาษีคริปโตเคอร์เรนซีมีหลักการที่แตกต่างจาก Forex เล็กน้อย กำไรจากการเทรดคริปโตฯ ในประเทศไทยจัดเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ฉ) ซึ่งต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% และยังต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้าเช่นกัน แต่สามารถนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายมาเครดิตภาษีได้ ต่างจาก Forex ที่ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
Q9: ถ้าฉันถอนเงินจาก Forex ผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ธนาคารไทย จะยังต้องเสียภาษีอยู่ไหม?
ใช่ ภาระภาษีเกิดจาก “กำไร” ที่คุณได้รับจากการเทรด Forex ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่องทางการถอนเงิน ไม่ว่าคุณจะถอนเงินผ่านช่องทางใดๆ (เช่น E-wallet, คริปโตฯ หรือโอนไปบัญชีต่างประเทศ) หากคุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและมีกำไรจากการเทรด ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นและเสียภาษีตามกฎหมาย
Q10: การเทรดทองคำในแพลตฟอร์ม Forex มีภาษีแตกต่างจากการซื้อทองคำแท่งอย่างไร?
การเทรดทองคำในแพลตฟอร์ม Forex (เช่น XAU/USD) จัดเป็นเงินได้จากการเทรด Forex ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40(8) หากมีกำไร ในขณะที่การซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณโดยทั่วไปในร้านทอง หากเป็นการลงทุนและมีกำไรจากการขาย จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม หากเป็นการซื้อมาขายไปในลักษณะธุรกิจปกติ ก็อาจถูกประเมินเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีได้