ดอลล่าร์ Index (DXY/USDX) คืออะไร? ความหมายและที่มา
ดอลล่าร์ Index ซึ่งมักเรียกสั้นๆ ว่า DXY หรือ USDX คือตัวชี้วัดที่ช่วยวัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินหลักอีกหกสกุลจากทั่วโลก ตัวดัชนีนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่บอกภาพรวมมูลค่าของดอลลาร์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการสามารถติดตามแนวโน้มของเงินดอลลาร์ได้อย่างสะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น
ดัชนีนี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1973 โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากระบบ Bretton Woods พังทลายลง ปัจจุบันการคำนวณและจัดการดูแลโดย ICE Futures U.S. โดยเริ่มต้นฐานที่ 100 จุดตั้งแต่วันที่ก่อตั้ง เป้าหมายหลักคือการเป็นเครื่องวัดที่แสดงภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองระดับโลก

ตัวดัชนีนี้มีบทบาทสำคัญมากในการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดการเงิน เพราะการเปลี่ยนแปลงของ DXY สามารถกระเพื่อมไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดหุ้น หรือพันธบัตร การเข้าใจพื้นฐานของดอลล่าร์ Index จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ขาดไม่ได้สำหรับใครที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนในระดับใหญ่
องค์ประกอบและวิธีการคำนวณของดัชนีดอลลาร์
เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการทำงานของดัชนีดอลลาร์ การพิจารณาองค์ประกอบและวิธีคำนวณจะช่วยให้เห็นว่าสกุลเงินไหนมีน้ำหนักมากที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงของ DXY
สกุลเงินหลักในตะกร้าดัชนีดอลลาร์ (Major Currencies in the Basket)
ตะกร้าของดัชนีดอลลาร์ประกอบด้วยสกุลเงินหลักหกสกุล โดยถ่วงน้ำหนักตามความสำคัญในการค้าขายกับสหรัฐฯ ได้แก่:
* **ยูโร (EUR):** ถือเป็นสัดส่วนสูงสุดที่ 57.6% เพราะเป็นสกุลเงินของกลุ่มยูโรโซน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ
* **เยนญี่ปุ่น (JPY):** สัดส่วน 13.6%
* **ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP):** สัดส่วน 11.9%
* **แคนาดาดอลลาร์ (CAD):** สัดส่วน 9.1%
* **โครนสวีเดน (SEK):** สัดส่วน 4.2%
* **ฟรังก์สวิส (CHF):** สัดส่วน 3.6%
จากสัดส่วนเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดว่ายูโรมีอิทธิพลสูงสุดต่อดัชนี หากยูโรแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์ ดัชนีดอลล่าร์ก็มักจะลดลงตามไปด้วย และสถานการณ์ตรงกันข้ามก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน

สูตรการคำนวณดัชนีดอลลาร์ (Calculation Formula)
การคำนวณดัชนีดอลลาร์ใช้วิธีถ่วงน้ำหนักแบบเรขาคณิต ซึ่งต่างจากการบวกกันตรงๆ โดยการเปลี่ยนแปลงของแต่ละสกุลเงินจะถูกคูณเข้าด้วยกัน ทำให้ดัชนีมีความละเอียดอ่อนและสะท้อนค่าเฉลี่ยที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวดอลลาร์ได้ดีกว่า
ถึงแม้สูตรจะซับซ้อน แต่หลักการสำคัญคือ DXY แสดงค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่บอกว่าดอลลาร์แข็งค่าหรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินหลักเหล่านี้ หากดัชนีเพิ่มขึ้น แสดงว่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบตะกร้า และหากลดลงก็หมายถึงดอลลาร์อ่อนค่าลง
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์
การเปลี่ยนแปลงของดัชนีดอลลาร์มาจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งจากภายในสหรัฐฯ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การรู้จักปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้ม DXY ได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Monetary Policy & Interest Rates of the Fed)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve (Fed) มีอิทธิพลสูงสุดต่อทิศทางของดอลล่าร์ Index การปรับเปลี่ยนนโยบาย เช่น การขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing – QE) หรือกระชับทางการเงิน (Quantitative Tightening – QT) ล้วนแต่กระทบค่าเงินดอลลาร์โดยตรง
ตัวอย่างเช่น เมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ยหรือแสดงท่าทีเข้มงวด (hawkish) จะทำให้ดอลลาร์ดูน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯ เพื่อหาผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งช่วยหนุนให้ดอลล่าร์ Index เพิ่มขึ้น แต่ถ้า Fed ลดดอกเบี้ยหรือใช้นโยบาย QE ดอลลาร์ก็อาจอ่อนค่าลง

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ (US Economic Data)
ข้อมูลเศรษฐกิจหลักของสหรัฐฯ เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของดอลล่าร์ Index เช่น:
* **ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP):** ถ้าตัวเลข GDP สูง แสดงถึงเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งมักช่วยให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
* **อัตราเงินเฟ้อ (Inflation):** ถ้าเงินเฟ้อพุ่งและ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุม ดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่า
* **การจ้างงาน (Employment):** รายงาน Non-Farm Payrolls และอัตราการว่างงานบอกสุขภาพตลาดแรงงาน ถ้าข้อมูลดี ดอลลาร์มักปรับตัวสูงขึ้น
* **ดุลการค้า (Trade Balance):** ถ้ามีดุลเกินดุล แสดงว่ามีความต้องการดอลลาร์เพื่อซื้อสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้น
นักลงทุนมักจับตาข้อมูลเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นสัญญาณบอกทิศทางเศรษฐกิจและนโยบาย Fed ที่ชัดเจน
เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงระดับโลก (Geopolitical Events & Global Risks)
ในช่วงที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง ความขัดแย้ง หรือวิกฤตเศรษฐกิจ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven asset) นักลงทุนจะขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันมาถือดอลลาร์เพื่อรักษามูลค่า ส่งผลให้ความต้องการดอลลาร์เพิ่มและดัชนีแข็งค่าขึ้น
เช่น ในช่วงสงคราม วิกฤตพลังงาน หรือความตึงเครียดระหว่างประเทศ ดอลล่าร์ Index มักพุ่งสูง สะท้อนการไหลเข้าของเงินทุนที่แสวงหาที่หลบภัย
ดอลล่าร์ Index สำคัญอย่างไร: มุมมองสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ
ดอลล่าร์ Index มีความหมายลึกซึ้งต่อการเข้าใจตลาดการเงินโลก และเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนกับผู้ประกอบการใช้ในการตัดสินใจสำคัญ

* **ผลกระทบต่อตลาด Forex:** DXY เป็นตัวบ่งชี้หลักสำหรับเทรดเดอร์ Forex เพราะแสดงภาพรวมความแข็งแกร่งของดอลลาร์ ถ้า DXY ขึ้น คู่เงินอย่าง EUR/USD หรือ GBP/USD อาจลงตาม
* **ผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์:** สินค้าอย่างน้ำมันและทองคำมีราคาอ้างอิงดอลลาร์ ถ้า DXY สูงขึ้น การซื้อเหล่านี้จะแพงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการลดและราคาสินค้าลดลง แต่ถ้าดอลลาร์อ่อน ราคาสินค้าอาจขึ้น
* **ผลกระทบต่อตลาดโลก:** DXY สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลก ถ้าดอลลาร์แข็งเกินไป อาจเพิ่มภาระหนี้ดอลลาร์ให้ประเทศกำลังพัฒนา และกระทบการค้าและลงทุนระหว่างประเทศ
ผลกระทบของดอลล่าร์ Index ต่อค่าเงินบาทไทย: เจาะลึกสำหรับคนไทย
สำหรับคนไทย ดอลล่าร์ Index มีความเกี่ยวข้องโดยตรง เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดค่าเงินบาทและภาพรวมเศรษฐกิจไทย
กลไกความสัมพันธ์ระหว่าง DXY และค่าเงินบาท (Mechanism of DXY-THB Relationship)
ถึงแม้ DXY จะไม่วัดดอลลาร์ตรงกับบาท แต่การเคลื่อนไหวของมันกระทบเงินบาทผ่านช่องทางต่างๆ:
* **อิทธิพลต่อสกุลเงินหลักในตะกร้า:** ถ้า DXY ขึ้น แสดงว่าดอลลาร์แข็งเมื่อเทียบยูโร เยน และปอนด์ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ไทยค้าขายด้วยมาก สิ่งนี้อาจทำให้บาทอ่อนลงเทียบดอลลาร์ เพราะนักลงทุนอาจเห็นดอลลาร์น่าสนใจกว่าสกุลเงินภูมิภาค
* **สถานะสินทรัพย์ปลอดภัย:** ถ้า DXY ขึ้นจากความกังวลโลก เงินทุนมักไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมไทย ส่งผลให้บาทอ่อนลง
* **นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT):** ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ช่วยจัดการค่าเงินบาท แม้ไม่กำหนดเป้าโดยตรง แต่ปรับนโยบายเพื่อลดผลกระทบจาก DXY เช่น ขึ้นดอกเบี้ยหรือเข้าแทรกแซงเมื่อผันผวนมาก
กรณีศึกษาและตัวอย่างในอดีต (Historical Cases & Examples)
เราพบความสัมพันธ์นี้ในอดีตหลายครั้ง เช่น วิกฤตการเงิน 2008 หรือโควิด-19 ปี 2020 ที่ DXY พุ่งสูงเพราะนักลงทุนถือดอลลาร์เป็นที่หลบภัย ทำให้บาทอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
อีกตัวอย่างคือปี 2022 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งและ Fed ขึ้นดอกเบี้ย DXY ขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้บาทอ่อนจากราว 33 บาทต่อดอลลาร์ ไปเกือบ 38 บาทในบางช่วง ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นความผันผวนของบาทที่เชื่อมโยงกับปัจจัยภายนอกอย่าง DXY การวิเคราะห์ DXY ร่วมกับปัจจัยในประเทศ เช่น รายได้ท่องเที่ยว ส่งออก และลงทุนต่างชาติ จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
การประยุกต์ใช้ดอลล่าร์ Index ในการวางแผนการเงินและลงทุนสำหรับคนไทย
การรู้จักดอลล่าร์ Index ไม่ใช่แค่สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ แต่คนไทยทั่วไปสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการเงินและลงทุนได้หลากหลายด้าน
สำหรับนักลงทุน Forex และตลาดทุนไทย (For Thai Forex & Capital Market Investors)
* **การเทรด Forex:** ถ้าเทรด USD/THB หรือคู่เงินที่มีดอลลาร์ ควรเฝ้า DXY ถ้า DXY ขึ้น อาจเป็นสัญญาณ USD/THB ขึ้น (บาทอ่อน) ซึ่งเป็นโอกาสซื้อดอลลาร์เก็งกำไร
* **การลงทุนในตลาดหุ้นไทย:** ถ้าบาทอ่อนจาก DXY ที่ขึ้น อาจดีต่อหุ้นส่งออกไทยเพราะรายได้บาทเพิ่ม แต่กระทบหุ้นนำเข้าหรือมีหนี้ต่างประเทศ
* **การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ:** ถ้า DXY ลง (ดอลลาร์อ่อน) อาจเป็นเวลาดีสำหรับลงทุนหุ้นยุโรปหรือญี่ปุ่น เพราะผลตอบแทนแปลงกลับเป็นบาทจะดูดีขึ้น
TradingView เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนไทยชื่นชอบสำหรับติดตามกราฟและวิเคราะห์ DXY กับคู่เงินโลก
สำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป (For Businesses & General Public)
* **ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก:** ผู้ส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อน (DXY ขึ้น) เพราะได้บาทมากขึ้น แต่ผู้นำเข้าต้นทุนสูง สามารถใช้ DXY วางแผนทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contracts) หรือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงกับธนาคารอย่างธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารกสิกรไทย เพื่อลดความเสี่ยง
* **บุคคลทั่วไป:**
* **การแลกเปลี่ยนเงินตรา:** ถ้าวางแผนเที่ยวหรือส่งเงินต่างประเทศ ควรดู DXY ถ้า DXY ลง อาจแลกบาทเป็นดอลลาร์ได้อัตราดี
* **การซื้อสินค้าและบริการนำเข้า:** ถ้า DXY ขึ้น สินค้านำเข้าอาจแพงขึ้น ควรซื้อในช่วงบาทแข็งเพื่อประหยัด
แหล่งข้อมูลและเครื่องมือในการติดตามดอลล่าร์ Index
การติดตาม DXY แบบเรียลไทม์ช่วยให้ตัดสินใจได้ทันการณ์ นี่คือแหล่งข้อมูลแนะนำ:
* **TradingView:** แพลตฟอร์มยอดฮิตที่มีกราฟ DXY เรียลไทม์และเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคครบถ้วน
* **Investing.com:** ให้ข้อมูลเรียลไทม์ของ DXY พร้อมข่าวและบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง
* **MarketWatch / Yahoo Finance:** เว็บข่าวการเงินใหญ่ที่อัปเดตดัชนีและข่าว DXY
* **Bloomberg / Reuters:** สำหรับข้อมูลลึกและวิเคราะห์ระดับโปร
เมื่อดูกราฟ DXY ควรสังเกตแนวโน้ม รูปแบบราคา และระดับแนวรับแนวต้าน เพื่อคาดการณ์ทิศทางข้างหน้า
บทสรุป: ดอลล่าร์ Index กับอนาคตการเงินไทย
**ดอลล่าร์ Index** ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพ**เศรษฐกิจไทย**และทิศทาง**ค่าเงินบาท** การเข้าใจองค์ประกอบ ปัจจัยกระทบ และการนำไปใช้ จะช่วยให้นักลงทุน ผู้ประกอบการ และคนทั่วไปในไทยวางแผนการเงินและลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
ในโลกที่เชื่อมโยงกัน การติดตาม DXY อย่างสม่ำเสมอจึงจำเป็น เพื่อรับมือความผันผวนและคว้าโอกาส ดอลล่าร์ Index จะยังคงเป็นเครื่องวัดสำคัญของเศรษฐกิจโลกและสัญญาณเตือนสำหรับตลาดการเงินไทย
คำถามที่ 1: ดอลล่าร์ Index ขึ้นหรือลง ส่งผลต่อค่าเงินบาทและเศรษฐกิจไทยอย่างไร?
โดยปกติ ถ้าดอลล่าร์ Index ขึ้นแสดงว่าดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งมักทำให้เงินบาทอ่อนลงเทียบดอลลาร์ เพราะเงินทุนอาจไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยในสหรัฐฯ หรือผลตอบแทนสูงกว่า การอ่อนค่าของบาทช่วยผู้ส่งออกไทยให้ได้เงินบาทเพิ่ม แต่กระทบผู้นำเข้าด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจทำให้ราคาสินค้านำค้าแพง ส่งผลต่อค่าครองชีพและเงินเฟ้อในไทย
คำถามที่ 2: นักลงทุนไทยควรใช้ดอลล่าร์ Index เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้นหรือ Forex อย่างไร?
นักลงทุนไทยนำ DXY มาใช้เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มดอลลาร์ ถ้า DXY แข็ง อาจมองหุ้นส่งออกไทยหรือเทรด USD/THB ในทิศทางบาทอ่อน แต่ถ้า DXY อ่อน อาจลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศที่ใช้สกุลเงินอื่น หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็ง การพิจารณา DXY ร่วมกับปัจจัยในประเทศจะทำให้การตัดสินใจรอบคอบยิ่งขึ้น
คำถามที่ 3: ฉันจะติดตามและดูกราฟดอลล่าร์ Index แบบเรียลไทม์ได้จากแหล่งข้อมูลใดที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย?
คุณสามารถดูกราฟดอลล่าร์ Index (DXY) เรียลไทม์จากแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถืออย่าง TradingView, Investing.com หรือ MarketWatch ซึ่งมีเครื่องมือวิเคราะห์และข่าวประกอบเพื่อช่วยเข้าใจแนวโน้มได้ดี
คำถามที่ 4: ความแตกต่างหลักระหว่างการติดตามดอลล่าร์ Index กับการดูค่าเงิน USD/THB โดยตรงคืออะไร?
DXY วัดความแข็งแกร่งดอลลาร์เทียบตะกร้าสกุลเงินหลักหกสกุลโลก ให้ภาพรวมสถานะดอลลาร์ในตลาดใหญ่ ส่วน USD/THB เป็นอัตราแลกเปลี่ยนตรงระหว่างดอลลาร์กับบาท ที่ได้รับผลจากปัจจัยทั้งสหรัฐฯ และไทย การติดตาม DXY ช่วยเห็นภาพใหญ่ ขณะที่ USD/THB โฟกัสความสัมพันธ์กับบาทโดยเฉพาะ
คำถามที่ 5: ปัจจัยภายในประเทศไทย เช่น นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างดอลล่าร์ Index กับค่าเงินบาทอย่างไร?
นโยบาย BOT อย่างการปรับดอกเบี้ยหรือเข้าแทรกแซงค่าเงิน สามารถต้านหรือเสริมผลจาก DXY ได้ ถ้า DXY ขึ้นแต่ BOT เข้มงวด (เช่น ขึ้นดอกเบี้ย) อาจช่วยให้บาทไม่ अ่อนมาก แต่ถ้า BOT ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ บาทอาจอ่อนง่ายขึ้นเมื่อ DXY แข็ง
คำถามที่ 6: สำหรับผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกในไทย ดอลล่าร์ Index มีความสำคัญในการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร?
ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกใช้น DXY คาดการณ์ดอลลาร์ ถ้า DXY ขึ้น ผู้ส่งออกอาจทำ Forward ล็อกอัตราเพื่อได้บาทเพิ่ม ส่วนผู้นำเข้าทำ Forward ป้องกันต้นทุนสูงขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
คำถามที่ 7: ถ้าดอลล่าร์ Index มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะยาว ฉันในฐานะคนไทยควรเตรียมตัวหรือปรับแผนการเงินอย่างไร?
ถ้า DXY แข็งยาวนาน บาทอาจอ่อนลง คุณควร:
- การออมและการลงทุน: เพิ่มสัดส่วนลงทุนต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ เพื่อป้องกันบาทอ่อน
- หนี้สิน: ถ้ามีหนี้ดอลลาร์ จัดการชำระหรือป้องกันความเสี่ยง
- การวางแผนเดินทาง/ศึกษาต่อต่างประเทศ: ถ้ามีแผนใช้ดอลลาร์ แลกเงินทีละน้อยในช่วงบาทยังไม่ अ่อนมาก
คำถามที่ 8: การเปลี่ยนแปลงของดอลล่าร์ Index มีผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าและค่าครองชีพในประเทศไทยโดยตรงหรือไม่?
มีผลโดยตรง ถ้า DXY ขึ้นและบาทอ่อน ต้นทุนนำเข้าที่จ่ายดอลลาร์จะสูงขึ้น ผู้ประกอบการอาจขึ้นราคา ทำให้ผู้บริโภคจ่ายแพง ส่งผลต่อค่าครองชีพและเงินเฟ้อในไทย
คำถามที่ 9: มีเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันใดบ้างที่คนไทยนิยมใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มของดอลล่าร์ Index?
คนไทยนิยม TradingView, Investing.com และ MetaTrader สำหรับ Forex ในการวิเคราะห์ DXY ด้วยเครื่องมืออย่าง Moving Averages, RSI, MACD และติดตามข่าวจาก Bloomberg, Reuters หรือรายงานจาก SCB EIC, Krungthai COMPASS
คำถามที่ 10: ดอลล่าร์ Index เกี่ยวข้องกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทยอย่างไร?
ถ้า DXY ขึ้น บาทอ่อน ทำให้ต้นทุนนำเข้าสินค้าและพลังงาน (ที่ซื้อขายดอลลาร์) สูงขึ้น ต้นทุนนี้ส่งต่อเป็นราคาสินค้าที่แพง ซึ่งผลักเงินเฟ้อในไทย โดยเฉพาะจากฝั่งต้นทุน (Cost-push inflation)