บทนำ: กระแสการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นและข้อถกเถียงหลัก
ช่วงหลายปีมานี้ ประเด็นเรื่องการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ หรือที่เรียกกันว่า Dedollarisation ได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของหลายประเทศในการลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นในการทำธุรกรรมการค้า การถือครองเป็นทุนสำรอง หรือการกำหนดราคาสินค้าและบริการระดับโลก

สาเหตุหลักที่ทำให้เรื่องนี้ร้อนแรงขึ้นมาจากนโยบายการเงินและมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีคูณ ส่งผลให้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และสมาชิก BRICS เริ่มมองหาทางเลือกเพื่อเพิ่มอำนาจอธิปไตยทางการเงินและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเงินสกุลเดียว บทความนี้จะวิเคราะห์ลึกซึ้งถึงความหมาย บริบททางประวัติศาสตร์ สาเหตุสำคัญ และผลกระทบทั้งในระดับสากลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเทศไทย
ทำความเข้าใจการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์: คำจำกัดความ บริบททางประวัติศาสตร์ และปัจจัยขับเคลื่อน
“การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์” คืออะไรและมีความหมายอย่างไร?

แนวคิดการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ครอบคลุมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้เงินดอลลาร์ในการชำระเงินค้าขายและลงทุนระหว่างประเทศ หรือการปรับโครงสร้างทุนสำรองของธนาคารกลางให้กระจายไปยังสกุลเงินอื่นๆ และสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดจากความปรารถนาที่จะลดจุดอ่อนต่อนโยบายของสหรัฐฯ และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเอง โดยเฉพาะในยุคที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น
การผงาดของเงินดอลลาร์และอิทธิพลในอดีต
บทบาทเด่นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรองและสกุลเงินหลักของโลกเริ่มชัดเจนหลังจากการประชุมเบรตตันวูดส์ในปี 1944 ซึ่งกำหนดให้เงินดอลลาร์เชื่อมโยงกับทองคำและเป็นฐานรากของระบบการเงินโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ก็เกิดขึ้นภายใต้กรอบนี้ ทำให้เงินดอลลาร์กลายเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจโลก ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างสภาพคล่องสูง ความเชื่อถือได้ และตลาดการเงินขนาดยักษ์ใหญ่
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ผลักดันให้เกิดการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน
ในยุคสมัยนี้ มีแรงผลักดันหลายอย่างที่เร่งให้เกิดกระแสนี้:
- การใช้นโยบายการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นอาวุธ: สหรัฐฯ มักใช้เครื่องมือทางการเงินเหล่านี้กดดันประเทศคู่ขัดแย้ง ทำให้ประเทศเหล่านั้นตระหนักถึงความเสี่ยงและหันไปพัฒนาทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดขาดจากระบบ
- กระแสการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการเมืองโลกหลายขั้ว: โลกกำลังเข้าสู่ยุคพหุอำนาจ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศทางใต้ของโลกที่ต้องการมีส่วนร่วมและควบคุมชะตากรรมทางการเงินของตัวเองมากกว่าเดิม
- ความต้องการลดความเสี่ยง (De-risking): การกระจายสกุลเงินในทุนสำรองและการชำระเงินช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของดอลลาร์และการตัดสินใจนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลสะเทือนทั่วโลก
กลุ่มประเทศ BRICS: ผู้ขับเคลื่อนหลักและกลยุทธ์ในการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์

การก่อตั้งและวิสัยทัศน์ของกลุ่ม BRICS ในการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์
กลุ่ม BRICS ซึ่งรวมบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำสำคัญในการขับเคลื่อนการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ กลุ่มนี้รวมพลังเพื่อสร้างระเบียบโลกที่เน้นความเป็นพหุภาคีมากขึ้น ลดการครอบงำจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ด้วยขนาดเศรษฐกิจและประชากรที่ครอบคลุมส่วนสำคัญของโลก BRICS จึงมีศักยภาพสูงในการพัฒนาทางเลือกทางการเงินใหม่ๆ ที่อาจเปลี่ยนโฉมระบบโลก
การขยายตัวล่าสุดในปี 2024 โดยเชิญประเทศอย่างซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาร่วม ยกระดับกลุ่มนี้เป็น “BRICS+” ที่มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น สร้างแรงกระเพื่อมต่อภูมิทัศน์ทางการเงินสากล
แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมของ BRICS ในการผลักดันการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นและระบบชำระเงินทางเลือก
BRICS ได้ลงมือปฏิบัติจริงผ่านโครงการต่างๆ เพื่อลดบทบาทของเงินดอลลาร์:
- การส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้า: จีนผลักดันให้ใช้เงินหยวนชำระเงินกับคู่ค้าจำนวนมากขึ้น ในขณะที่รัสเซียและอินเดียก็ค้าขายกันโดยตรงด้วยรูเบิลและรูปี เพื่อตัดขั้นตอนการใช้ดอลลาร์ออกไป
- ระบบ CIPS ของจีน: ระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธนาคาร (CIPS) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นคู่แข่งของ SWIFT ที่ผูกติดกับดอลลาร์ โดยเน้นการใช้หยวนให้สะดวกยิ่งขึ้น
- โครงการ mBridge: โครงการทดลองที่นำสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มาใช้ในการชำระเงินข้ามแดน โดยมีธนาคารกลางของจีน ฮ่องกง ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร่วมมือกัน แสดงให้เห็นว่าดิจิทัลเทคโนโลยีสามารถท้าทายระบบเก่าได้อย่างไร
- แนวคิด BRICS Pay: แม้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ระบบชำระเงินร่วมนี้มุ่งสร้างแพลตฟอร์มที่ให้สมาชิกทำธุรกรรมกันโดยไม่ต้องพึ่งดอลลาร์
ความยืดหยุ่นของอิทธิพลเงินดอลลาร์: เหตุใดการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์จึง “พูดง่ายทำยาก”?
ข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก
ถึงแม้กระแสการลดการพึ่งพิงจะแรงขึ้น แต่สถานะของเงินดอลลาร์ยังคงมั่นคง มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ยากต่อการท้าทาย:
- สภาพคล่องและความลึกของตลาด: ตลาดการเงินสหรัฐฯ มีสภาพคล่องสูงสุด ทำให้การซื้อขายดอลลาร์รวดเร็วและราคาถูก
- ความไว้วางใจและเสถียรภาพ: สหรัฐฯ มีระบบกฎหมายที่แข็งแกร่ง รัฐบาลมั่นคง และประวัติการรักษามูลค่าเงินที่ยาวนาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและธนาคารกลางทั่วโลก
- ผลกระทบจากเครือข่าย: ยิ่งสกุลเงินถูกใช้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้น สร้างวงจรอุบาทว์ที่รักษาตำแหน่งของดอลลาร์ไว้
ข้อจำกัดและความท้าทายของสกุลเงินทางเลือก
ทางเลือกอื่นๆ ยังมีอุปสรรคหลายอย่าง:
- เงินหยวน: แม้จีนจะพยายาม แต่การควบคุมทุนที่เข้มงวดและระบบกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทำให้หยวนยังไม่น่าเชื่อถือเท่าดอลลาร์
- เงินยูโร: แม้เป็นสกุลเงินสำรองอันดับสอง แต่สหภาพยุโรปยังมีปัญหาภายใน เช่น ความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังระหว่างสมาชิก ซึ่งลดความน่าดึงดูด
- ทองคำ: เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก แต่การใช้ทองคำในธุรกรรมใหญ่ๆ ยังยุ่งยากเมื่อเทียบกับเงินอิเล็กทรอนิกส์
ข้อโต้แย้งที่หนักแน่นว่า “การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์เป็นไปไม่ได้”
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการลดบทบาทดอลลาร์อย่างรวดเร็วแทบเป็นไปไม่ได้ ตามที่ Reuters รายงาน แม้จะมีการเคลื่อนไหว แต่โครงสร้างระบบการเงินโลกยังผูกติดกับดอลลาร์อย่างแน่นหนา และไม่มีสกุลเงินใดพร้อมแทนที่ได้ในทันที การเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆ เกิดขึ้นและอาจใช้เวลาหลายสิบปี หากจะสำเร็จจริง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ต่อโลกและประเทศไทย รวมถึงกลยุทธ์การรับมือ
การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์
หากกระบวนการนี้ก้าวหน้า อาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างการค้าโลก โดยประเทศต่างๆ หันมาใช้สกุลเงินท้องถิ่นกันมากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ตลาดเกิดใหม่ลดต้นทุนแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในทางกลับกัน อาจเพิ่มความซับซ้อนในการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน และทำให้โลกแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังรุนแรง
สถานะเฉพาะของประเทศไทย: โอกาสและความท้าทายที่มาพร้อมกัน
ประเทศไทยซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิดกว้างและพึ่งพาการค้า-ลงทุนต่างประเทศสูง ยังคงใช้เงินดอลลาร์เป็นหลักในการทำธุรกรรม แม้ไม่ใช่สมาชิก BRICS แต่ไทยมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ ผ่านการค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้า: หากคู่ค้าหลักอย่างจีนและอินเดียหันไปใช้สกุลเงินท้องถิ่น ไทยอาจต้องปรับตัวเพื่อชำระเงินโดยตรง ลดต้นทุนแลกเปลี่ยนและรักษาความสามารถแข่งขัน นอกจากนี้ การลดการอ้างอิงราคาดอลลาร์ในพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์อาจช่วยให้ต้นทุนนำเข้าถูกลง
- การบริหารจัดการเงินสำรองระหว่างประเทศและเสถียรภาพค่าเงินบาท: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดการทุนสำรองส่วนใหญ่เป็นดอลลาร์ หากระบบโลกเปลี่ยนแปลง ธปท. อาจต้องปรับพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของเงินบาทในระยะสั้น
- ผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ หากสามารถใช้เงินหยวนหรือรูเบิลชำระเงินได้สะดวกขึ้นผ่านระบบใหม่ จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดและกระตุ้นรายได้จากท่องเที่ยว
ประเทศไทยควรรับมือกับแนวโน้มการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์อย่างไร?
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ไทยควรมีแผนที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้:
- ส่งเสริมการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น: ธปท. ควรขยายการใช้เงินบาทกับคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะในอาเซียนและจีน ผ่านโครงการ Local Currency Settlement (LCS) ที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์
- กระจายความหลากหลายของเงินสำรอง: พิจารณาเพิ่มสัดส่วนหยวน เยน หรือทองคำในทุนสำรอง เพื่อลดความเสี่ยงจากดอลลาร์เดี่ยว
- เสริมสร้างความร่วมมือทางการเงินระดับภูมิภาค: สนับสนุนกรอบ ASEAN+3 เพื่อพัฒนากลไกช่วยเหลือทางการเงินและระบบชำระเงินทางเลือกที่เชื่อมโยงกัน
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัล: เร่งเชื่อมต่อระบบดิจิทัลข้ามแดน เพื่อรองรับ CBDC ในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกรรมไทย
สรุป: การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและยาวนาน
การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นสัญญาณของการปรับตัวครั้งใหญ่ในเศรษฐกิจโลก แม้ BRICS และสกุลเงินทางเลือกจะท้าทายอิทธิพลของดอลลาร์ แต่ตำแหน่งหลักของมันยังคงแข็งแกร่งและยากต่อการสั่นคลอนในระยะใกล้
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวสู่ระบบสกุลเงินหลายขั้วกำลังมาแรง ประเทศอย่างประเทศไทยจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิด พัฒนากลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น เพื่อลดความเสี่ยงและคว้าโอกาสจากความเปลี่ยนแปลงในเวทีการเงินโลกนี้
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
「ไปสู่การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์」究竟หมายความว่าอะไร? และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างไร?
ไปสู่การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ หรือ Dedollarisation หมายถึง การที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกพยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย การลงทุน และการถือครองเป็นเงินสำรอง ผลกระทบต่อคนไทยอาจยังไม่ชัดเจนในทันที แต่ในระยะยาว หากการค้าขายระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลัก เช่น จีนหรืออินเดีย หันมาใช้สกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น ก็อาจช่วยลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้ราคาสินค้านำเข้าส่งออกมีเสถียรภาพมากขึ้นในบางกรณี อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ประเทศไทยในฐานะเศรษฐกิจขนาดเล็กที่เปิดกว้าง การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินบาทอย่างไร?
การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์อาจเพิ่มความท้าทายในการบริหารจัดการค่าเงินบาทในระยะสั้น หากตลาดเงินโลกมีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถกระจายการถือครองเงินสำรองระหว่างประเทศไปในสกุลเงินที่หลากหลายขึ้น และส่งเสริมการใช้เงินบาทในการค้าขายกับคู่ค้าหลักได้ ก็จะช่วยลดความเสันผวนและเสริมสร้างเสถียรภาพของค่าเงินบาทในระยะยาวได้
ถ้ากลุ่มประเทศ BRICS ผลักดันการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น การค้าของไทยกับจีนหรืออินเดียจะราบรื่นขึ้นหรือไม่?
เป็นไปได้สูง หากประเทศไทยสามารถเข้าร่วมหรือพัฒนากลไกการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency Settlement – LCS) กับจีนและอินเดียได้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่ ธปท. มีโครงการ LCS กับมาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่นอยู่แล้ว การค้าขายก็จะสะดวกขึ้น ลดขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนลดลง และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินดอลลาร์
ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างเงินสำรองระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับแนวโน้มการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์หรือไม่?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศที่ระมัดระวังและคำนึงถึงการกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอ แม้ ธปท. จะไม่ได้ประกาศแผนการลดสัดส่วนเงินดอลลาร์อย่างชัดเจน แต่การพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการถือครองสกุลเงินหลักอื่นๆ หรือทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว ก็เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการเงินสำรองตามปกติ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
สำหรับคนไทยที่วางแผนเดินทางไปยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของพวกเขาหรือไม่?
ในปัจจุบัน เงินดอลลาร์และยูโรยังคงเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการท่องเที่ยว การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ยังไม่น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากมีการพัฒนาระบบชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินดิจิทัลหรือระบบ BRICS Pay ที่ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ก็อาจมีทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายขึ้น แต่ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะมาแทนที่ระบบเดิม
ภาคการท่องเที่ยวของไทย (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซีย) จะได้รับผลกระทบจากการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์อย่างไร?
หากจีนและรัสเซียส่งเสริมการใช้สกุลเงินหยวนและรูเบิลในการชำระเงินระหว่างประเทศมากขึ้น และระบบการชำระเงินของไทยรองรับสกุลเงินเหล่านี้ได้ดีขึ้น ก็จะช่วยให้นักท่องเที่ยวจากสองประเทศนี้สะดวกสบายในการใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ต้องแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์หลายรอบ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดเหล่านี้ได้มากขึ้น
รัฐบาลหรือภาคธุรกิจของไทยจะสามารถใช้กลยุทธ์ใดได้บ้างเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อเผชิญกับแนวโน้มการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์?
ภาครัฐควรส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายกับคู่ค้าหลัก และพิจารณาปรับโครงสร้างเงินสำรองระหว่างประเทศ ส่วนภาคธุรกิจควรพิจารณาการทำสัญญาซื้อขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นเมื่อเป็นไปได้ การใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการกระจายตลาดส่งออกนำเข้า เพื่อลดการพึ่งพิงสกุลเงินเดียวหรือตลาดเดียวมากเกินไป
นอกเหนือจากเงินดอลลาร์แล้ว การค้าส่งออกนำเข้าของไทยยังคงพึ่งพาสกุลเงินต่างชาติอื่นๆ มากน้อยเพียงใด?
นอกเหนือจากเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักในการค้าโลกแล้ว ไทยยังคงพึ่งพาสกุลเงินสำคัญอื่นๆ เช่น เงินหยวนของจีน เงินเยนของญี่ปุ่น และเงินยูโรของสหภาพยุโรป ในการค้าขายกับประเทศในภูมิภาคและคู่ค้าหลักอื่นๆ การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์อาจส่งผลให้บทบาทของสกุลเงินเหล่านี้ในการค้าระหว่างประเทศของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
การพัฒนา BRICS Pay และระบบชำระเงินดิจิทัลอื่นๆ จะส่งผลต่ออีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและบริการทางการเงินของไทยในอนาคตอย่างไร?
การพัฒนา BRICS Pay หรือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มีศักยภาพที่จะทำให้การทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและการโอนเงินระหว่างประเทศรวดเร็วขึ้น มีต้นทุนถูกลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากไทยสามารถเชื่อมโยงระบบการชำระเงินของตนเข้ากับแพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และลดอุปสรรคในการค้าขายดิจิทัลได้
ในระยะยาว การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์จะทำให้ประเทศไทยมีอิสระในตลาดการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น หรือเผชิญกับความไม่แน่นอนที่ใหญ่ขึ้น?
ในระยะยาว การลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์ที่ประสบความสำเร็จอาจทำให้ประเทศไทยมีอิสระและอธิปไตยทางการเงินมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากการถูกแทรกแซงหรือผลกระทบจากนโยบายของประเทศเดียว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กระบวนการนี้อาจนำมาซึ่งความไม่แน่นอนและความผันผวนในตลาดการเงินโลก ซึ่งประเทศไทยต้องมีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นในการบริหารจัดการความเสี่ยง