หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ: 7 ข้อแตกต่างสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

บทนำ: ทำไมต้องเข้าใจหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ?

ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน การรู้จักเครื่องมือทางการเงินพื้นฐานถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ คือสองรูปแบบหลักที่บริษัทใช้ในการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป การแยกแยะความต่างระหว่างทั้งคู่นี้ ไม่เพียงช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น แต่ยังเอื้อให้บริษัทวางแผนโครงสร้างทุนได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณสำรวจลักษณะเด่น สิทธิประโยชน์ และข้อจำกัดของหุ้นทั้งสองประเภท พร้อมทั้งเปรียบเทียบจุดต่างสำคัญ เพื่อให้คุณมีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

นักลงทุนกำลังวิเคราะห์กราฟการเงินและสัญลักษณ์หุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ

หุ้นสามัญ คืออะไร? เจาะลึกสิทธิและลักษณะสำคัญ

หุ้นสามัญ หรือที่รู้จักในชื่อ Common Stock คือหลักทรัพย์ที่แสดงถึงส่วนแบ่งการเป็นเจ้าของบริษัทอย่างแท้จริง ผู้ถือหุ้นประเภทนี้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจ โดยมีสิทธิ์เรียกร้องส่วนแบ่งจากกำไรและทรัพย์สินของบริษัท แต่สิทธิเหล่านี้จะเคลื่อนไหวหลังจากที่บริษัทเคลียร์หนี้สินและพันธะอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเมื่อบริษัทต้องยุติกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับการชดเชยหลังจากผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว

มาดูลักษณะหลักและสิทธิของผู้ถือหุ้นสามัญกันให้ละเอียดยิ่งขึ้น

  • สิทธิออกเสียง: ผู้ถือหุ้นสามัญสามารถมีส่วนร่วมในการลงคะแนนที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อกำหนดเรื่องสำคัญ เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการ อนุมัติงบดุล การปรับแก้ข้อบังคับ หรือการรวมกิจการ สิทธิ์นี้เปิดโอกาสให้พวกเขามีบทบาทในการกำหนดทิศทางธุรกิจ
  • เงินปันผล: การรับเงินปันผลขึ้นกับผลประกอบการและแนวทางของบอร์ดบริหาร หากบริษัททำกำไรดีและมีนโยบายแจกจ่ายสูง ผู้ถือหุ้นก็มีลุ้นรับส่วนแบ่งมาก แต่ถ้าผลงานย่ำแย่หรือบริษัทเก็บเงินไว้ขยายกิจการ ก็อาจได้น้อยหรือไม่ได้เลย
  • โอกาสเติบโต: หุ้นสามัญมักมีศักยภาพให้ราคาขึ้นสูง หากธุรกิจไปได้สวยและมีอนาคตสดใส นี่คือช่องทางสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้น หรือ Capital Gain
  • ความเสี่ยง: ผลตอบแทนผูกติดกับสุขภาพธุรกิจ ทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นบุริมสิทธิหรือตราสารหนี้ ถ้าบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้ทรัพย์สินเป็นรายสุดท้าย
  • สภาพคล่อง: หุ้นสามัญที่จดทะเบียนใน SET มักซื้อขายง่าย สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก

การถือหุ้นสามัญจึงเหมาะกับนักลงทุนที่อยากมีส่วนในการบริหารและยอมรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่อาจคุ้มค่า โดยในตลาดไทย เรามักเห็นหุ้นสามัญจากบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ในภาคเทคโนโลยีที่กำลังขยายตัว

กลุ่มผู้ถือหุ้นหลากหลายกำลังเข้าร่วมประชุมบริษัทกับใบหุ้นสามัญ

หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร? ความมั่นคงที่มาพร้อมข้อจำกัด

หุ้นบุริมสิทธิ หรือ Preferred Stock คืออีกทางเลือกหนึ่งในตราสารทุนที่ผสมผสานคุณสมบัติจากหุ้นสามัญและตราสารหนี้ ผู้ถือหุ้นนี้ได้สิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ถือหุ้นสามัญในบางด้าน แต่ส่วนใหญ่จะไม่เข้าไปยุ่งกับการบริหารจัดการ

สำรวจลักษณะหลักและสิทธิประโยชน์ของหุ้นบุริมสิทธิกัน

  • สิทธิพิเศษเรื่องเงินปันผล: ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้เงินปันผลในอัตราคงที่หรือตามสูตรที่กำหนด ก่อนที่หุ้นสามัญจะได้รับ ถ้าเป็นแบบสะสม (Cumulative Preferred Stock) เงินที่ค้างจ่ายจะถูกชดเชยทั้งหมดก่อนใคร
  • สิทธิเรียกร้องทรัพย์สินตอนยุติกิจการ: ถ้าบริษัทล้ม ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้เงินทุนคืนก่อนหุ้นสามัญ แต่ยังหลังจากเจ้าหนี้นี้ช่วยลดความเสี่ยงการสูญเสียลงได้บ้าง
  • ไม่มีสิทธิออกเสียง: โดยปกติไม่มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุม เว้นแต่กรณีพิเศษ เช่น การเปลี่ยนสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิหรือการผิดนัดปันผล
  • ความมั่นคงและผลตอบแทนที่คาดเดาได้: ด้วยสิทธิปันผลที่แน่นอน หุ้นนี้ให้ความน่าเชื่อถือและรายได้สม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดคงที่
  • โอกาสเติบโตของราคา: ราคาไม่ผันผวนมากและเติบโตจำกัด เพราะผลตอบแทนหลักมาจากปันผลคงที่
  • บทบาทในระดมทุน: ช่วยบริษัทหาเงินทุนโดยไม่เพิ่มหนี้ และไม่ลดอำนาจควบคุมของผู้ถือหุ้นสามัญเดิม ซึ่งดีต่อผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นบุริมสิทธิจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

หน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คอยกำกับดูแลการออกและเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อนักลงทุนทุกคน ในทางปฏิบัติ หุ้นบุริมสิทธิในไทยมักปรากฏในบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการดึงดูดนักลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม

บุคคลกำลังรับเงินปันผลสม่ำเสมอจากใบหุ้นบุริมสิทธิในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

เปรียบเทียบหุ้นสามัญ vs. หุ้นบุริมสิทธิ: 7 ข้อแตกต่างสำคัญที่ควรรู้

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูตารางเปรียบเทียบจุดต่างหลักระหว่างหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในประเด็นที่นักลงทุนไม่ควรพลาด

คุณสมบัติ หุ้นสามัญ (Common Stock) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
1. สิทธิออกเสียง มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยทั่วไปไม่มี (ยกเว้นกรณีพิเศษ)
2. การจ่ายเงินปันผล ไม่คงที่ ขึ้นกับผลงานและนโยบายบริษัท คงที่หรือตามอัตราที่กำหนด ได้รับก่อนหุ้นสามัญ
3. สิทธิเรียกร้องสินทรัพย์เมื่อเลิกกิจการ ได้รับเป็นลำดับสุดท้าย หลังเจ้าหนี้และหุ้นบุริมสิทธิ ได้รับก่อนหุ้นสามัญ แต่หลังเจ้าหนี้
4. ศักยภาพการเติบโตของราคา สูง หากผลประกอบการและแนวโน้มดี ต่ำกว่าหุ้นสามัญ ราคาค่อนข้างคงที่
5. ความเสี่ยง สูง มีโอกาสสูญเสียมาก ต่ำกว่าหุ้นสามัญ แต่สูงกว่าหุ้นกู้ มั่นคงเรื่องปันผล
6. สภาพคล่องในตลาด สูงกว่า (สำหรับหุ้นยอดนิยม) ต่ำกว่าหุ้นสามัญ (ขึ้นกับหลักทรัพย์แต่ละตัว)
7. ผลกระทบต่อโครงสร้างทุนของบริษัท เพิ่มทุนและฐานเจ้าของ อาจเจือจางอำนาจควบคุม เพิ่มทุนโดยไม่เจือจางอำนาจ มีลักษณะคล้ายหนี้

ใครควรลงทุนในหุ้นแบบไหน? วิเคราะห์ตามเป้าหมายนักลงทุนไทย

การเลือกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ต้องพิจารณาจากเป้าหมายส่วนตัว ระดับความเสี่ยงที่รับไหว และช่วงเวลาการลงทุน นักลงทุนไทยสามารถประเมินตัวเองได้ดังนี้

สำหรับนักลงทุนที่มุ่งเน้นการเติบโตและการมีส่วนร่วม (Growth-oriented and Participatory Investors):

ถ้าคุณมั่นใจในศักยภาพระยะยาวของบริษัท ยอมรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา และอยากมีเสียงในการตัดสินใจสำคัญ หุ้นสามัญน่าจะตอบโจทย์ นักลงทุนแบบนี้มักขุดข้อมูลบริษัทลึก ดูแนวอุตสาหกรรม และติดตามผลงานใกล้ชิด เพื่อหาหุ้นเติบโตสูง เช่น ในอุตสาหกรรมนวัตกรรมที่กำลังบูมในไทย

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและรายได้สม่ำเสมอ (Stability-seeking and Income Investors):

ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุนและกระแสเงินสดจากปันผลสม่ำเสมอ โดยไม่อยากเจอความผันผวนราคามาก และไม่สนใจบริหาร หุ้นบุริมสิทธิอาจเหมาะกว่า กลุ่มนี้รวมถึงผู้เกษียณที่ต้องการเงินใช้จ่ายประจำ หรือคนที่กระจายพอร์ตด้วยสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ

สรุปคือ การเลือกหุ้นควรเข้ากับสไตล์ลงทุนของคุณ ถ้าไม่แน่ใจ ควรปรึกษาที่ปรึกษาการเงินเพื่อความมั่นใจ

มุมมองของบริษัท: ทำไมต้องออกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ?

การตัดสินใจออกหุ้นสามัญหรือบุริมสิทธิ เป็นกลยุทธ์หลักในการจัดการทุนและหาเงินทุน ซึ่งส่งผลต่อทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้น

การออกหุ้นสามัญ (Issuing Common Stock):

บริษัทเลือกทางนี้เมื่ออยากหาเงินก้อนใหญ่สำหรับขยายตัว ชำระหนี้ หรือทุนหมุน ข้อดีคือไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือคืนเงินตามกำหนด ช่วยกระจายความเสี่ยง แต่การเพิ่มหุ้นอาจทำให้สิทธิเดิมเจือจาง สัดส่วนถือหุ้นและอำนาจลดลง นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นจำนวนมากอาจทำให้การตัดสินใจยุ่งยากขึ้น

การออกหุ้นบุริมสิทธิ (Issuing Preferred Stock):

เหมาะสำหรับบริษัทที่อยากหาเงินโดยไม่กระทบอำนาจควบคุมของผู้ถือหุ้นสามัญเดิม ดีต่อผู้บริหารหรือผู้ถือใหญ่ที่อยากรักษาสัดส่วน ยังดึงดูดนักลงทุนต้องการรายได้คงที่ แต่ภาระปันผลที่แน่นอนคล้ายดอกเบี้ยหนี้ อาจกดดันกระแสเงินสดถ้าผลงานไม่ดี โดยเฉพาะในเศรษฐกิจผันผวนอย่างไทย

ข้อมูลเปรียบเทียบจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา

การเลือกประเภทหุ้นขึ้นกับวัตถุประสงค์หาเงิน โครงสร้างทุน และความต้องการรักษาการควบคุม

หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้: ความแตกต่างกับเครื่องมือการลงทุนอื่น

นอกจากหุ้นสามัญและบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หรือ Debenture ก็เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนควรรู้จัก เพื่อจัดพอร์ตให้สมดุล

หุ้นกู้ (Debenture):

หุ้นกู้คือตราสารหนี้ที่บริษัทออกเพื่อหาเงิน ผู้ถือเป็นเจ้าหนี ไม่ใช่เจ้าของ ได้ดอกเบี้ยคงที่สม่ำเสมอและคืนเงินต้นครบกำหนด เสี่ยงต่ำเพราะได้ชำระก่อนหุ้นทุกประเภทถ้าล้มละลาย แต่ผลตอบแทนต่ำกว่าหุ้นทุน ในไทย หุ้นกู้มักใช้ในโครงการใหญ่ที่ต้องการเงินทุนมั่นคง

การเปรียบเทียบจากมุมนักลงทุน:

คุณสมบัติ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้
สถานะผู้ลงทุน เจ้าของ (มีส่วนบริหาร) เจ้าของ (ไม่มีส่วนบริหาร) เจ้าหนี้ (ไม่มีส่วนบริหาร)
ผลตอบแทน ปันผล (ไม่แน่นอน), ส่วนต่างราคา ปันผล (คงที่), ส่วนต่างราคา (จำกัด) ดอกเบี้ย (คงที่)
ความเสี่ยง สูงสุด (ผันผวนตามผลงาน) ปานกลาง (มั่นคงกว่าหุ้นสามัญ) ต่ำสุด (ขึ้นกับความน่าเชื่อถือบริษัท)
สิทธิเรียกร้องเมื่อเลิกกิจการ ลำดับสุดท้าย รองจากเจ้าหนี้และหุ้นกู้ ลำดับแรก (ก่อนหุ้นทุกประเภท)
สิทธิออกเสียง มี ไม่มี (โดยทั่วไป) ไม่มี

ในการจัดพอร์ต นักลงทุนใช้หุ้นกู้สร้างฐานมั่นคง หุ้นบุริมสิทธิเพิ่มผลตอบแทนปลอดภัย และหุ้นสามัญไล่ล่าเติบโตระยะยาว การผสมผสานช่วยสมดุลความเสี่ยงและเป้าหมายการเงิน

สรุป: เลือกหุ้นให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ

การรู้จักความต่างระหว่างหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ เป็นรากฐานสำหรับนักลงทุนใน SET หุ้นสามัญเปิดโอกาสเติบโตทุนสูงและมีส่วนบริหาร แต่เสี่ยงมากกว่า ส่วนหุ้นบุริมสิทธิให้รายได้ปันผลมั่นคงและสิทธิเรียกร้องก่อน แต่เติบโตราคาจำกัดและไม่มีเสียง

การเลือกควรยึดเป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยง ถ้าต้องการเติบโตและรับเสี่ยง หุ้นสามัญดี แต่ถ้าต้องการรายได้สม่ำเสมอ หุ้นบุริมสิทธิเหมาะกว่า

ไม่ว่าจะทางไหน การศึกษาบริษัท ธุรกิจ และข่าวเศรษฐกิจสำคัญมาก การกระจายพอร์ตด้วยหุ้นสามัญ บุริมสิทธิ และหุ้นกู้ ช่วยจัดการเสี่ยงและบรรลุเป้าหมายยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ มีความแตกต่างพื้นฐานที่สำคัญอย่างไร?

จุดต่างหลักคือสิทธิออกเสียงและการรับปันผล ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิลงคะแนนบริหารและได้ปันผลตามผลงานที่ไม่แน่นอน ขณะที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิออกเสียง แต่ได้ปันผลคงที่หรือตามอัตรา และได้รับก่อนหุ้นสามัญ

2. นักลงทุนไทยควรเลือกถือหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนแบบไหน?

ขึ้นกับเป้าหมายหลัก:

  • ถ้าเน้นเติบโตทุนระยะยาว มีส่วนบริหาร และรับเสี่ยงสูง เลือกหุ้นสามัญ
  • ถ้าเน้นความมั่นคงรายได้ปันผลประจำและเสี่ยงต่ำ เลือกหุ้นบุริมสิทธิ

3. ถ้าบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญและผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ จะได้รับสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์ต่างกันอย่างไร?

ตอนบริษัทล้ม ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้ชำระก่อนหุ้นสามัญเสมอ แต่ยังหลังเจ้าหนี้นและหุ้นกู้ ส่วนหุ้นสามัญได้เป็นลำดับสุดท้าย

4. หุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิพิเศษอะไรบ้างที่หุ้นสามัญไม่มี และทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

สิทธิพิเศษหลัก ได้แก่:

  • รับปันผลก่อนและมักคงที่
  • เรียกร้องทรัพย์สินก่อนตอนล้มละลาย

เพื่อชดเชยการไม่มีสิทธิออกเสียง และดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงรายได้ประจำ

5. การออกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ มีผลต่อโครงสร้างทางการเงินและกลยุทธ์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่างไร?

  • หุ้นสามัญ: เพิ่มทุนและฐานเจ้าของ แต่ลดสัดส่วนสิทธิเดิม
  • หุ้นบุริมสิทธิ: เพิ่มทุนโดยไม่กระทบสิทธิออกเสียง แต่มีพันธะปันผลคล้ายหนี้

การเลือกขึ้นกับความต้องการหาเงิน รักษาการควบคุม และความยืดหยุ่นทางการเงิน

6. หุ้นกู้แตกต่างจากหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิอย่างไรในมุมมองของนักลงทุน?

หุ้นกู้คือตราสารหนี้ ผู้ลงทุนเป็นเจ้าหนี้ ได้ดอกเบี้ยคงที่และคืนเงินต้นครบกำหนด เสี่ยงต่ำสุดและชำระก่อน ขณะที่หุ้นสามัญและบุริมสิทธิเป็นทุน ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของ เสี่ยงและผลตอบแทนสูงกว่า

7. หุ้นสามัญสามารถแปลงเป็นหุ้นบุริมสิทธิได้หรือไม่ และมีเงื่อนไขอย่างไรในประเทศไทย?

โดยปกติไม่สามารถแปลงตรงๆ เพราะสิทธิและลักษณะต่างกัน แต่บางกรณีบริษัทอาจปรับโครงสร้างทุนหรือเสนอหุ้นบุริมสิทธิให้ผู้ถือหุ้นสามัญเดิม ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ต้องผ่านมติที่ประชุมและกฎ ก.ล.ต. กับ SET

8. มีตัวอย่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ออกทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิหรือไม่?

มีหลายบริษัทใน SET เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทใหญ่ที่ต้องการนักลงทุนหลากหลาย หุ้นบุริมสิทธิ มักมี “-P” หรือ “-Pr” ต่อท้าย เช่น SCB-P, KBANK-P เพื่อบอกว่าเป็นหุ้นบุริมสิทธิ

9. การลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นสามัญจริงหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

จริง โดยทั่วไปเสี่ยงน้อยกว่าเพราะปันผลแน่นอนและเรียกร้องก่อน แต่ควรระวัง: เติบโตราคาจำกัด สภาพคล่องต่ำกว่า และยังเสี่ยงถ้าบริษัทล้มหนักจนจ่ายไม่ได้

10. ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิในการควบคุมบริษัทมากกว่าผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิอย่างไร?

ผู้ถือหุ้นสามัญควบคุมมากกว่าเพราะมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม เช่น เลือกบอร์ด อนุมัตินโยบาย และปรับข้อบังคับ ทำให้มีอิทธิพลต่อทิศทางธุรกิจโดยตรง ขณะที่หุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิเหล่านี้โดยปกติ

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *