spread หุ้น คืออะไร? 5 สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องรู้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร

### บทนำ: สเปรดหุ้นคืออะไร? ทำไมคุณถึงต้องรู้?

ในแวดวงการลงทุนหุ้นไทย คำว่า “สเปรด” อาจทำให้หลายคนรู้สึกสับสน โดยเฉพาะถ้าคุณเคยได้ยินมันบ่อยๆ จากตลาดฟอเร็กซ์ แล้วสงสัยว่าสำหรับหุ้นไทยมันต่างกันยังไง และสำคัญกับการซื้อขายของคุณจริงหรือไม่ จริงๆ แล้ว สเปรดหุ้นหมายถึงช่องว่างระหว่างราคาที่ผู้ซื้อเสนอซื้อสูงสุด (Bid Price) กับราคาที่ผู้ขายเสนอขายต่ำสุด (Ask Price) ซึ่งปรากฏบนกระดานซื้อขายในเวลานั้นๆ มันเป็นส่วนสำคัญที่นักลงทุนไทยทุกคนควรศึกษาลึกๆ เพราะส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมและโอกาสทำกำไร หากเข้าใจสเปรดดี คุณจะวางแผนการเทรดได้ฉลาดขึ้น ลดความเสี่ยงจากความไม่รู้ที่อาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้

นักลงทุนกำลังดูหน้าจอที่แสดงราคา Bid และ Ask พร้อมช่องว่างสเปรดในบริบทตลาดหุ้น

### ทำความเข้าใจแก่นแท้: ราคา Bid, ราคา Ask และสเปรด

ก่อนจะเจาะลึกสเปรดหุ้น เราต้องเริ่มจากพื้นฐานสองอย่างที่เป็นหัวใจของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั่นคือราคา Bid และราคา Ask ซึ่งทั้งคู่ช่วยกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น

#### ราคา Bid (ราคาเสนอซื้อ) คืออะไร?

ราคา Bid คือราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อในตลาดยินดีจ่ายสำหรับหุ้นตัวนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น กล่าวง่ายๆ มันคือระดับราคาที่นักลงทุนต้องการเข้าซื้อ และพร้อมที่จะจับคู่กับคำสั่งขายที่เข้ามา ถ้าคุณอยากขายหุ้นให้ได้เงินทันที การขายที่ราคา Bid อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คำสั่งของคุณดำเนินการได้เร็ว โดยไม่ต้องรอราคาที่สูงกว่านั้น

#### ราคา Ask (ราคาเสนอขาย) คืออะไร?

ตรงข้ามกัน ราคา Ask คือราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยอมรับสำหรับหุ้นตัวนั้น มันแสดงถึงระดับที่นักลงทุนต้องการขายออก และพร้อมจับคู่กับคำสั่งซื้อ หากคุณอยากซื้อหุ้นเดี๋ยวนั้น การซื้อที่ราคา Ask อาจจำเป็นเพื่อให้ได้หุ้นเข้าพอร์ตโดยไม่พลาดโอกาส

ภาพประกอบผู้ซื้อเสนอเงินติดป้าย Bid และผู้ขายถือหุ้นติดป้าย Ask ในสถานการณ์ตลาด

#### สเปรด (Spread) คือส่วนต่างระหว่าง Bid-Ask

สเปรดหุ้นเกิดจากการห่างกันของราคา Ask กับราคา Bid ที่แสดงบนกระดาน ช่องว่างนี้คือต้นทุนที่ซ่อนอยู่ในการทำธุรกรรม ซึ่งอาจรวมถึงส่วนแบ่งของโบรกเกอร์หรือค่าจับคู่คำสั่งในตลาด สเปรดที่แคบแสดงถึงตลาดที่มีประสิทธิภาพและสภาพคล่องดี ในขณะที่สเปรดกว้างบ่งชี้ถึงความท้าทายในการซื้อขาย เช่น ในหุ้นที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ

ภาพประกอบป้ายราคาสองอัน หนึ่งสูงสำหรับ Ask และหนึ่งต่ำสำหรับ Bid พร้อมช่องว่างที่แสดงถึงสเปรด

### สเปรดหุ้น แตกต่างจากสเปรด Forex อย่างไร?

แม้คำว่า “สเปรด” จะปรากฏในหลายตลาดการเงิน แต่สำหรับหุ้นไทยกับฟอเร็กซ์ มันมีจุดต่างที่ชัดเจนซึ่งนักลงทุนควรรู้เพื่อไม่ให้สับสน

ในฟอเร็กซ์ สเปรดคือค่าธรรมเนียมหลักที่โบรกเกอร์เก็บ โดยวัดด้วยหน่วย Pip และเปลี่ยนแปลงตามคู่สกุลเงินหรือสถานการณ์ตลาด ราคามักมาจากโบรกเกอร์โดยตรงและปรับตัวบ่อยๆ

แต่ในตลาดหุ้นไทย (SET) สเปรดไม่ใช่ค่าธรรมเนียมตรงๆ จากโบรกเกอร์ หากแต่เกิดจากกลไกตลาดและคำสั่งจากผู้เล่นจริงๆ มันแสดงบนกระดานซื้อขาย และวัดตาม Tick Size ซึ่งเป็นหน่วยเปลี่ยนแปลงราคาขั้นต่ำของหุ้นในแต่ละช่วง ไม่ใช่ Pip อย่างฟอเร็กซ์ เราจะโฟกัสที่สเปรดหุ้นไทยล้วนๆ เพื่อให้เข้าใจบริบทที่เหมาะสม

### ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสเปรดหุ้นในตลาดไทย

สเปรดหุ้นไม่ได้นิ่งสนิท แต่เปลี่ยนไปตามสภาพตลาดและลักษณะของหุ้นแต่ละตัว การรู้จักปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์และจัดการได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญความประหลาดใจ

#### สภาพคล่อง (Liquidity) และปริมาณการซื้อขาย

สภาพคล่องคือกุญแจหลัก หุ้นใหญ่ใน SET50 หรือหุ้นที่ปริมาณซื้อขายวันละมากๆ มักมีสเปรดแคบ เพราะผู้ซื้อผู้ขายเยอะ คำสั่งจับคู่กันง่ายที่ราคาใกล้เคียง แต่หุ้นเล็กหรือสภาพคล่องต่ำจะมีสเปรดกว้าง เนื่องจากคนสนใจน้อย การจับคู้อาจต้องปรับราคาให้ห่างขึ้นเพื่อดึงดูดฝั่งตรงข้าม

#### ความผันผวน (Volatility) ของราคาหุ้น

ตลาดผันผวน เช่น ช่วงประกาศผลประกอบการ นโยบายเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์โลก จะทำให้ราคาแกว่งแรง สเปรดจึงมักกว้างขึ้นเพราะทุกคนลังเล ทิศทางราคาไม่แน่นอน พวกเขาจึงต้องการช่องว่างมากขึ้นเพื่อคุ้มความเสี่ยง คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับสภาพคล่องและความผันผวนจาก SCB Thailand – What is Liquidity and Volatility เพื่อเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น

#### ขนาดของคำสั่งซื้อขาย (Order Size)

คำสั่งใหญ่ๆ ก็มีบทบาท โดยเฉพาะถ้าซื้อหรือขายจำนวนมาก คำสั่งอาจไม่จับคู่หมดที่ราคาดีที่สุด แต่ต้องไล่ไปหลายระดับ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยห่างจาก Bid หรือ Ask เริ่มต้น สเปรดจริงสำหรับคำสั่งใหญ่จึงกว้างกว่าเดิม นักลงทุนควรพิจารณาขนาดคำสั่งให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต้นทุนมากเกินไป

### ทำความเข้าใจ ‘Tick Size’ และ ‘Dynamic Price Band’ ในตลาดหุ้นไทย

นักลงทุนไทยจะเข้าใจสเปรดลึกซึ้งขึ้น ถ้าทำความรู้จักกลไกเฉพาะของ SET อย่าง Tick Size และ Dynamic Price Band ซึ่งกำหนดรูปแบบสเปรดโดยตรง

#### Tick Size (หน่วยการเปลี่ยนแปลงราคาขั้นต่ำ)

Tick Size คือขั้นต่ำที่ราคาหุ้นเปลี่ยนได้ตามที่ SET กำหนด เช่น หุ้นต่ำกว่า 2 บาท เปลี่ยนทีละ 0.01 บาท (1 สตางค์) แต่ถ้าราคา 100-200 บาท อาจเปลี่ยนทีละ 0.25 บาท มันกำหนดสเปรดแคบสุดที่เป็นไปได้ เช่น ถ้า Tick Size 0.01 บาท สเปรดต่ำสุดคือ 0.01 บาท (Bid 1.00 Ask 1.01) การรู้ Tick Size ช่วยคำนวณต้นทุนขั้นต่ำได้แม่นยำ ดูรายละเอียดเพิ่มจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) – กฎเกณฑ์การซื้อขาย

#### Dynamic Price Band (ช่วงราคาเคลื่อนไหว)

Dynamic Price Band คือเครื่องมือควบคุมไม่ให้ราคาแกว่งรุนแรง โดยกำหนดกรอบราคาวันนั้น ถ้าราคาเลยกรอบ อาจหยุดซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) เพื่อระงับความวุ่นวาย แม้ไม่กระทบสเปรดตรงๆ แต่ช่วงตลาดผันผวนใกล้กรอบ สเปรดอาจกว้างเพราะทุกคนระวังตัวมากขึ้น ต้องการช่องว่างเพื่อรับมือความไม่แน่นอน

### กลยุทธ์การจัดการสเปรดหุ้นสำหรับนักลงทุนไทย

รู้จักสเปรดแล้ว การนำไปใช้จริงยิ่งสำคัญ นี่คือวิธีปฏิบัติที่ช่วยให้นักลงทุนไทยจัดการสเปรดได้อย่างชาญฉลาด ลดผลกระทบต่อพอร์ตลงทุน

#### เลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง

หุ้นสภาพคล่องดีมักสเปรดแคบ ต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่อยากเข้าออกง่าย ลองมองหุ้นใน SET50 หรือ SET100 ที่ปริมาณซื้อขายสม่ำเสมอ มันช่วยให้คุณเทรดได้คล่องตัว โดยไม่เสียเปรียบจากช่องว่างราคา

#### ใช้คำสั่งซื้อขายที่เหมาะสม (Limit Order vs. Market Order)

ประเภทคำสั่งมีผลมากต่อสเปรดที่คุณเจอ

* **Limit Order (คำสั่งแบบมีเงื่อนไข):** คุณกำหนดราคาตัวเองได้ชัดเจน ช่วยควบคุมไม่ให้จ่ายแพงหรือขายถูกเกินไป เช่น ตั้งซื้อต่ำกว่า Bid หรือขายสูงกว่า Ask ถ้าจับคู่ได้ คุณได้ราคาตามใจ แต่ถ้าราคาไม่ถึง อาจต้องรอ

* **Market Order (คำสั่งราคาตลาด):** ซื้อขายทันทีที่ราคาดีสุดตอนนั้น แต่เสี่ยงเจอ Ask สูงหรือ Bid ต่ำ โดยเฉพาะสเปรดกว้าง หลีกเลี่ยงในหุ้นคล่องต่ำเพื่อไม่ให้ต้นทุนพุ่ง ดูข้อมูล Bid Offer เพิ่มจาก Krungsri Guru – Bid Offer

#### หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีสเปรดกว้าง

สเปรดมักกว้างตอนสภาพคล่องต่ำหรือผันผวนสูง

* **ช่วงเปิดและปิดตลาด:** คำสั่งทะลักเข้ามา ราคาไม่แน่นอน สเปรดเลยกว้าง

* **ช่วงประกาศข่าวสำคัญ:** ผลประกอบการหรือนโยบายเปลี่ยน สเปรดขยายเร็วเพราะความลังเล

* **ช่วงสภาพคล่องต่ำ:** เช่น พักกลางวันหรือตลาดต่างประเทศปิด การเลี่ยงช่วงนี้ช่วยประหยัดต้นทุนได้เยอะ โดยเฉพาะถ้าคุณเทรดบ่อย

### สรุป: สเปรดหุ้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเข้าใจและจัดการเป็น

สเปรดหุ้นเป็นส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเทรดหลักทรัพย์ และเป็นต้นทุนที่ทุกคนต้องเจอ แต่ถ้าคุณรู้ว่ามันคืออะไร อะไรกระทบมัน และต่างจากตลาดอื่นยังไง โดยเฉพาะใน SET ที่มี Tick Size กับ Dynamic Price Band คุณจะบริหารการลงทุนได้อย่างมือโปร

นักลงทุนที่เก่งคือคนที่เอาเหล่านี้ไปใช้จริง เช่น เลือกหุ้นคล่องดี ใช้คำสั่งเหมาะสม และเลี่ยงช่วงเสี่ยง เพื่อลดผลจากสเปรดและเพิ่มโอกาสกำไรในตลาดไทย การเรียนรู้ต่อเนื่องคือกุญแจสู่การลงทุนที่ยั่งยืน

สเปรดหุ้นคืออะไร และมันแตกต่างจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นอย่างไร?

สเปรดหุ้นคือช่องว่างระหว่างราคา Bid สูงสุดกับ Ask ต่ำสุดในเวลานั้นๆ มันไม่ใช่ค่าคอมมิชชั่นที่โบรกเกอร์เก็บตรงๆ แต่เป็นต้นทุนแฝงจากกลไกตลาดและสภาพคล่อง ค่าธรรมเนียมซื้อขายคือค่าบริการจากมูลค่าธุรกรรม ส่วนสเปรดคือส่วนต่างที่คุณอาจจ่ายเพิ่มตอนซื้อหรือได้น้อยลงตอนขายทันที

ทำไมสเปรดหุ้นของหุ้นแต่ละตัวถึงไม่เท่ากัน? มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้สเปรดกว้างหรือแคบ?

สเปรดหุ้นแต่ละตัวต่างกันเพราะปัจจัยหลักหลายอย่าง:

  • สภาพคล่อง: หุ้นคล่องสูง (คนซื้อขายเยอะ) มักสเปรดแคบ
  • ปริมาณการซื้อขาย: ยอดซื้อขายสูงแสดงความต้องการมาก สเปรดเลยแคบ
  • ความผันผวน: ราคาแกว่งแรงทำให้สเปรดกว้างจากความไม่แน่นอน
  • ขนาดของคำสั่ง: คำสั่งใหญ่ต้องจับคู่หลายระดับ สเปรดจริงเลยกว้าง

นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นไทยควรให้ความสำคัญกับสเปรดหุ้นมากแค่ไหน?

นักลงทุนรายย่อยควรวางใจสเปรดมาก โดยเฉพาะถ้าเก็งกำไรสั้นๆ อย่าง Day Trader หรือ Scalper เพราะช่องว่างเล็กน้อยอาจกัดกินกำไรหรือทำให้ขาดทุน สเปรดช่วยให้เลือกหุ้นและวางแผนคำสั่งดีขึ้น ลดต้นทุนแฝงในการเทรด

‘Tick Size’ และ ‘Dynamic Price Band’ ใน SET เกี่ยวข้องกับสเปรดหุ้นและการตัดสินใจซื้อขายของเราอย่างไร?

Tick Size: หน่วยเปลี่ยนราคาขั้นต่ำ กำหนดสเปรดแคบสุด ถ้า Tick Size ใหญ่ สเปรดขั้นต่ำก็ใหญ่ ช่วยให้ตั้ง Bid/Ask แม่นยำ

Dynamic Price Band: ควบคุมความผันผวน ถ้าราคาใกล้กรอบ สเปรดอาจกว้างเพราะทุกคนระวัง กลไกนี้ช่วยวางแผนเทรด โดยเฉพาะตลาดผันผวน

ฉันจะใช้ข้อมูลสเปรดหุ้นเพื่อวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร?

ใช้สเปรดวางแผนได้แบบนี้:

  • เลือกหุ้น: เน้นสเปรดแคบ (คล่องสูง) เพื่อต้นทุนเข้าออกต่ำ
  • ประเภทคำสั่ง: ใช้ Limit Order ควบคุมราคา หลีกเลี่ยง Market Order ถ้าสเปรดกว้าง
  • ช่วงเวลาการเทรด: เลี่ยงตอนสเปรดกว้าง เช่น เปิด/ปิดตลาดหรือมีข่าว
  • การประเมินต้นทุน: รวมสเปรดในค่าธุรกรรมทั้งหมด เพื่อคำนวณกำไร/ขาดทุนแม่น

มีเครื่องมือหรือฟังก์ชันใดบ้างในแอปพลิเคชันเทรดหุ้นของโบรกเกอร์ไทย ที่ช่วยให้ฉันดูและจัดการสเปรดได้?

แอปเทรดโบรกเกอร์ไทยส่วนใหญ่ เช่น Streaming by Settrade, Kiatnakin Phatra Securities, Bualuang Securities แสดง Bid-Ask แบบเรียลไทม์บนกระดาน (Market Depth หรือ Bid-Offer Board) เห็น Bid/Ask ดีสุด 5-10 อันดับ ใช้ดูสเปรดและตั้ง Limit Order เพื่อกำหนดราคาตัวเอง

การซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาใดที่มักจะมีสเปรดหุ้นกว้าง และควรหลีกเลี่ยงหรือไม่?

สเปรดกว้างตอนสภาพคล่องต่ำและผันผวนสูง เช่น:

  • ช่วงเปิดตลาด: คำสั่งค้างเยอะ ราคาปรับเร็ว
  • ช่วงปิดตลาด: ทุกคนรีบปิดสถานะ ความต้องการพุ่ง
  • ช่วงพักกลางวัน: ยอดซื้อขายน้อย สภาพคล่องต่ำ
  • ช่วงก่อน/หลังข่าวสำคัญ: ความไม่แน่นอนสูง ทุกคนลังเล

ถ้าอยากต้นทุนต่ำ ควรเลี่ยงช่วงเหล่านี้

ถ้าฉันเห็นสเปรดหุ้นกว้างมาก ควรทำอย่างไร? มันเป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่?

สเปรดกว้างมากอาจเตือนว่า:

  • สภาพคล่องต่ำ: คนซื้อขายน้อย เข้าออกยาก
  • ความผันผวนสูง: ทิศทางราคาไม่แน่นอน

ควรทำดังนี้:

  • เลี่ยง Market Order
  • ใช้ Limit Order รอราคาดี
  • ชะลอเทรดหรือเปลี่ยนหุ้นสเปรดแคบ
  • เช็คข่าวและพื้นฐานหุ้นเพิ่ม

สเปรดหุ้นมีผลต่อการคำนวณกำไร/ขาดทุนระยะสั้นและระยะยาวต่างกันหรือไม่?

ต่างกันชัดเจน:

  • ระยะสั้น: สเปรดกระทบหนักเพราะเข้าออกบ่อย ช่องว่างเล็กๆ อาจลดกำไรหรือเพิ่มขาดทุนมาก
  • ระยะยาว: กระทบน้อยกว่าในเปอร์เซ็นต์รวม เพราะถือยาว กำไรหลักจากราคาและปันผล แต่ยังควรรวมในผลตอบแทนจริง

การลงทุนในหุ้น IPO ในตลาดหุ้นไทย มีเรื่องสเปรดหุ้นที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษหรือไม่?

หุ้น IPO ในไทยต้องระวังสเปรดพิเศษ โดยเฉพาะวันแรก:

  • ความผันผวนสูง: ความต้องการพุ่ง สเปรดเลยกว้าง
  • สภาพคล่อง: ยอดซื้อขายสูงแต่จับคู่ยังไม่เสถียร

ใช้ Limit Order ควบคุมราคาให้ดีที่สุดในวันเข้าตลาด

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *