นำเสนอความลึกลับของ Retracement
ในแวดวงการลงทุนและการเทรด คำว่า “retracement” อาจดูน่าปวดหัวสำหรับผู้เริ่มต้น แต่จริงๆ แล้ว มันคือแนวคิดพื้นฐานที่ช่วยให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้กับเครื่องมืออย่าง Fibonacci Retracement บทความนี้จะพาคุณสำรวจความหมายที่แท้จริงของ Retracement ทั้งในมุมมองทั่วไปและในโลกการเงิน พร้อมทั้งอธิบายหลักการ วิธีการนำไปใช้ และกลยุทธ์ระดับสูงที่นักลงทุนไทยสามารถปรับใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศอย่าง Forex

Retracement คืออะไร? จากความหมายพื้นฐานสู่การนำไปใช้ในตลาดการเงิน
เพื่อให้คุณเข้าใจ Retracement อย่างลึกซึ้ง เรามาเริ่มจากความหมายในชีวิตประจำวันก่อน แล้วค่อยขยับไปสู่บริบทเฉพาะในตลาดทุน

Retracement ในมุมมองทั่วไปพร้อมตัวอย่างใกล้ตัว
โดยทั่วไป Retracement หมายถึงการถอยหลังหรือการย้อนกลับชั่วคราว ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตรงข้ามกับทิศทางหลักเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่เส้นทางเดิม
- ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน: ลองนึกภาพการเดินป่าเพื่อขึ้นสู่ยอดเขา ที่บางจังหวะคุณต้องลงเนินเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางก่อนจะก้าวต่อไปข้างหน้า การลงเนินนั้นเองคือ Retracement
- ตัวอย่างจากธรรมชาติ: คลื่นทะเลที่พุ่งเข้าหาฝั่งชายหาด บางครั้งก็ถอยออกไปชั่วครู่ก่อนจะซัดเข้ามาอีก คลื่นที่ถอยนั้นแสดงให้เห็นถึงลักษณะของ Retracement
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การถอยกลับแบบนี้เป็นเพียงช่วงปรับตัวชั่วคราว และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบใหญ่ ไม่ได้หมายถึงการพลิกผันถาวร
Retracement ในตลาดทุน: การปรับตัวของราคา
เมื่อมาถึงตลาดการเงิน Retracement กลายเป็นการย่อตัวของราคาหรือ pullback ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อย่างหุ้น สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เคลื่อนที่ตรงข้ามกับแนวโน้มหลักเพียงชั่วคราว
ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวหนึ่งกำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วราคาก็ร่วงลงเล็กน้อยก่อนจะทะยานสู่จุดสูงใหม่ การร่วงลงนั้นคือ Retracement หรือที่เรียกว่าการปรับฐาน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติในตลาดที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว นักลงทุนมักมองช่วงเหล่านี้เป็นโอกาสทองในการซื้อหรือขาย โดยคาดว่าราคาจะกลับสู่แนวโน้มเดิมในไม่ช้า การรู้จักปรากฏการณ์นี้จึงช่วยให้การวิเคราะห์ตลาดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Fibonacci Retracement: ที่มาและหลักการพื้นฐาน
ในโลกการเงิน เมื่อกล่าวถึง Retracement ไม่มีเครื่องมือไหนสำคัญไปกว่า Fibonacci Retracement มาดูกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและทำงานอย่างไร

รากฐานจากลำดับฟีโบนักชีและความมหัศจรรย์
Fibonacci Retracement สร้างขึ้นจากลำดับตัวเลขที่ค้นพบโดยเลโอนาร์โด ฟีโบนักชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีในศตวรรษที่ 13 ลำดับนี้เริ่มจาก 0 และ 1 โดยแต่ละตัวเลขถัดไปคือผลรวมของสองตัวก่อนหน้า เช่น 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144 และต่อเนื่องไป
ที่น่าทึ่งคือ ลำดับฟีโบนักชีนี้ปรากฏในธรรมชาติอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียงตัวของกลีบดอกไม้ เกลียวเปลือกหอย รูปแบบของเปลือกหอยทะเล หรือแม้แต่สัดส่วนร่างกายมนุษย์ และยังเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงิน แสดงถึงความเชื่อมโยงสากลของตัวเลขเหล่านี้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับฟีโบนักชี
อัตราส่วนหลักและสัดส่วนทองคำ
จากลำดับฟีโบนักชี เราสามารถคำนวณอัตราส่วนสำคัญได้ โดยการหารตัวเลขในลำดับกันเอง
- 23.6%: มาจากการหารตัวเลขด้วยตัวที่ห่างสองตำแหน่ง เช่น 89/377 ≈ 0.236
- 38.2%: มาจากการหารด้วยตัวที่ห่างสามตำแหน่ง เช่น 89/233 ≈ 0.382
- 50%: แม้ไม่ใช่อัตราส่วนตรงจากฟีโบนักชี แต่เป็นระดับยอดนิยมในวิเคราะห์เทคนิค เพราะเป็นจุดกึ่งกลางที่ส่งผลต่อจิตวิทยานักลงทุน
- 61.8% (สัดส่วนทองคำ): มาจากการหารตัวเลขด้วยตัวถัดไป เช่น 89/144 ≈ 0.618 ซึ่งรู้จักกันในนามสัดส่วนทองคำที่สมดุลและงดงามที่สุด
- 78.6%: คำนวณจากรากที่สองของ 0.618 หรือ (1 – รากที่สองของ 0.382) ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กันบ่อย
อัตราส่วนเหล่านี้ช่วยระบุจุดที่ราคามีแนวโน้มเป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญระหว่างการปรับฐานจากแนวโน้มหลัก
คู่มือปฏิบัติ: วิธีใช้ Fibonacci Retracement ในการเทรด
การนำ Fibonacci Retracement ไปใช้จริงต้องอาศัยการฝึกฝน เพื่อให้คุณจับจุดสำคัญได้อย่างถูกต้อง
ขั้นตอนการวาดเส้น Fibonacci Retracement บนกราฟ
การวาดเครื่องมือนี้ไม่ซับซ้อน แต่ต้องเลือกจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดให้เหมาะสม
- กำหนดแนวโน้มหลัก: ดูก่อนว่าสินทรัพย์นั้นกำลังอยู่ใน uptrend หรือ downtrend
- สำหรับ uptrend: ลากจากจุดต่ำสุด (Swing Low) ไปจุดสูงสุด (Swing High) ของคลื่นนั้น ระดับ retracement จะปรากฏต่ำกว่าจุดสูงสุด โดย 0% อยู่ที่จุดต่ำและ 100% ที่จุดสูง นักลงทุนมักรอซื้อเมื่อราคาย่อลงมาที่ระดับเหล่านี้
- สำหรับ downtrend: ลากจากจุดสูงสุด (Swing High) ไปจุดต่ำสุด (Swing Low) ระดับ retracement จะปรากฏเหนือจุดต่ำสุด โดย 100% อยู่ที่จุดสูงและ 0% ที่จุดต่ำ เทรดเดอร์มักรอขายเมื่อราคาดีดขึ้นมาที่ระดับเหล่านี้
เคล็ดลับสำคัญ: เลือก Swing Low/High ที่ชัดเจนและมีน้ำหนัก หากเลือกผิด ระดับที่ได้อาจไร้ประโยชน์
การตีความระดับฟีโบนักชีหลัก
แต่ละระดับใน Fibonacci Retracement เช่น 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, 78.6% ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นไปได้
- 23.6%: การย่อตัวตื้นที่สุด แสดงว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่ง หากราคาเด้งจากตรงนี้ โอกาสที่แนวโน้มจะไปต่อสูงมาก
- 38.2%: ระดับย่อตัวที่เกิดบ่อย หากราคายืนเหนือใน uptrend หรือไม่ทะลุใน downtrend แสดงถึงความแข็งแกร่ง
- 50%: จุดจิตวิทยาสำคัญ โอกาสกลับตัวสูง หากทะลุ 50% อาจบ่งบอกแนวโน้มเริ่มอ่อนแอ
- 61.8%: ระดับสัดส่วนทองคำที่เชื่อถือได้มากที่สุด หากทะลุ มักหมายถึงการเปลี่ยนแนวโน้มชัดเจน
- 78.6%: การย่อตัวลึก หากถึงระดับนี้ แนวโน้มเดิมอาจใกล้จบหรือพลิกผัน
เฝ้าดูปฏิกิริยาราคาที่ระดับเหล่านี้ เช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว หรือการทะลุที่เด่นชัด
การรวมกับแนวโน้มและแท่งเทียนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เพื่อให้สัญญาณจาก Fibonacci Retracement น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อย่าใช้เดี่ยวๆ แต่จับคู่กับเครื่องมืออื่น
- เส้นแนวโน้ม: ถ้าระดับ Fibonacci ตรงกับเส้นแนวโน้ม สัญญาณจะแข็งแกร่งขึ้น
- รูปแบบแท่งเทียน: เช่น Hammer, Engulfing หรือ Doji ที่ระดับ Fibonacci ช่วยยืนยันการกลับตัวหรือการดำเนินต่อ
- ปริมาณซื้อขาย: ถ้าราคาเด้งจากระดับด้วย volume สูง แสดงถึงแรงผลักที่แข็งแกร่ง
การผสานเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้การตัดสินใจซื้อขายมั่นใจยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก
กลยุทธ์ขั้นสูงและตัวอย่างในตลาดไทย
นอกจากพื้นฐาน Fibonacci Retracement ยังนำไปใช้ในกลยุทธ์ซับซ้อน และมีตัวอย่างจริงในตลาดไทย
การรวมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อสัญญาณที่แข็งแกร่ง
การใช้ Fibonacci เดี่ยวๆ อาจไม่พอ ต้องผสมกับตัวชี้วัดอื่นเพื่อกรองและเพิ่มความแม่นยำ
- Moving Average (MA): ถ้าระดับ Fibonacci ตรงกับ MA สำคัญอย่าง MA50 หรือ MA200 จะยืนยันแนวรับ/ต้านที่แข็ง
- RSI: ถ้าราคาแตะ Fibonacci แนวรับและ RSI ต่ำกว่า 30 (Oversold) อาจเป็นสัญญาณซื้อดี
- MACD: Golden Cross หรือ Death Cross ใกล้ระดับ Fibonacci ยืนยันการกลับตัว
ระบบเทรดที่รวมหลายตัวชี้วัดช่วยให้มุมมองครบถ้วน ลดอคติจากเครื่องมือเดียว
แนวคิด Fibonacci Extension สำหรับเป้าหมายราคา
นอกจาก Retracement ที่หาจุดย่อตัว ยังมี Fibonacci Extension สำหรับคาดการณ์ราคาในอนาคตหลังปรับฐาน
Extension ช่วยหาจุดที่ราคาอาจไปถึงเมื่อแนวโน้มกลับมา ระดับทั่วไปคือ 127.2%, 161.8%, 200%, 261.8% และ 423.6% ใช้กำหนด Take Profit โดยลากจาก Swing Low ไป High แล้วกลับ Low (สำหรับ uptrend) หรือตรงข้ามสำหรับ downtrend
กรณีศึกษาจากตลาดไทย
ทั้งใน SET หรือ Forex ที่เกี่ยวข้องกับ THB Fibonacci Retracement ใช้งานได้ดี
- หุ้น SET: ถ้าหุ้น A uptrend แรงแต่ย่อตัว ลาก Fibonacci จาก Low ไป High เพื่อหาแนวรับ เช่น ที่ 38.2% หรือ 50% ถ้ามีแท่งเทียนกลับตัว อาจเข้าซื้อ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
- Forex คู่ THB: สำหรับ USD/THB ใน downtrend ถ้าราคาดีดขึ้น ลากจาก High ไป Low เพื่อหาแนวต้าน เช่น ที่ 61.8% ถ้ามีแท่งเทียนลง อาจขาย
แพลตฟอร์มยอดนิยมในไทยอย่าง TradingView, MetaTrader 4/5 หรือโปรแกรมโบรกเกอร์ มีเครื่องมือนี้พร้อมใช้
ข้อผิดพลาดทั่วไปและการบริหารความเสี่ยงกับ Fibonacci Retracement
Fibonacci Retracement มีพลัง แต่ก็มีข้อจำกัด เทรดเดอร์ต้องรู้จักหลีกเลี่ยง
ข้อผิดพลาดที่ 1: พึ่งพาเครื่องมือเดียวมากเกิน
มือใหม่มักคิดว่า Fibonacci คือคำตอบสุดท้าย แต่จริงๆ มันไม่แม่นยำ 100%
คำแนะนำ: ใช้เป็นเครื่องมือเสริม ร่วมกับแนวโน้ม แท่งเทียน Volume และตัวชี้วัดอื่น เพื่อสัญญาณที่แข็งแกร่ง
ข้อผิดพลาดที่ 2: เลือกจุดสูงต่ำผิด
ประสิทธิภาพขึ้นกับ Swing High/Low ที่ถูกต้อง ถ้าผิด ระดับจะไร้ค่า
คำแนะนำ: ฝึกระบุจุดที่ชัดเจนใน timeframe เหมาะสม เลือกจุดที่มีการกลับตัวเด่น ใช้ timeframe ใหญ่เช่นรายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อภาพรวม
การบริหารเงินทุนและตั้ง Stop Loss/Take Profit
เครื่องมือดีแต่ไม่บริหารความเสี่ยง อาจเสียหายหนัก
- Money Management: กำหนด position size ให้เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อเทรด
- Stop Loss: ตั้งใต้ Fibonacci แนวรับ (ซื้อ) หรือเหนือแนวต้าน (ขาย) เพื่อจำกัดขาดทุน
- Take Profit: ใช้ Extension หรือแนวรับต้านถัดไป มีแผนชัดเจนเพื่อรักษากำไร แนวคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Fibonacci ในการตั้ง Stop Loss
แผนเทรดที่รวมความเสี่ยงช่วยปกป้องทุนและเพิ่มกำไรยั่งยืน
สรุป: 掌握 Fibonacci Retracement เพื่อความได้เปรียบในการลงทุน
การรู้จัก “retracement” และใช้ Fibonacci Retracement อย่างชำนาญคือทักษะสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดทุน เครื่องมือนี้ไม่ใช่แค่เส้นบนกราฟ แต่ช่วยมองเห็นจุดปรับฐาน แนวรับต้าน และเป้าหมายราคา
การใช้อย่างมีประสิทธิภาพต้องฝึกฝน รวมกับตัวชี้วัดอื่น และบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะ SET Forex หรือตลาดอื่น Fibonacci ช่วยให้มุมมองลึกซึ้งและตัดสินใจดีขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือให้คุณนำไปใช้สร้างกำไรยั่งยืน
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Retracement และ Fibonacci Retracement
Retracement กับ Extension ต่างกันอย่างไร และควรใช้เมื่อไหร่?
Retracement ใช้เพื่อระบุระดับที่ราคามีแนวโน้มจะกลับตัวชั่วคราว (ปรับฐาน) จากแนวโน้มหลัก โดยจะแสดงระดับเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดหรือสูงกว่าจุดต่ำสุดของรอบ ใช้ในการหาจุดเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว หรือจุดเข้าขายเมื่อราคามีการดีดตัวกลับขึ้นไป
Extension ใช้เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาในอนาคตที่ราคาน่าจะไปถึงหลังจากสิ้นสุดการปรับฐานแล้วและกลับมาเคลื่อนที่ตามแนวโน้มหลักอีกครั้ง ใช้ในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit)
Fibonacci Retracement ใช้ได้กับทุกตลาดไหม (เช่น SET, Forex, Crypto) และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
Fibonacci Retracement สามารถใช้ได้กับทุกตลาดการเงินที่มีสภาพคล่องและมีการเคลื่อนไหวของราคา เช่น ตลาดหุ้น (SET), ตลาด Forex, ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ข้อจำกัด:
- ไม่ได้แม่นยำ 100% และบางครั้งอาจให้สัญญาณที่ผิดพลาดได้
- ขึ้นอยู่กับการเลือกจุดสูงและจุดต่ำของรอบที่ถูกต้อง
- ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น
- อาจไม่เหมาะสมกับตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways Market)
มีเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มใดบ้างที่ช่วยคำนวณและแสดง Fibonacci Retracement ได้ง่ายๆ ในไทย?
แพลตฟอร์มการเทรดส่วนใหญ่มีเครื่องมือ Fibonacci Retracement ในตัว ทำให้การวาดและคำนวณเป็นเรื่องง่าย ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่นิยมในไทย:
- TradingView: เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟออนไลน์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีเครื่องมือครบครันและใช้งานง่าย
- MetaTrader 4 (MT4) / MetaTrader 5 (MT5): แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเทรด Forex และ CFD
- โปรแกรม Streaming หรือโปรแกรมเทรดของโบรกเกอร์ไทย: โบรกเกอร์หุ้นไทยส่วนใหญ่มีโปรแกรมวิเคราะห์กราฟพร้อมเครื่องมือ Fibonacci ให้บริการ เช่น Streaming ของ Settrade
ถ้า Fibonacci Retracement ไม่ได้ผล หรือให้สัญญาณหลอก ควรทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง?
หาก Fibonacci Retracement ไม่ได้ผลตามที่คาด หรือให้สัญญาณหลอก ควรพิจารณาดังนี้:
- ยืนยันด้วยตัวชี้วัดอื่น: ใช้ Moving Average, RSI, MACD หรือ Volume เพื่อยืนยันสัญญาณ
- ตรวจสอบแนวโน้มหลัก: บางครั้งสัญญาณหลอกเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มหลักกำลังจะเปลี่ยน
- ปรับ Timeframe: ลองใช้ Timeframe ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อดูภาพรวมที่ชัดเจนกว่า
- บริหารจัดการความเสี่ยง: ตั้งจุด Stop Loss ที่เหมาะสมเสมอ เพื่อจำกัดการขาดทุนหากสัญญาณผิดพลาด
- อย่าพึ่งพาเครื่องมือเดียว: Fibonacci เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเทรดที่สมบูรณ์
การใช้ Fibonacci Retracement ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษในตลาดหุ้นไทยหรือตลาด Forex ที่มีสภาพคล่องสูง?
ในตลาดหุ้นไทย (SET) หรือตลาด Forex ที่มีสภาพคล่องสูง ควรระวังสิ่งต่อไปนี้:
- ข่าวและปัจจัยพื้นฐาน: ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมักจะได้รับผลกระทบจากข่าวเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ระดับ Fibonacci ถูกทะลุได้ง่าย
- ความผันผวน: ในช่วงที่มีความผันผวนสูง (เช่น ช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ) ราคาอาจเคลื่อนที่ทะลุระดับ Fibonacci ไปมาได้
- การเลือก Swing High/Low: ควรเลือกจุด Swing High/Low ที่มีนัยสำคัญและชัดเจน เพื่อให้ระดับ Fibonacci มีความน่าเชื่อถือ
- ระมัดระวังหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ: ใน SET หุ้นบางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งทำให้รูปแบบทางเทคนิคทำงานได้ไม่ดีนัก
ควรใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับอินดิเคเตอร์อะไรดีที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น?
การใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นจะช่วยเพิ่มความแม่นยำได้ดี ตัวเลือกที่ดีที่สุดบางส่วนได้แก่:
- Moving Average (MA): เพื่อยืนยันแนวโน้มและเป็นแนวรับ/แนวต้านเสริม
- Relative Strength Index (RSI): เพื่อระบุสภาวะ Overbought/Oversold และยืนยันโมเมนตัม
- MACD: เพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มและโมเมนตัม
- รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns): เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัวที่ระดับ Fibonacci
- Volume: เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา
การผสมผสานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเข้าใจของแต่ละบุคคล
Fibonacci Retracement สามารถใช้คาดการณ์จุดกลับตัวของราคาได้แม่นยำแค่ไหน และมีปัจจัยอื่นใดที่ต้องพิจารณา?
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุ แนวรับและแนวต้านที่มีศักยภาพ ซึ่งอาจเป็นจุดกลับตัวของราคา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แม่นยำ 100% และไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าราคาจะกลับตัวที่ระดับใด
ปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา:
- Timeframe: ระดับ Fibonacci ใน Timeframe ที่ใหญ่กว่ามักจะมีนัยสำคัญมากกว่า
- ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งมาก ราคาอาจกลับตัวที่ระดับตื้นๆ (เช่น 23.6% หรือ 38.2%)
- ปัจจัยพื้นฐานและข่าวสาร: ข่าวสำคัญสามารถทำให้ราคาเคลื่อนที่ทะลุระดับ Fibonacci ได้
- การรวมกับอินดิเคเตอร์อื่น: การยืนยันด้วยสัญญาณจากอินดิเคเตอร์อื่นจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ
มือใหม่ควรเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ Fibonacci Retracement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยขั้นตอนเหล่านี้:
- เรียนรู้พื้นฐาน: ทำความเข้าใจแนวคิดของ Retracement, ลำดับ Fibonacci และอัตราส่วนที่สำคัญ
- ฝึกวาดบนกราฟ: ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) หรือแพลตฟอร์มฟรี เช่น TradingView ในการฝึกวาด Fibonacci Retracement บนสินทรัพย์และ Timeframe ที่แตกต่างกัน
- สังเกตปฏิกิริยาของราคา: ดูว่าราคามีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อมาถึงระดับ Fibonacci ต่างๆ
- รวมกับเครื่องมืออื่น: เริ่มต้นจากการรวมกับ Trendline หรือ Moving Average ง่ายๆ
- ทำบันทึกการเทรด: บันทึกผลการใช้ Fibonacci Retracement ในการเทรดของคุณเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์
- เริ่มต้นด้วย Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น: เพื่อให้เห็นแนวโน้มและระดับที่ชัดเจนขึ้น
นอกจาก Retracement แล้ว Fibonacci ยังมีรูปแบบการใช้งานอื่นอีกไหม เช่น Fibonacci Fan หรือ Time Zones?
ใช่ นอกจาก Fibonacci Retracement แล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่อิงจากหลักการ Fibonacci อีกมากมายที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค:
- Fibonacci Extension: ใช้เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาในอนาคต
- Fibonacci Fan: ใช้เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นแนวทแยง (Diagonal) และบ่งชี้ความเร็วของแนวโน้ม
- Fibonacci Arcs: ใช้เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นเส้นโค้ง
- Fibonacci Time Zones: ใช้เพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคา
- Fibonacci Channels: ใช้เพื่อระบุช่องทางราคาที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้าน
เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิเคราะห์มีมุมมองที่หลากหลายและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา
การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit โดยใช้ Fibonacci Retracement มีหลักการอย่างไร?
หลักการในการกำหนดจุด Stop Loss (ตัดขาดทุน) และ Take Profit (ทำกำไร) โดยใช้ Fibonacci Retracement:
- การตั้ง Stop Loss:
- สำหรับ Long Position (ซื้อ): ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้ระดับ Fibonacci Retracement ที่เป็นแนวรับที่คุณคาดว่าราคาจะกลับตัว เช่น ใต้ระดับ 61.8% หรือใต้ Swing Low ล่าสุด
- สำหรับ Short Position (ขาย): ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือระดับ Fibonacci Retracement ที่เป็นแนวต้านที่คุณคาดว่าราคาจะกลับตัว เช่น เหนือระดับ 61.8% หรือเหนือ Swing High ล่าสุด
- การตั้ง Take Profit:
- ใช้ระดับ Fibonacci Extension เป็นเป้าหมาย เช่น 127.2%, 161.8% หรือ 200%
- หรือใช้ระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญถัดไปที่ปรากฏบนกราฟ
- อาจแบ่ง Take Profit เป็นหลายส่วนที่ระดับ Extension ต่างๆ เพื่อล็อคกำไรบางส่วน
สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่าง Risk-Reward Ratio ที่ดี เพื่อให้การเทรดมีโอกาสทำกำไรในระยะยาว