บทนำ: Short Squeeze คืออะไร และทำไมนักลงทุนต้องรู้?
ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยโอกาสและความไม่แน่นอนที่มาพร้อมศัพท์เฉพาะทางมากมายซึ่งนักลงทุนควรเข้าใจให้ถ่องแท้ หนึ่งในเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงและฉับพลันต่อราคาหุ้นคือ “Short Squeeze” ซึ่งบางครั้งนำไปสู่การทะยานของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในเวลาอันสั้น จนกลายเป็นข่าวดังระดับโลก อย่างเช่นกรณีของ GameStop ที่กลายเป็นตำนาน การรู้จัก Short Squeeze จึงจำเป็นสำหรับนักลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะรายย่อยในตลาดหุ้นไทย เพื่อช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบและมีเหตุผล บทความนี้จะสำรวจกลไก สาเหตุ สัญญาณเตือน และวิธีรับมือกับ Short Squeeze เพื่อให้คุณเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ

Short Squeeze คืออะไร? คำจำกัดความและหลักการพื้นฐาน
Short Squeeze หมายถึงสถานการณ์ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนผู้ที่กำลังขายชอร์ตหุ้นตัวนั้นต้องรีบซื้อหุ้นคืนเพื่อหยุดยั้งความสูญเสีย ยิ่งมีคนซื้อคืนมากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งถูกดันให้สูงขึ้นไปอีก สร้างวงจรต่อเนื่องที่เรียกว่า “Squeeze” หรือการบีบให้ผู้ขายชอร์ตต้องปิดตำแหน่งของตัวเองอย่างเร่งด่วน
เพื่อเข้าใจ Short Squeeze ให้ชัดเจน ต้องเริ่มจากแนวคิดการขายชอร์ตก่อน การขายชอร์ตเป็นวิธีที่นักลงทุนใช้เมื่อเชื่อว่าราคาหุ้นจะลดลงในอนาคต พวกเขายืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขายในตลาดที่ราคาปัจจุบัน โดยหวังว่าจะซื้อคืนได้ถูกกว่าในภายหลัง แล้วคืนหุ้นให้โบรกเกอร์พร้อมเก็บส่วนต่างเป็นกำไร แต่ถ้าคาดการณ์พลาดและราคาหุ้นกลับพุ่งสูง ผู้ขายชอร์ตจะเริ่มขาดทุน ซึ่งนี่คือจุดกำเนิดของ Short Squeeze

เจาะลึกกลไกการทำงานของ Short Squeeze (Short Squeeze Mechanism)
กระบวนการของ Short Squeeze ดูซับซ้อนแต่สามารถอธิบายเป็นขั้นตอนชัดเจนได้ ดังนี้:
- การขายชอร์ต: ผู้ที่ขายชอร์ต ซึ่งมักเป็นกองทุนเฮดจ์หรือนักลงทุนสถาบัน คาดว่าราคาหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งจะตก จึงยืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขายในตลาดที่ราคาตอนนั้น สมมติขายที่ 100 บาท
- การสะสม Short Interest ในระดับสูง: เมื่อมีผู้ขายชอร์ตจำนวนมากมุ่งเป้าไปที่หุ้นตัวเดียวกัน ปริมาณหุ้นที่ถูกขายชอร์ตหรือ Short Interest ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หมายถึงมีภาระต้องซื้อคืนหุ้นจำนวนมากในอนาคต
- ราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้น: อาจมาจากข่าวดีของบริษัท การเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐาน หรือแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อย ทำให้ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นทีละน้อย
- ผู้ขายชอร์ตขาดทุนและเจอ Margin Call: เมื่อราคาหุ้นที่ถูกชอร์ตขึ้น ผู้ขายชอร์ตจะขาดทุนตามกลไกของการขายชอร์ต และถ้าขึ้นถึงจุดหนึ่ง โบรกเกอร์อาจเรียก Margin Call ให้เพิ่มเงินหรือหลักทรัพย์เพื่อรักษาระดับการค้ำประกัน
- การซื้อคืนหุ้นแบบบังคับ: เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่อาจลุกลามจาก Margin Call หรือเพื่อจำกัดความเสียหาย ผู้ขายชอร์ตจะต้องซื้อหุ้นคืนที่เคยขายไป เพื่อปิดตำแหน่ง
- ราคาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว: การซื้อคืนจำนวนมหาศาลจากผู้ขายชอร์ตที่ตื่นตระหนกจะก่อให้เกิดแรงซื้อเข้มข้นในตลาด ดันราคาหุ้นให้ทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้ผู้ขายชอร์ตรายอื่นต้องรีบตาม สร้างวงจรที่ราคาเพิ่มทวีคูณ
เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นพลังของแรงซื้อที่รวมพลังกัน ซึ่งสามารถพลิกสถานการณ์เอาชนะแรงขายชอร์ตที่แข็งแกร่งได้ โดยในทางปฏิบัติ Short Squeeze มักเกิดในหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง ซึ่งนักลงทุนควรระวังไม่ให้พลาดโอกาสหรือเสี่ยงเกินควร

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Short Squeeze
Short Squeeze ไม่ใช่เรื่องที่เกิดบ่อย แต่เมื่อเกิดขึ้น มักสร้างความเสียหายหนักให้ผู้ขายชอร์ตและเปิดโอกาสกำไรให้ผู้ถือหุ้น สาเหตุหลักที่จุดชนวนให้เกิดมีดังต่อไปนี้:
- Short Interest สูงมาก: นี่คือปัจจัยหลัก Short Interest คือจำนวนหุ้นที่ถูกขายชอร์ตแต่ยังไม่ซื้อคืน ถ้าอัตราส่วนนี้เทียบกับหุ้นหมุนเวียนได้ (Free Float) สูง เช่น เกิน 20-30% แสดงว่ามีผู้ขายชอร์ตเยอะ และเสี่ยงต่อ Short Squeeze ถ้ามีตัวกระตุ้น นอกจากนี้ Days to Cover ซึ่งคำนวณจากปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ก็ช่วยประเมินเวลาที่จะใช้ซื้อคืนทั้งหมด
- ข่าวดีหรือปัจจัยบวกที่คาดไม่ถึง: การพลิกผันพื้นฐานบริษัทในทางบวกอย่างกะทันหัน เช่น ผลประกอบการดีเกินคาด การ merger การค้นพบสินค้าใหม่ หรือสัญญาใหญ่ สามารถเปลี่ยนอารมณ์ตลาดได้ทันที ดันราคาขึ้นและบีบผู้ขายชอร์ตให้ปิดตำแหน่ง
- แรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยที่รวมกลุ่ม: ในยุคดิจิทัล รายย่อยสามารถรวมตัวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Reddit’s WallStreetBets เพื่อเทหุ้นที่มี Short Interest สูงพร้อมกัน สร้างแรงซื้อมหาศาลที่ดันราคาได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างที่เห็นใน GameStop
- สภาพคล่องต่ำ: หุ้นที่มีปริมาณซื้อขายน้อยหรือหุ้นหมุนเวียนจำกัด มีโอกาสเกิด Short Squeeze ง่ายกว่า เพราะแรงซื้อเล็กน้อยก็กระทบราคาได้มาก ในตลาดไทย หุ้นขนาดกลางหรือเล็กบางตัวมักเข้าข่ายนี้
ตัวอย่างเหตุการณ์ Short Squeeze ที่สำคัญและบทเรียน
หนึ่งในตัวอย่าง Short Squeeze ที่โด่งดังและเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสมัยใหม่คือ:
-
กรณี GameStop (GME) ปี 2021:
หุ้น GameStop บริษัทค้าปลีกเกมวิดีโอ ถูกกองทุนเฮดจ์หลายแห่งขายชอร์ตหนัก เพราะเชื่อว่าธุรกิจกำลังถดถอย แต่กลุ่มรายย่อยในฟอรัม WallStreetBets ของ Reddit รวมตัวกันซื้อหุ้น GME อย่างกะทันหัน ส่งผลให้ราคาพุ่งจากสิบดอลลาร์สหรัฐไปถึงร้อยดอลลาร์ และแตะเกือบ 500 ดอลลาร์ในเวลาอันสั้น กองทุนเฮดจ์ที่ขายชอร์ตขาดทุนมหาศาลหลายพันล้านดอลลาร์ จนต้องปิดตำแหน่ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สรุปเหตุการณ์ GameStop ว่าเป็นตัวอย่างชัดเจนของพลังรายย่อยในยุคดิจิทัล ซึ่งในบริบทไทย เราอาจเห็นคล้ายๆ กันในหุ้นที่ถูกเก็งกำไร -
บทเรียนสำหรับนักลงทุน:
- พลังของรายย่อย: การรวมตัวของนักลงทุนรายย่อยสามารถสั่นสะเทือนตลาดได้อย่างน่าทึ่ง
- ความเสี่ยงขายชอร์ต: การขายชอร์ตมีความเสี่ยงขาดทุนไม่จำกัด ถ้าราคาพุ่งไม่หยุด
- การจัดการความเสี่ยง: ไม่ว่านักลงทุนแบบไหน ก็ต้องบริหารความเสี่ยงและตั้ง Stop Loss ให้ดี
- ตลาดไม่สมเหตุสมผลเสมอ: ราคาหุ้นอาจไม่สะท้อนพื้นฐาน โดยเฉพาะในช่วงเก็งกำไรรุนแรง ซึ่งนักลงทุนไทยควรนำไปปรับใช้กับตลาด SET
จะระบุสัญญาณ Short Squeeze ได้อย่างไร? (สำหรับนักลงทุนไทย)
การคาดเดา Short Squeeze ล่วงหน้าไม่ง่าย แต่มีตัวชี้วัดและเครื่องมือที่นักลงทุนไทยนำมาใช้ประเมินโอกาสได้ โดยเฉพาะในตลาด SET ที่ข้อมูลเข้าถึงได้สะดวก:
-
อัตราส่วน Short Interest (จากข้อมูล Short Sale ในไทย):
ตรวจสอบข้อมูล Short Selling ได้จาก เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในส่วน “ข้อมูลการซื้อขาย” แล้วเลือก “ข้อมูล Short Sale” ซึ่งแสดงปริมาณและมูลค่าขายชอร์ตรายวัน รวมถึงข้อมูลสะสม ถ้าปริมาณ Short Sale ในหุ้นตัวใดสะสมสูงและเพิ่มต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปริมาณซื้อขายปกติ อาจเป็นสัญญาณ Short Interest สูง ในไทย ข้อมูลนี้ช่วยให้รายย่อยติดตามได้โดยไม่ต้องพึ่งแหล่งต่างประเทศ -
ปริมาณซื้อขายที่ผิดปกติ:
ถ้าราคาหุ้นเริ่มขึ้นพร้อม volume ที่พุ่งสูงกว่าปกติ อาจบ่งชี้แรงซื้อเข้มข้น รวมถึงการซื้อคืนจากผู้ขายชอร์ต ให้ดูการเพิ่มขึ้นของ volume ที่เหนือค่าเฉลี่ยย้อนหลัง เพื่อจับจังหวะได้ทัน -
การวิเคราะห์ทางเทคนิค:
มองหาลวดลายกราฟที่บอกถึงการพลิกจากลงเป็นขึ้น เช่น แท่งเทียนกลับตัว รูปแบบ breakout ผ่านแนวต้าน หรือ higher low พร้อม volume สูง ซึ่งในตลาดไทย นักลงทุนมักใช้เครื่องมืออย่าง TradingView เพื่อวิเคราะห์ -
ข่าวสารและ sentiment ตลาด:
ติดตามข่าวบริษัทใกล้ชิด ถ้ามีปัจจัยบวกกะทันหันหรือรายย่อยเริ่มพูดถึงในโซเชียลมีเดีย อาจจุดชนวน Short Squeeze การประเมิน sentiment โดยรวมก็ช่วยเสริมการตัดสินใจ ในไทย ชุมชนออนไลน์อย่าง Pantip หรือกลุ่ม Facebook อาจเป็นแหล่งข้อมูลเบื้องต้น
การนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้ในตลาดหุ้นไทยต้องระมัดระวังและพิจารณาหลายมุม เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความผิดพลาด
กลยุทธ์การเทรดและบริหารความเสี่ยงเมื่อเกิด Short Squeeze (สำหรับนักลงทุนไทย)
Short Squeeze นำโอกาสกำไรยักษ์มาให้ แต่ความเสี่ยงก็สูงไม่แพ้กัน นักลงทุนไทยจึงควรมีแผนชัดเจนและจัดการความเสี่ยงให้ดี เพื่อไม่ให้พลาดหรือเสียหายหนัก:
สำหรับผู้ถือหุ้น (Long Position):
- วิเคราะห์สถานการณ์: ถ้าหุ้นที่ถือมีสัญญาณ Short Squeeze และราคาพุ่ง ให้ประเมินว่านี่คือกำไรระยะสั้นหรือมีพื้นฐานยั่งยืน
- จังหวะขายทำกำไร: ราคาที่ขึ้นแรงอาจเป็นเวลาดีที่จะขายบางส่วนหรือทั้งหมด แต่ต้องระวังการไล่ราคา และเตรียมรับการย่อตัวที่อาจมาเร็ว
สำหรับผู้อยากเข้าซื้อช่วง Short Squeeze:
- หลีกเลี่ยงการไล่ราคา: หุ้นในช่วงนี้ผันผวนมาก การซื้อตอนราคากำลังทะยานอาจทำให้ติดดอยได้ง่าย
- ตั้ง Stop Loss ชัดเจน: นี่คือกุญแจสำคัญในการป้องกันทุน ถ้าราคาไม่เป็นดังหวัง Stop Loss จะช่วยตัดขาดทุน
- ศึกษาละเอียด: อย่าตามกระแส ต้องดูพื้นฐานบริษัทและ Short Interest ให้ดี โดยเฉพาะใน SET ที่กฎเข้มงวด
สำหรับผู้ขายชอร์ต:
- จัดการความเสี่ยงเข้มงวด: ขายชอร์ตเสี่ยงขาดทุนไม่จำกัด ต้องตั้ง Stop Loss และเฝ้าติดตามใกล้ชิด
- ปิดตำแหน่งเมื่อสัญญาณเปลี่ยน: ถ้าราคาขึ้นและมีสัญญาณ Short Squeeze ให้ปิดทันที อย่าฝืนตลาด
- รู้กฎ ก.ล.ต. และ SET: ในไทย การขายชอร์ตมีกฎ嚴格จาก ก.ล.ต. และ SET เช่น หุ้นที่ทำได้ หลักประกัน และข้อจำกัดอื่นๆ นักลงทุนต้องศึกษาปฏิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
ความแตกต่างระหว่าง Short Squeeze และ Gamma Squeeze
ทั้ง Short Squeeze และ Gamma Squeeze ทำให้ราคาหุ้นพุ่งแรง แต่เกิดจากสาเหตุและกลไกต่างกัน:
- Short Squeeze: มาจากผู้ขายชอร์ตถูกบีบให้ซื้อหุ้นคืนเมื่อราคาพุ่ง โดยหลักจาก Short Interest สูงและแรงซื้อที่ดันราคา
- Gamma Squeeze: เกี่ยวข้องกับตลาดออปชั่น เมื่อราคาหุ้นอ้างอิงขึ้น Market Maker ที่ขาย Call Options ต้องซื้อหุ้นเพื่อ hedging ยิ่งราคาขึ้น พวกเขายิ่งซื้อเพิ่ม สร้างวงจรราคาพุ่ง โดยเฉพาะเมื่อ Call Options ใกล้ in-the-money หรือหมดอายุ
จุดต่างหลัก: Short Squeeze ตรงกับการซื้อคืนจากขายชอร์ต ส่วน Gamma Squeeze มาจาก hedging ในออปชั่น ในไทย มี SET50 Index Options ที่อาจเกิด Gamma Squeeze ในดัชชี้ แต่สำหรับหุ้นตัวเดียว อาจไม่บ่อยเพราะตลาดออปชั่นหุ้นยังไม่ซับซ้อนเท่าสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลักแรงซื้อที่ถูกบังคับยังคงคล้ายกัน นักลงทุนไทยควรเข้าใจเพื่อไม่สับสน
สรุป: Short Squeeze บทเรียนสำหรับนักลงทุน
Short Squeeze สะท้อนความซับซ้อนและการเคลื่อนไหวรวดเร็วของตลาดหุ้น ซึ่งอาจนำมาซึ่งความผันผวนรุนแรง การรู้จักกลไก สาเหตุ และสัญญาณของมันจึงสำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในไทยที่ต้องรับมือข้อมูลหลากหลาย การศึกษาอย่างละเอียด การจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม และวินัยในการลงทุน จะช่วยให้คุณรับมือ Short Squeeze ได้อย่างมีสติ ไม่ว่าจะฉวยโอกาสกำไรหรือป้องกันตัวจากความสูญเสีย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Short Squeeze (FAQ)
Short Squeeze ต่างจากการปั่นหุ้นอย่างไรในบริบทตลาดหุ้นไทย?
Short Squeeze เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากกลไกของตลาดเมื่อผู้ขายชอร์ตถูกบีบให้ซื้อหุ้นคืน โดยมักมีปัจจัยกระตุ้นจากข่าวดีหรือแรงซื้อที่เข้ามาจำนวนมาก ส่วนการปั่นหุ้นคือการกระทำโดยเจตนาของกลุ่มบุคคลเพื่อสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติเพื่อหลอกล่อนักลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายและมีบทลงโทษตามกฎหมายของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นไทยจะหาข้อมูล Short Interest ได้จากที่ไหน?
นักลงทุนรายย่อยสามารถหาข้อมูล Short Sale ในตลาดหุ้นไทยได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหัวข้อ “ข้อมูล Short Sale” ซึ่งจะแสดงข้อมูลปริมาณและมูลค่าการขายชอร์ตรายวัน รวมถึงข้อมูลสรุปย้อนหลัง อย่างไรก็ตาม ข้อมูล Short Interest ที่เป็นอัตราส่วนสะสมอาจต้องพึ่งพาข้อมูลจากโบรกเกอร์หรือแหล่งข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ
หากฉันถือหุ้นที่กำลังเกิด Short Squeeze ควรทำอย่างไรดี?
หากคุณถือหุ้นที่กำลังเกิด Short Squeeze และราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนของคุณ หากเป็นการลงทุนระยะยาว อาจถือต่อไปหากปัจจัยพื้นฐานยังดี แต่หากเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น นี่อาจเป็นโอกาสในการขายทำกำไรบางส่วนหรือทั้งหมด ควรตั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนเพื่อบริหารความเสี่ยง
มีเครื่องมือหรือตัวชี้วัดใดบ้างที่ช่วยระบุหุ้นที่มีโอกาสเกิด Short Squeeze ใน SET?
เครื่องมือที่ช่วยระบุโอกาส Short Squeeze ใน SET ได้แก่:
- ข้อมูล Short Sale จาก SET: สังเกตปริมาณ Short Sale ที่สูงผิดปกติ
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การเพิ่มขึ้นของ Volume ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: รูปแบบกราฟที่บ่งชี้การกลับตัวของราคา
- ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน: การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของบริษัทที่ถูก Short Sale สูง
การทำ Short Selling ในตลาดหุ้นไทยมีกฎระเบียบหรือข้อจำกัดอะไรบ้าง?
การทำ Short Selling ในตลาดหุ้นไทยมีข้อจำกัดและกฎระเบียบที่เข้มงวดจาก ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น หุ้นที่สามารถทำ Short Selling ได้ต้องเป็นหุ้นใน SET100 หรือมีคุณสมบัติตามที่กำหนด และต้องทำผ่านบัญชี Cash Balance หรือ Credit Balance ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหลักเกณฑ์เรื่องการวางหลักประกัน และการทำ Short Selling ต้องทำในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายสุดท้าย (Uptick Rule) เพื่อป้องกันการกดราคา
Short Squeeze เคยเกิดขึ้นกับหุ้นไทยที่มีชื่อเสียงบ้างหรือไม่? (แม้จะไม่มีข่าวใหญ่เท่า GameStop)
แม้จะไม่มีเหตุการณ์ Short Squeeze ที่โด่งดังและมีผลกระทบรุนแรงเท่า GameStop ในตลาดหุ้นไทย แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่เคยประสบกับภาวะราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วคล้าย Short Squeeze ในอดีต ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยเฉพาะของบริษัท, การเก็งกำไร, หรือการรวมตัวกันของแรงซื้อที่เหนือกว่าแรงขายชอร์ต อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้มักมีขนาดและผลกระทบที่จำกัดกว่า
หากฉันเป็นผู้ขายชอร์ต ควรบริหารความเสี่ยงอย่างไรเมื่อราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว?
สำหรับผู้ขายชอร์ต การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ชัดเจนและทำตามวินัยอย่างเคร่งครัด หากราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและผิดปกติ ควรพิจารณาปิดสถานะ Short Selling เพื่อจำกัดการขาดทุนทันที และหลีกเลี่ยงการเพิ่มสถานะ Short เมื่อราคาหุ้นกำลังพุ่งขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน Short Squeeze ที่รุนแรงเกินไปหรือไม่?
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ก.ล.ต. มีมาตรการกำกับดูแลการทำ Short Selling เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด เช่น การกำหนดหลักทรัพย์ที่สามารถทำ Short Selling ได้, การกำหนด Uptick Rule และการเรียกหลักประกัน เพื่อป้องกันการใช้ Short Selling ในทางที่ผิดหรือการสร้างความผันผวนที่รุนแรงเกินไป มาตรการเหล่านี้มุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างการเปิดโอกาสให้เกิดกลไกตลาดกับการป้องกันความเสียหายรุนแรง
Short Squeeze และ Gamma Squeeze แตกต่างกันอย่างไร และเกี่ยวข้องกับตลาด Options ในไทยหรือไม่?
Short Squeeze เกิดจากการบีบให้ผู้ขายชอร์ตซื้อหุ้นคืน ส่วน Gamma Squeeze เกิดจากการที่ Market Maker ในตลาด Options ต้องซื้อหุ้นอ้างอิงเพื่อ Hedging Risk เนื่องจากราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวขึ้น ในตลาดไทยมี SET50 Index Options ซึ่งอาจเกิด Gamma Squeeze ได้ในส่วนของดัชนี แต่การเกิด Gamma Squeeze ในหุ้นรายตัวอาจไม่พบเห็นบ่อยนัก เนื่องจากตลาด Options สำหรับหุ้นรายตัวยังไม่พัฒนาเท่าตลาดต่างประเทศ
การตัดสินใจลงทุนในช่วง Short Squeeze มีข้อควรระวังอะไรบ้างสำหรับนักลงทุนไทย?
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนไทยในช่วง Short Squeeze ได้แก่:
- ระมัดระวังการไล่ราคา เพราะราคาอาจปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
- ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด
- อย่าลงทุนตามข่าวลือหรือกระแสโดยไม่ศึกษาข้อมูล
- พิจารณาสภาพคล่องของหุ้น หากสภาพคล่องต่ำอาจมีความเสี่ยงสูง
- ทำความเข้าใจกฎระเบียบของ ก.ล.ต. และ SET ที่เกี่ยวข้อง