หุ้นสามัญคืออะไร? 5 สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุน

บทนำ: ทำไมต้องรู้จัก “หุ้นสามัญ” ในโลกการลงทุนไทย?

โลกการลงทุนในปัจจุบันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้การเข้าใจพื้นฐานสำคัญกลายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นในตลาดหุ้นไทย หุ้นสามัญถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ทุกคนควรทำความรู้จักให้ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่คำนิยามพื้นๆ แต่รวมถึงสิทธิประโยชน์ หน้าที่ และผลกระทบที่อาจเกิดต่อพอร์ตการลงทุนของคุณ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกแง่มุมของหุ้นสามัญ ตั้งแต่หลักการเบื้องต้นไปจนถึงมุมมองเชิงลึกในบริบทของตลาดทุนไทย พร้อมเคล็ดลับปฏิบัติที่ช่วยให้คุณก้าวสู่การลงทุนอย่างมั่นใจและฉลาดยิ่งขึ้น เราจะมาดูกันว่าหุ้นสามัญแตกต่างจากเครื่องมือลงทุนอื่นๆ อย่างไร มีข้อดีและความเสี่ยงอะไรบ้าง และสิ่งที่นักลงทุนไทยจำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ชนิดนี้

Thai investor learning about common stock basics illustration

หุ้นสามัญคืออะไร? นิยามและหลักการพื้นฐาน

หุ้นสามัญ หรือที่รู้จักในชื่อ ordinary share คือหลักทรัพย์ที่แสดงถึงส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียน ผู้ถือหุ้นสามัญจึงกลายเป็นเจ้าของบางส่วนของบริษัทตามสัดส่วนหุ้นที่ถือครอง การเป็นเจ้าของนี้มาพร้อมสิทธิและหน้าที่ที่เป็นหัวใจของตลาดหลักทรัพย์และระบบเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อคุณตัดสินใจซื้อหุ้นสามัญ คุณกำลังวางเดิมพันในอนาคตของบริษัทนั้น โดยหวังว่ามูลค่าธุรกิจจะขยายตัว สะท้อนผ่านราคาหุ้นที่สูงขึ้นหรือส่วนแบ่งกำไรในรูปเงินปันผล หุ้นสามัญยังเป็นเครื่องมือหลักที่บริษัทใช้ระดมทุนจากประชาชน เพื่อนำไปขยายกิจการ ดำเนินธุรกิจ หรือจัดการหนี้สิน

Person holding a stock certificate representing company ownership illustration

### คุณสมบัติสำคัญของหุ้นสามัญ
คุณสมบัติเด่นของหุ้นสามัญทำให้มันแตกต่างจากตราสารหนี้หรือหุ้นบุริมสิทธิ โดยกำหนดบทบาทและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน ลองมาดูรายละเอียดกัน

* **สิทธิออกเสียง (Voting Rights):** ผู้ถือหุ้นสามัญสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจสำคัญผ่านการลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เช่น การเลือกคณะกรรมการบริษัท อนุมัติงบการเงิน การปรับโครงสร้างบริษัท หรือการควบรวมกิจการ โดยปกติแล้ว หุ้นหนึ่งหน่วยจะมีสิทธิลงคะแนนหนึ่งเสียง ทำให้คุณมีอิทธิพลทางอ้อมต่อการกำหนดทิศทางธุรกิจ แม้จะถือหุ้นในสัดส่วนน้อยก็ตาม
* **สิทธิในการได้รับเงินปันผล (Dividend Rights):** ถ้าบริษัททำกำไรและคณะกรรมการเห็นชอบที่จะแจกจ่าย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้ส่วนแบ่งจากกำไรนั้น แต่การจ่ายปันผลไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำเสมอไป และมักเกิดขึ้นหลังจากจ่ายให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและเคลียร์หนี้สินอื่นๆ แล้ว ดังนั้น รายได้จากส่วนนี้จึงขึ้นอยู่กับสุขภาพธุรกิจและนโยบายของบริษัทเป็นหลัก
* **สิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ (Residual Claim):** หากบริษัทต้องปิดกิจการหรือล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้สิทธิในทรัพย์สินที่เหลือหลังจากชำระหนี้ทั้งหมดและคืนทุนให้หุ้นบุริมสิทธิแล้ว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงแต่ก็เปิดโอกาสให้ผลตอบแทนสูงหากบริษัทเติบโตและมูลค่าทรัพย์สินพุ่งขึ้น

หุ้นสามัญ VS หุ้นบุริมสิทธิ: เลือกแบบไหนดีสำหรับคุณ?

เพื่อการตัดสินใจลงทุนที่ตรงจุด การรู้จักความแตกต่างระหว่างหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิเป็นเรื่องจำเป็น ทั้งสองประเภทนี้ล้วนแสดงถึงความเป็นเจ้าของในบริษัท แต่สิทธิและลักษณะที่ตามมาก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Three icons representing voting dividends and assets for common stock illustration

### ความแตกต่างที่ชัดเจน
| คุณสมบัติ | หุ้นสามัญ (Common Stock) | หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) |
| :——– | :———————- | :——————————- |
| **สิทธิออกเสียง** | มีสิทธิลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น | มักไม่มีสิทธิลงคะแนน (เว้นแต่กรณีพิเศษ) |
| **การได้รับเงินปันผล** | ได้รับปันผลตามผลกำไรที่บริษัทประกาศ ไม่คงที่ | ได้รับปันผลอัตราคงที่และจ่ายก่อนหุ้นสามัญ |
| **ลำดับการได้รับชำระ** | ได้รับจากทรัพย์สินเป็นลำดับสุดท้ายหากบริษัทเลิกกิจการ | ได้รับจากทรัพย์สินก่อนหุ้นสามัญหากบริษัทเลิกกิจการ |
| **ศักยภาพการเติบโต** | มีโอกาสผลตอบแทนสูงจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นและปันผล | ผลตอบแทนหลักจากปันผลคงที่ ราคาหุ้นไม่ผันผวนมาก |

### ข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภท
* **หุ้นสามัญ:**
* **ข้อดี:** เปิดโอกาสให้ราคาหุ้นเติบโตสูง มีสิทธิมีส่วนร่วมในการบริหาร และปันผลที่อาจเพิ่มตามผลประกอบการที่ดี
* **ข้อเสีย:** เสี่ยงมากกว่าเพราะราคาแกว่งตัวง่าย และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้ชำระคืนหากบริษัทล้ม
* **หุ้นบุริมสิทธิ:**
* **ข้อดี:** ปันผลคงที่และจ่ายก่อน สร้างความมั่นคงมากกว่า และลำดับชำระคืนดีกว่า
* **ข้อเสีย:** ไม่มีสิทธิลงคะแนน และโอกาสราคาเติบโตน้อยกว่าหุ้นสามัญ

สำหรับนักลงทุนในไทย การเลือกหุ้นสามัญหรือบุริมสิทธิควรยึดตามเป้าหมายส่วนตัวและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ถ้าคุณอยากมีบทบาทในกิจการและหวังผลตอบแทนจากความเติบโต หุ้นสามัญน่าจะเหมาะ แต่ถ้าต้องการรายได้สม่ำเสมอและความปลอดภัย หุ้นบุริมสิทธิอาจดีกว่า โดยพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อาจผันผวนจากปัจจัยภายในและภายนอก

ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นสามัญ

การถือหุ้นสามัญเป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งที่น่าดึงดูด แต่ต้องชั่งน้ำหนักทั้งโอกาสและอุปสรรคให้ดี เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีสติ

### ศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนสูง
เหตุผลหลักที่ดึงดูดนักลงทุนคือโอกาสในการเพิ่มมูลค่าเงินทุน เมื่อบริษัทขยายตัวและทำผลงานได้ดี ราคาหุ้นมักปรับตัวสูงขึ้น สร้างกำไรจากส่วนต่างราคา นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้ปันผลจากกำไรที่บริษัทแบ่งปัน โดยเฉพาะในบริษัทใหญ่ที่มีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมสูงกว่าการฝากเงินหรือลงทุนตราสารหนี้ที่ปลอดภัยกว่า เช่น ในตลาดไทยที่บริษัทเทคโนโลยีหรือการผลิตเติบโตเร็ว หุ้นสามัญเหล่านี้สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจในระยะยาว

### ความผันผวนของราคาและตลาด
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นสามัญมักแกว่งตัวมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในอย่างผลประกอบการหรือข่าวบริษัท และปัจจัยภายนอกเช่นเศรษฐกิจโลก นโยบายรัฐบาล หรืออัตราดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยที่เชื่อมโยงกับภูมิภาคเอเชียจึงอ่อนไหวต่อข่าวสารและ sentiment ของนักลงทุน ซึ่งอาจทำให้ราคาพุ่งหรือร่วงฉับพลัน ส่งผลให้เกิดความสูญเสียหากต้องขายในจังหวะที่ไม่ดี โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

### ความเสี่ยงจากการล้มละลายของบริษัท
ความเสี่ยงรุนแรงที่สุดคือกรณีบริษัทล้มละลาย ที่ผู้ถือหุ้นสามัญได้สิทธิในทรัพย์สินสุดท้าย หากไม่พอชำระหนี้ พวกเขาอาจสูญเงินทั้งหมด ดังนั้น การตรวจสอบงบการเงินและความแข็งแกร่งของบริษัทก่อนลงทุนจึงขาดไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีหนี้สินสูงหรือธุรกิจเสี่ยง

หุ้นสามัญในบริบทตลาดทุนไทย: สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้

ในตลาดไทย การลงทุนหุ้นสามัญมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ หากเข้าใจบริบทเหล่านี้ให้ดี

### บทบาทของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ก.ล.ต. (SEC Thailand)
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางซื้อขายหลักทรัพย์ ช่วยบริษัทระดมทุนและเปิดโอกาสให้ประชาชนลงทุน SET ยังกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อความโปร่งใสและยุติธรรม ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ดูแลภาพรวมตลาดทั้งหมด รวมถึงการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องนักลงทุน การรู้จักบทบาทของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สำนักงาน ก.ล.ต. จะเพิ่มความมั่นใจในระบบที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีช่วยให้การซื้อขายรวดเร็วขึ้น

### การเลือกโบรกเกอร์และบัญชีซื้อขายหุ้น
เริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. มีโบรกเกอร์หลายรายในไทย ให้เลือกลองพิจารณาค่าคอมมิชชั่น บริการ เครื่องมือวิเคราะห์ และแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย เช่น SET Trade หรือแพลตฟอร์มเฉพาะของแต่ละโบรกเกอร์ การเลือกที่เหมาะสมจะทำให้การติดตามและซื้อขายสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการข้อมูลเรียลไทม์

### ภาษีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสามัญในประเทศไทย
เรื่องภาษีเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้สำหรับนักลงทุนไทย โดยหลักๆ มีสองประการ:
* **ภาษีเงินปันผล:** ปันผลจากหุ้นสามัญถูกหักภาษี 10% ณ ที่จ่าย คุณสามารถเลือกไม่นำไปรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนำไปรวมเพื่อขอเครดิตภาษี ซึ่งขึ้นกับอัตราภาษีส่วนตัวของคุณ
* **ภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains Tax):** กำไรจากการขายหุ้นใน SET ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา แต่ถ้าเป็นหุ้นนอกตลาดหรือไม่จดทะเบียน อาจต้องเสียภาษีต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาที่ปรึกษาภาษีเพื่อความชัดเจน

เริ่มต้นลงทุนหุ้นสามัญสำหรับมือใหม่ในประเทศไทย

หากคุณเป็นมือใหม่ที่อยากลองลงทุนหุ้นสามัญในตลาดไทย ขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ โดยเน้นการเตรียมตัวให้พร้อม

### ขั้นตอนการเปิดบัญชี
1. **เลือกบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์):** สำรวจและเปรียบเทียบโบรกเกอร์ในไทย จากมุมมองค่าธรรมเนียม ความน่าเชื่อถือ บริการ และเครื่องมือที่ให้
2. **เตรียมเอกสาร:** หลักๆ คือสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารรายได้
3. **กรอกใบสมัคร:** ทำได้ทั้งออนไลน์หรือไปสาขา
4. **รออนุมัติ:** เมื่อเอกสารผ่านตรวจสอบ คุณจะได้บัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน
5. **ฝากเงินเข้าบัญชี:** โอนเงินจากบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยง

### การวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้น
ก่อนซื้อ ควรวิเคราะห์ข้อมูลให้ครบถ้วน:
* **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** ดูงบการเงิน ผลประกอบการ อัตราส่วนสำคัญอย่าง P/E, P/BV, Dividend Yield รวมถึงอุตสาหกรรมและแนวโน้มธุรกิจ เช่น บริษัทในภาคการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวหลังโควิด
* **การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis):** ศึกษากราฟราคา ปริมาณซื้อขาย และตัวชี้วัด เพื่อทำนายทิศทางราคา

### การจัดพอร์ตลงทุนและการบริหารความเสี่ยง
* **การกระจายความเสี่ยง (Diversification):** แบ่งเงินไปหาหุ้นหลายตัวหรือหลายอุตสาหกรรม เพื่อลดผลกระทบจากหุ้นตัวเดียว
* **กำหนดเป้าหมายการลงทุน:** ตั้งเป้าหมายระยะเวลาและผลตอบแทนที่สมจริง
* **กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss):** จัดการขีดจำกัดการขาดทุนเพื่อป้องกันความเสียหายใหญ่
* **ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ:** เลือกบริษัทที่คุณคุ้นเคยกับธุรกิจ
* **ศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง:** ติดตามข่าวสารและพัฒนาทักษะ เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงตลอด

บทสรุป: ก้าวสู่การเป็นนักลงทุนหุ้นสามัญที่ชาญฉลาด

หุ้นสามัญเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความมั่งคั่ง หากจัดการความเสี่ยงได้ดี การเข้าใจนิยาม คุณสมบัติ สิทธิ และความต่างจากหุ้นอื่นๆ คือจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง ในตลาดไทย ต้องรู้กฎระเบียบ ภาษี และวิธีปฏิบัติเฉพาะประเทศ การเลือกโบรกเกอร์ดีๆ วิเคราะห์หุ้นรอบด้าน และบริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ จะนำพาคุณสู่ความสำเร็จ

จำไว้ว่าการลงทุนคือการเดินทางที่ต้องเรียนรู้ตลอด ไม่มีทางลัด การอัพเดทความรู้ ติดตามข่าว และฝึกวิเคราะห์ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ฉลาดและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นไทย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ้นสามัญ (FAQ)

1. หุ้นสามัญคืออะไร และมีกี่ประเภทหลักๆ ในตลาดหุ้นไทย?

หุ้นสามัญคือตราสารที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในบริษัทจดทะเบียน ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงและมีโอกาสได้รับเงินปันผล แต่เป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับชำระคืนในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ในตลาดหุ้นไทย หุ้นสามัญโดยทั่วไปไม่มีการแบ่งประเภทหลักๆ เป็นพิเศษ แต่เราสามารถแบ่งกลุ่มตามลักษณะธุรกิจ หรือขนาดของบริษัท (เช่น หุ้นขนาดใหญ่, หุ้นขนาดกลาง, หุ้นขนาดเล็ก) หรือตามหมวดหมู่ของตลาด (เช่น SET, MAI) ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีคุณสมบัติและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

2. ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิคืออะไรบ้าง?

ความแตกต่างหลักๆ คือ:

  • สิทธิออกเสียง: หุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียง หุ้นบุริมสิทธิโดยทั่วไปไม่มี
  • เงินปันผล: หุ้นบุริมสิทธิได้รับเงินปันผลคงที่และได้รับก่อนหุ้นสามัญ ส่วนหุ้นสามัญได้รับเงินปันผลแบบไม่คงที่และได้รับหลังจากหุ้นบุริมสิทธิ
  • ลำดับการได้รับชำระคืน: ในกรณีบริษัทล้มละลาย หุ้นบุริมสิทธิได้รับชำระคืนก่อนหุ้นสามัญ
  • ศักยภาพการเติบโต: หุ้นสามัญมีศักยภาพการเติบโตของราคาหุ้นสูงกว่าหุ้นบุริมสิทธิ

3. ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิอะไรบ้าง และสิทธิออกเสียงมีความสำคัญอย่างไร?

ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิหลักๆ ได้แก่ สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการได้รับเงินปันผล (หากบริษัทประกาศจ่าย) และสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ที่เหลืออยู่เมื่อบริษัทเลิกกิจการ สิทธิออกเสียงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะทำให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของบริษัท เช่น การเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัท การอนุมัตินโยบายหลัก และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัท ซึ่งส่งผลต่อทิศทางและอนาคตของกิจการ

4. การลงทุนในหุ้นสามัญมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในไทย?

ข้อดี: มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูงจากการเติบโตของราคาหุ้นและเงินปันผล ช่วยให้เงินลงทุนเติบโตได้เร็วกว่าสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ

ข้อเสีย: มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของราคาหุ้นและตลาด รวมถึงความเสี่ยงที่อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหากบริษัทล้มละลาย นักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

5. ฉันจะเริ่มต้นซื้อหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อย่างไร?

คุณสามารถเริ่มต้นได้โดย:

  1. เลือกบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่คุณต้องการเปิดบัญชี
  2. เตรียมเอกสารประกอบการสมัคร เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารแสดงรายได้
  3. กรอกใบสมัครและยื่นเอกสารให้กับโบรกเกอร์ (สามารถทำออนไลน์ได้)
  4. รอการอนุมัติบัญชี
  5. เมื่อบัญชีได้รับการอนุมัติ ให้ฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของคุณ
  6. จากนั้นคุณก็สามารถเริ่มส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ได้

6. เงินปันผลจากหุ้นสามัญต้องเสียภาษีในประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร?

เงินปันผลจากหุ้นสามัญที่ได้รับในประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 คุณสามารถเลือกที่จะไม่นำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนสิ้นปี หรือจะนำไปรวมคำนวณเพื่อขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีในบางกรณี ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคุณ

7. หุ้นสามัญเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวมากกว่ากัน?

หุ้นสามัญเหมาะกับการลงทุนระยะยาวมากกว่า เนื่องจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูง การลงทุนระยะยาวช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทและผลตอบแทนทบต้นจากเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายก็ใช้หุ้นสามัญในการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาดสูง

8. ควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทไทย?

คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • พื้นฐานของบริษัท: ผลประกอบการ งบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน
  • อุตสาหกรรมและแนวโน้ม: ศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรม
  • ผู้บริหาร: ความสามารถและวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหาร
  • การประเมินมูลค่า: ราคาหุ้นเหมาะสมกับมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทหรือไม่
  • ความเสี่ยง: ความเสี่ยงเฉพาะของบริษัทและปัจจัยภายนอก

9. มีเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันใดบ้างที่ช่วยในการติดตามและซื้อขายหุ้นสามัญในไทย?

นักลงทุนในไทยนิยมใช้แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น:

  • SET Trade / Streaming App: เป็นแอปพลิเคชันมาตรฐานที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อขายหุ้น
  • แอปพลิเคชันของโบรกเกอร์แต่ละราย: โบรกเกอร์หลายแห่งมีแอปพลิเคชันของตนเองพร้อมฟังก์ชันการวิเคราะห์และข้อมูลเพิ่มเติม
  • เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET): สำหรับข้อมูลพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน ข่าวสาร และบทวิเคราะห์
  • โปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิค: เช่น eFinanceThai, Aspen

10. ถ้าบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินคืนเป็นอันดับแรกหรือไม่?

ไม่ ผู้ถือหุ้นสามัญจะไม่ได้รับเงินคืนเป็นอันดับแรก ในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับชำระคืนจากสินทรัพย์ของบริษัทเป็นลำดับสุดท้าย หลังจากที่บริษัทได้ชำระหนี้สินทั้งหมดแก่เจ้าหนี้ และจ่ายคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเลย

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *