บทนำ: ทำไม Cash Ratio จึงสำคัญต่อธุรกิจไทย?
ในยุคที่โลกธุรกิจหมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว สภาพคล่องทางการเงินที่มั่นคงคือปัจจัยหลักที่ช่วยให้บริษัทอยู่รอดและขยายตัวได้ โดยเฉพาะสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย ซึ่งต้องรับมือกับอุปสรรคหลากหลายรูปแบบ อัตราส่วนเงินสด หรือที่รู้จักกันในชื่อ Cash Ratio ถือเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางการเงินที่มีพลังแต่บ่อยครั้งถูกละเลย มันช่วยวัดความสามารถในการจัดการกระแสเงินสดระยะสั้นของธุรกิจได้อย่างชัดเจน บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับความหมาย วิธีคำนวณ การตีความผลลัพธ์ และเหตุผลที่ทำให้อัตราส่วนนี้มีความสำคัญ พร้อมทั้งเสนอแนวทางปฏิบัติที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยสร้างความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว

Cash Ratio คืออะไร? ความหมายและองค์ประกอบ
อัตราส่วนเงินสด หรือ Cash Ratio คือตัวชี้วัดสภาพคล่องที่เน้นกระแสเงินสด โดยประเมินความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้สินระยะสั้นหรือหนี้สินหมุนเวียน โดยอาศัยเฉพาะเงินสดและสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสดที่พร้อมใช้งานทันทีเท่านั้น ตัวชี้วัดนี้เผยให้เห็นว่าธุรกิจมีเงินทุนสำรองมากน้อยเพียงใดสำหรับการเคลียร์หนี้ที่ครบกำหนดในทันที โดยไม่ต้องรอการขายสินค้าคงเหลือหรือเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ ซึ่งต่างจากตัวชี้วัดสภาพคล่องอื่นๆ ที่อาจรวมสินทรัพย์ที่ต้องใช้เวลาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงินสด การทำความเข้าใจอัตราส่วนนี้จึงช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนประเมินความเสี่ยงด้านสภาพคล่องได้อย่างละเอียดและน่าเชื่อถือ
ส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการคำนวณ ได้แก่:
* **เงินสด:** ครอบคลุมเงินในมือและเงินฝากธนาคารที่สามารถถอนใช้ได้ในทันที
* **สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด:** หมายถึงการลงทุนระยะสั้นที่มีความคล่องตัวสูง สามารถแปลงเป็นเงินสดได้รวดเร็วและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตั๋วเงินรัฐบาล พันธบัตรระยะสั้น หรือเงินฝากออมทรัพย์ที่ครบกำหนดไม่เกินสามเดือน
* **หนี้สินหมุนเวียน:** หนี้ที่ต้องชำระภายในหนึ่งปี เช่น หนี้ค้าหนี้ขาย ตั๋วเงินที่ต้องจ่าย หรือเงินกู้ระยะสั้น

สูตรการคำนวณ Cash Ratio และตัวอย่าง
การหาค่า Cash Ratio ทำได้ง่ายๆ โดยใช้ข้อมูลจากงบดุลของบริษัทเป็นพื้นฐาน สูตรพื้นฐานคือ:
Cash Ratio = (เงินสด + สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด) / หนี้สินหมุนเวียน
ลองพิจารณาตัวอย่างจากธุรกิจสมมติในไทย เช่น บริษัท สยามนวัตกรรม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ดังนี้:
* เงินสด: 500,000 บาท
* สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด: 200,000 บาท
* หนี้สินหมุนเวียน: 1,000,000 บาท
การคำนวณจึงเป็นดังนี้:
Cash Ratio = (500,000 บาท + 200,000 บาท) / 1,000,000 บาท Cash Ratio = 700,000 บาท / 1,000,000 บาท Cash Ratio = 0.70
ผลลัพธ์นี้บ่งชี้ว่าบริษัทมีเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดในอัตราส่วน 0.70 บาท ต่อหนี้สินหมุนเวียน 1 บาท ซึ่งช่วยให้เห็นภาพความพร้อมในการชำระหนี้ได้ชัดเจน

การตีความ Cash Ratio: สูงหรือต่ำบอกอะไร?
การวิเคราะห์ค่าของอัตราส่วนเงินสดเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินสุขภาพสภาพคล่องของธุรกิจ โดยระดับที่สูงหรือต่ำเกินไปจะส่งสัญญาณที่แตกต่างกันชัดเจน:
* **ค่าที่สูง (เช่น เกิน 1.00):**
* **ความหมาย:** ธุรกิจมีเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดมากกว่าหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด สะท้อนถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง สามารถจัดการหนี้ระยะสั้นได้โดยไม่สะดุด
* **ประโยชน์:** สร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหนี้และพันธมิตร ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดี
* **จุดที่ต้องระวัง:** อาจแสดงว่าบริษัทเก็บเงินสดไว้มากเกินจำเป็น ซึ่งอาจพลาดโอกาสในการนำเงินไปลงทุนสร้างผลตอบแทน หรือลดประสิทธิภาพการหมุนเวียนทุน
* **ค่าปานกลาง (เช่น 0.50 – 1.00):**
* **ความหมาย:** อยู่ในช่วงที่ยอมรับได้และถือว่าสุขภาพดี ธุรกิจมีเงินสำรองพอที่จะครอบคลุมหนี้สินหมุนเวียนในระดับหนึ่ง
* **ประโยชน์:** บ่งบอกถึงการบริหารเงินสดที่มีสมดุล ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* **จุดที่ต้องระวัง:** ควรติดตามแนวโน้มและปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความแข็งแกร่งนี้ไว้
* **ค่าที่ต่ำ (เช่น ต่ำกว่า 0.50):**
* **ความหมาย:** เงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดไม่พอสำหรับชำระหนี้หมุนเวียนทันทีโดยไม่ต้องพึ่งสินทรัพย์อื่น แสดงถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่สูง
* **ข้อเสีย:** อาจนำไปสู่ปัญหาการชำระหนี้ ต้องรีบขายสินทรัพย์หรือหาเงินกู้เพิ่ม
* **จุดที่ต้องระวัง:** เป็นสัญญาณเตือนที่ผู้บริหารต้องแก้ไขด่วน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ
ต้องเข้าใจว่าค่าเหมาะสมไม่มีสูตรตายตัวสำหรับทุกธุรกิจ เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีลักษณะการทำงานและความต้องการสภาพคล่องที่แตกต่าง เช่น ธุรกิจค้าปลีกที่มีวงจรเงินสดเร็วและสต็อกสินค้ามาก อาจมีค่าต่ำกว่าธุรกิจบริการที่รายได้คาดการณ์ได้และไม่ต้องถือสต็อกจำนวนมาก
เปรียบเทียบ Cash Ratio กับอัตราส่วนสภาพคล่องอื่นๆ
นอกจากอัตราส่วนเงินสดแล้ว ยังมีตัวชี้วัดสภาพคล่องอื่นๆ ที่ช่วยประเมินความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท Liquidity Ratio คือกลุ่มตัวชี้วัดที่ขาดไม่ได้ในการวิเคราะห์สถานะการเงิน โดยเฉพาะ Current Ratio และ Quick Ratio การรู้จักความแตกต่างและจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละตัวจะทำให้การประเมินครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น
อัตราส่วน | สูตรการคำนวณ | สิ่งที่วัด | ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|---|
**Current Ratio (อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน)** | สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน | ความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นโดยรวม โดยรวมสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งหมด | เป็นภาพรวมสภาพคล่องที่กว้างที่สุด | รวมสินค้าคงคลังและลูกหนี้ ซึ่งอาจใช้เวลาในการแปลงเป็นเงินสด |
**Quick Ratio (อัตราส่วนสภาพคล่องเร็ว)** | (เงินสด + รายการเทียบเท่าเงินสด + เงินลงทุนระยะสั้น + ลูกหนี้การค้า) / หนี้สินหมุนเวียน | ความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นโดยไม่รวมสินค้าคงคลัง (สินทรัพย์ที่สภาพคล่องต่ำที่สุดในกลุ่มสินทรัพย์หมุนเวียน) | สะท้อนสภาพคล่องที่แท้จริงได้ดีกว่า Current Ratio เนื่องจากตัดสินค้าคงคลังออก | ยังคงรวมลูกหนี้การค้า ซึ่งอาจใช้เวลาในการเรียกเก็บ |
**Cash Ratio (อัตราส่วนเงินสด)** | (เงินสด + รายการเทียบเท่าเงินสด) / หนี้สินหมุนเวียน | ความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นโดยใช้เพียงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่พร้อมใช้ทันที | เป็นมาตรวัดสภาพคล่องที่เข้มงวดที่สุด สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ที่เร็วที่สุด | อาจต่ำเกินไปสำหรับธุรกิจบางประเภทที่ต้องใช้สินทรัพย์อื่นในการดำเนินงาน หรืออาจสูงเกินไปจนบ่งชี้ถึงการใช้เงินทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ |
ในการวิเคราะห์การเงินในไทย การนำสามตัวชี้วัดนี้มาพิจารณาร่วมกันจะให้ภาพรวมที่ชัดเจนที่สุด Current Ratio ให้มุมมองกว้าง Quick Ratio เพิ่มความละเอียดโดยตัดสต็อกออก และ Cash Ratio โฟกัสที่ความพร้อมทันที นักลงทุนและผู้บริหารควรเปรียบเทียบค่ากับมาตรฐานอุตสาหกรรมและประวัติศาสตร์ของบริษัท เพื่อสรุปผลที่รอบด้าน
กลยุทธ์การปรับปรุง Cash Ratio สำหรับธุรกิจไทย
สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยที่อยากเสริมหรือรักษาอัตราส่วนเงินสดให้แข็งแกร่ง การดูแลกระแสเงินสดอย่างชาญฉลาดคือกุญแจสำคัญ นี่คือแนวทางปฏิบัติที่นำไปใช้ได้จริง:
1. **จัดการลูกหนี้การค้าอย่างมีประสิทธิภาพ:**
* วางเงื่อนไขชำระเงินที่ชัดเจนและเข้มงวด
* ติดตามและเร่งรัดการเก็บเงินอย่างต่อเนื่อง
* ลองเสนอส่วนลดสำหรับการชำระล่วงหน้า หรือใช้บริการรับซื้อหนี้เพื่อเปลี่ยนลูกหนี้เป็นเงินสดเร็วขึ้น
2. **ควบคุมสต็อกสินค้า:**
* นำระบบ Just-in-Time หรือการจัดการแบบ Lean มาใช้ เพื่อลดปริมาณสินค้าที่นอนนิ่ง
* วิเคราะห์ความต้องการสินค้าอย่างแม่นยำ ป้องกันการสต็อกเกินจำเป็น ซึ่งช่วยปล่อยเงินทุนให้หมุนเวียนได้ดีกว่า
3. **เจรจากับเจ้าหนี้:**
* พยายามขอลดระยะเวลาชำระหรือขยายกำหนดกับซัพพลายเออร์ โดยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้
* ระยะชำระที่ยาวขึ้นจะช่วยให้เงินสดอยู่ในมือนานกว่า สนับสนุนสภาพคล่อง
4. **กำหนดนโยบายเงินสดสำรอง:**
* ตั้งเป้าหมายเงินสำรองที่เหมาะกับขนาดธุรกิจและระดับความเสี่ยง
* ลงทุนส่วนหนึ่งในสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดที่ให้ผลตอบแทนเล็กน้อยแต่ยังคล่องตัว
5. **เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน:**
* ตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือบริการ
* การลดต้นทุนจะช่วยเพิ่มกำไรและกระแสเงินสดเข้าธุรกิจมากขึ้น
6. **สำรวจแหล่งเงินทุนทางเลือก:**
* ถ้าจำเป็น ลองกู้ระยะสั้นจากธนาคารหรือแหล่งอื่นเพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราว แต่ต้องวางแผนไม่ให้หนี้พอกพูน
* ธนาคารกสิกรไทย มีบทความและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการบริหารจัดการกระแสเงินสดสำหรับ SME
การดูแลกระแสเงินสดอย่างมีระบบจะช่วยรักษาอัตราส่วนเงินสดให้แข็งแกร่ง นำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินระยะยาวสำหรับธุรกิจไทย
Cash Ratio กับการตัดสินใจทางการเงินและการลงทุนในตลาดไทย
อัตราส่วนเงินสดไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตรวจสอบภายใน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจทางการเงินและการลงทุน โดยเฉพาะในบริบทของตลาดไทย
* **การขอสินเชื่อจากธนาคาร:** สถาบันการเงินไทย เช่น ธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารกสิกรไทย มักนำอัตราส่วนนี้มาพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ บริษัทที่มีค่าดีจะแสดงถึงความน่าเชื่อถือในการชำระคืน ส่งผลให้ได้เงื่อนไขสินเชื่อที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
* **ความเชื่อมั่นจากซัพพลายเออร์และพันธมิตร:** ธุรกิจที่มีสภาพคล่องเงินสดดีจะได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงค้าที่ดีกว่า เช่น กำหนดชำระที่ยืดหยุ่น
* **การประเมินจากนักลงทุน:** นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มองหาโอกาสในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะใช้ค่าอัตราส่วนนี้เพื่อวัดความมั่นคง บริษัทที่มีค่าดีมักถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่ำและรับมือเศรษฐกิจผันผวนได้ดี
* ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ให้ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์อัตราส่วนสภาพคล่อง ซึ่งรวมถึง Cash Ratio สำหรับนักลงทุน
* **การวิเคราะห์แบบบูรณาการ:** แม้จะสำคัญ แต่ควรนำอัตราส่วนนี้มาพิจารณาร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อภาพรวมที่สมบูรณ์ เช่น Solvency Ratio สำหรับหนี้ระยะยาว Leverage Ratio สำหรับระดับหนี้ และ Operating Cash Flow Ratio สำหรับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมองแบบองค์รวมจะช่วยให้นักลงทุนและผู้บริหารเข้าใจสถานะการเงินได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้ Cash Ratio
ถึงแม้อัตราส่วนเงินสดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อจำกัดและจุดที่ต้องระวัง เพื่อป้องกันการตีความผิดพลาด:
1. **เป็นภาพถ่าย ณ ขณะหนึ่ง:** ค่านี้สะท้อนสถานะเงินสดและหนี้ ณ วันที่ทำงบดุลเท่านั้น ไม่ครอบคลุมการไหลเข้าออกของเงินสดตลอดช่วงเวลา ซึ่งอาจผันผวนได้รวดเร็ว
2. **ไม่คำนึงถึงอนาคต:** ไม่รวมรายรับหรือรายจ่ายที่คาดการณ์ ซึ่งอาจกระทบสภาพคล่องจริงๆ อย่างมีนัยสำคัญ
3. **อาจไม่แสดงประสิทธิภาพการใช้ทุน:** ค่าสูงเกินอาจบ่งชี้ว่าธุรกิจไม่ได้นำเงินไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด หรือบริหารทุนไม่คุ้มค่า
4. **แตกต่างตามอุตสาหกรรม:** ค่าเหมาะสมจะไม่เหมือนกันทุกภาคส่วน เช่น ธุรกิจบริการอาจมีค่าต่ำกว่าการผลิต เนื่องจากความต้องการทุนหมุนเวียนที่ต่าง
5. **ต้องใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น:** การพึ่งพาอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด ควรเปรียบเทียบกับ Current Ratio, Quick Ratio รวมถึงตัวชี้วัดกำไรและปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจหรือแนวโน้มอุตสาหกรรม
* ธนาคารกรุงเทพ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาอัตราส่วนทางการเงินหลากหลายประเภทเพื่อการบริหารจัดการทางการเงินที่ดี
สรุป: Cash Ratio กุญแจสู่สภาพคล่องที่ยั่งยืนของธุรกิจไทย
อัตราส่วนเงินสดคือเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการจัดการการเงินสำหรับธุรกิจไทย โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มันเป็นตัววัดสภาพคล่องที่เข้มงวดที่สุด ช่วยให้ผู้บริหารและนักลงทุนมองเห็นความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นด้วยเงินสดที่พร้อมใช้ การรู้จักความหมาย วิธีคำนวณ และการตีความจะช่วยให้ธุรกิจประเมินความเสี่ยงและวางแผนบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาค่าที่เหมาะสมไม่ได้หมายถึงการสะสมเงินสดมากที่สุด แต่คือการมีพอสำหรับภาระระยะสั้น พร้อมนำส่วนเกินไปลงทุนเพื่อขยายกิจการ การนำแนวทางและกลยุทธ์จากบทความนี้ไปปฏิบัติ จะช่วยให้ธุรกิจไทยสร้างสภาพคล่องที่ยั่งยืนและพร้อมรับมืออนาคตที่ไม่แน่นอน ผู้ประกอบการและนักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์อัตราส่วนนี้ เพื่อเป็นฐานรากของความมั่นคงทางการเงิน
Cash Ratio ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ SME ในประเทศไทยควรอยู่ที่เท่าไหร่?
ไม่มีตัวเลข Cash Ratio ที่เหมาะสมแบบตายตัวสำหรับ SME ทุกประเภทในไทย เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีรูปแบบการทำงานและความต้องการสภาพคล่องที่แตกต่าง อย่างไรก็ตาม ค่าอยู่ระหว่าง 0.50 ถึง 1.00 มักถือว่าดีและแสดงถึงสภาพคล่องที่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือต้องเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเดียวกันและแนวโน้มในอดีตของบริษัท เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน
หาก Cash Ratio ของบริษัทต่ำเกินไป ควรมีวิธีปรับปรุงอย่างไรบ้างในบริบทของตลาดไทย?
ถ้าค่า Cash Ratio ต่ำเกินไป SME ไทยควรโฟกัสที่การเพิ่มเงินสดและลดหนี้หมุนเวียน เช่น จัดการลูกหนี้การค้าด้วยการเร่งรัดเก็บเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคุมสต็อกสินค้าไม่ให้เกินจำเป็น เจรจาขยายกำหนดชำระกับเจ้าหนี้ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่สำคัญ หรือพิจารณาแหล่งเงินทุนระยะสั้นอย่างระมัดระวังถ้าจำเป็น เพื่อฟื้นฟูสภาพคล่อง
ธนาคารไทยพิจารณา Cash Ratio อย่างไรในการอนุมัติสินเชื่อธุรกิจ?
ธนาคารในไทยมักนำ Cash Ratio มาใช้เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินความสามารถชำระหนี้ระยะสั้นก่อนอนุมัติสินเชื่อ บริษัทที่มีค่าดีหรืออยู่ในระดับเหมาะสมจะถูกมองในแง่บวก เพราะแสดงถึงความพร้อมในการคืนเงิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงให้ธนาคาร แต่ธนาคารจะพิจารณาร่วมกับตัวชี้วัดทางการเงินอื่นๆ และปัจจัยนอกเหนือจากตัวเลขด้วย
Cash Ratio สูงๆ เป็นสิ่งที่ดีเสมอไปหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้างสำหรับธุรกิจไทย?
ค่า Cash Ratio ที่สูงมากไม่ได้ดีเสมอไปสำหรับธุรกิจไทย แม้จะบ่งบอกถึงสภาพคล่องแข็งแกร่ง แต่ก็อาจหมายถึงการถือเงินสดเกินจำเป็น ซึ่งพลาดโอกาสนำเงินไปลงทุนสร้างผลตอบแทน เช่น ขยายธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยี หรือลดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง จุดที่ต้องระวังคือการหาสมดุลระหว่างสภาพคล่องและการใช้ทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจาก Cash Ratio แล้ว นักลงทุนไทยควรพิจารณาอัตราส่วนสภาพคล่องใดอีกบ้าง?
นักลงทุนไทยควรดูตัวชี้วัดสภาพคล่องอื่นๆ เพื่อภาพรวมที่สมบูรณ์ ได้แก่
- Current Ratio (อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน): วัดสภาพคล่องจากสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งหมด
- Quick Ratio (อัตราส่วนสภาพคล่องเร็ว): วัดสภาพคล่องโดยตัดสินค้าคงคลังออก
นอกจากนี้ ตัวชี้วัดกำไร (Profitability Ratios) และหนี้ต่อทุน (Debt-to-Equity Ratio) ก็ช่วยประเมินสุขภาพการเงินโดยรวมได้ดี
Cash Ratio สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของการล้มละลายของบริษัทไทยได้มากน้อยแค่ไหน?
อัตราส่วนเงินสดเป็นตัววัดความเสี่ยงสภาพคล่องระยะสั้นได้ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การล้มละลาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะการล้มละลายมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ควรพิจารณาร่วมกับตัวชี้วัดกำไร การจัดการหนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และปัจจัยเศรษฐกิจกับอุตสาหกรรม เพื่อการวิเคราะห์ที่ครบถ้วน