ราคาทองคำในอดีต 50 ปี: ถอดรหัสวัฏจักรทองคำไทย สู่โอกาสลงทุนที่มั่นคง

บทนำ: ทำความเข้าใจ “ราคาทองคำในอดีต” ทำไมถึงสำคัญ?

สำหรับนักลงทุนและคนทั่วไปในประเทศไทย ข้อมูล “ราคาทองคำในอดีต” ไม่ใช่แค่ตัวเลขเก่าๆ ที่เก็บไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของทองคำได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การดูข้อมูลย้อนหลังเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพแนวโน้ม วัฏจักรต่างๆ และผลกระทบจากเหตุการณ์สำคัญทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลต่อมูลค่าของทองคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการตัดสินใจลงทุนทองคำอย่างรอบคอบในยุคนี้และยุคหน้า บทความนี้จะพาคุณสำรวจประวัติศาสตร์ราคาทองคำในไทยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา วิเคราะห์ปัจจัยที่ซับซ้อนเบื้องหลัง และเสนอวิธีนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนการเงินส่วนตัวของคนไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภาพประกอบบุคคลกำลังวิเคราะห์กราฟราคาทองคำพร้อมข้อมูลทางการเงินและลูกศรเติบโต ล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญของไทย

กราฟราคาทองคำย้อนหลัง 50 ปีในประเทศไทย: ภาพรวมและจุดเปลี่ยนสำคัญ

ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในไทยได้สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งระดับโลกและภูมิภาคได้อย่างชัดเจน กราฟราคาย้อนหลังตั้งแต่ยุค 1970s จนถึงทุกวันนี้ แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นที่สำคัญ แม้จะมีช่วงผันผวนบ้างในระยะสั้นและกลาง แต่จุดเปลี่ยนใหญ่ๆ มักเกิดขึ้นควบคู่กับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง ซึ่งทำให้ทองคำยืนหยัดในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ราคาสูงสุดและต่ำสุดในประวัติศาสตร์ไทยจึงกลายเป็นตัวบ่งชี้ช่วงเวลาของความไม่แน่นอนและโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ

ภาพประกอบกราฟราคาทองคำย้อนหลัง 50 ปีในไทยพร้อมจุดสูงสุด ต่ำสุด สัญลักษณ์วิกฤตเศรษฐกิจและภาพแท่งทองคำ

ย้อนไปช่วงต้นทศวรรษ 1970s ราคาทองคำในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เริ่มพุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ (Bretton Woods System) ในปี 1971 และเกิดวิกฤตน้ำมันโลก เหตุการณ์เหล่านี้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงและกระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง จนมาถึงปี 2020-2021 ที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาทองคำทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ ได้รับแรงหนุนจากความกังวลเศรษฐกิจทั่วโลกและนโยบายการเงินผ่อนคลายจากธนาคารกลางหลายแห่ง

ราคาทองคำไทยในแต่ละทศวรรษ: วิเคราะห์เทรนด์และเหตุการณ์สำคัญ

การแบ่งวิเคราะห์ราคาทองคำไทยตามทศวรรษช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างทองคำกับเหตุการณ์เศรษฐกิจและสังคมสำคัญๆ

ภาพประกอบไทม์ไลน์ตั้งแต่ 1970s ถึง 2020s พร้อมไอคอนแท่งทองคำและสัญลักษณ์เหตุการณ์เศรษฐกิจ เช่น น้ำมัน ค่าเงิน ไวรัส
  • ทศวรรษ 1970s: ยุคเริ่มต้นที่ทองคำก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ราคาในประเทศเริ่มจากหลักร้อยบาทต่อบาททองคำตอนต้นทศวรรษ และทะยานสู่หลายพันบาทตอนท้าย ผลจากวิกฤตน้ำมันและการลอยตัวของค่าเงิน
  • ทศวรรษ 1980s: ราคาผันผวนสูง โดยมีช่วงลดลงจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวและดอกเบี้ยสูงในสหรัฐฯ แต่ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการออมและลงทุน
  • ทศวรรษ 1990s: ครึ่งแรกของทศวรรษราคาค่อนข้างนิ่ง แต่จุดพลิกผันคือวิกฤตการเงินเอเชีย หรือที่คนไทยเรียก “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ในปี 2540 (1997) ซึ่งทำให้บาทอ่อนค่าหนัก ส่งผลให้ราคาทองคำในไทยพุ่งขึ้น แม้ราคาโลกจะยังไม่ขยับมากในช่วงแรก
  • ทศวรรษ 2000s: ยุคเติบโตก้าวกระโดดของราคา ได้รับแรงหนุนจากเงินเฟ้อหลังเหตุการณ์ 9/11 และโดยเฉพาะวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ที่ทำให้ทองคำกลายเป็นที่พึ่งของนักลงทุนทั่วโลกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ทศวรรษ 2010s: ราคายังสูงในช่วงต้น แต่ปรับฐานลงกลางทศวรรษเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นและธนาคารกลางเริ่มขึ้นดอกเบี้ย ทว่า ความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ยังช่วยหนุน
  • ทศวรรษ 2020s: เริ่มต้นด้วยโควิด-19 ที่ผลักดันราคาสูงสุดใหม่ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การพิมพ์เงินจำนวนมากของธนาคารกลาง ซึ่งก่อความกังวลเงินเฟ้อและเพิ่มความต้องการทองคำ

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาทองคำในอดีตของไทย

เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต การเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลกระทบย่อมเป็นกุญแจสำคัญ ปัจจัยเหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อนและมีบทบาทเด่นในประวัติศาสตร์ไทย

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และนโยบายการเงินโลก

ราคาทองคำมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อดอลลาร์แข็ง ราคาทองคำที่ซื้อขายในตลาดโลกด้วยสกุลดอลลาร์ก็มักลดลง เพราะทองคำดูแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ในทางตรงกันข้าม นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเฉพาะการปรับอัตราดอกเบี้ย มีอิทธิพลมหาศาล หากดอกเบี้ยสูงขึ้น การลงทุนในพันธบัตรหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยจะน่าดึงดูดกว่า ทำให้คนหันจากทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย

ภาวะเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอน

เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความไม่แน่นอนพุ่งสูง เช่น วิกฤตการเงินหรือโรคระบาด ทองคำจะถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนจึงหันมาถือทองคำเพื่อรักษามูลค่า เพราะทองคำมีประวัติยาวนานในการต้านทานความผันผวนของตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ ในช่วงวิกฤต

อัตราเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันหลักอีกประการหนึ่ง เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้นและอำนาจซื้อของเงินลดลง ทองคำกลายเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อ ด้วยปริมาณจำกัดและการยอมรับทั่วโลก ทองคำจึงรักษามูลค่าจริงได้ดีกว่าสกุลเงินที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะในช่วงที่เงินเฟ้อรุนแรงจากเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในอดีต

อุปสงค์และอุปทานทองคำ

เหมือนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อุปสงค์และอุปทานกำหนดราคาทองคำ อุปสงค์มาจากหลายด้าน เช่น การทำเครื่องประดับในเอเชียอย่างอินเดีย จีน และไทย ภาคอุตสาหกรรมอย่างอิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนผ่านแท่งทอง เหรียญ หรือกองทุน ETF และการสำรองของธนาคารกลาง ส่วนอุปทานจากเหมืองและการรีไซเคิลทองเก่า ความสมดุลเหล่านี้จึงเป็นตัวตั้งราคาในตลาดโลก โดยในไทย อุปสงค์จากวัฒนธรรมยังช่วยเสริมในบางช่วง

ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำโลกและราคาทองคำไทย: บทบาทของค่าเงินบาท

สำหรับนักลงทุนไทย จุดสำคัญคือราคาทองคำในประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาโลกเพียงอย่างเดียว แต่ค่าเงินบาทมีบทบาทหลัก เพราะราคาโลกกำหนดในดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อนำเข้าทองคำมาขายในไทย จึงต้องแปลงเป็นบาท

กลไกนี้ทำงานอย่างไร:

  1. ราคาทองคำโลก (USD/ออนซ์): ราคาอ้างอิงหลักจากตลาดอย่างลอนดอน (LBMA) หรือนิวยอร์ก (COMEX)
  2. อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/USD): ตัวแปรหลักในการแปลง ถ้าบาทแข็ง (จาก 35 เป็น 30 บาทต่อดอลลาร์) เราจะใช้บาทน้อยลงซื้อทองคำราคาดอลลาร์เดิม ทำให้ราคาในไทยลดลง ตรงกันข้าม ถ้าบาทอ่อน (จาก 30 เป็น 35) ราคาไทยจะสูงขึ้นแม้ราคาโลกคงที่

สูตรง่ายๆ: ราคาทองคำไทย = (ราคาโลก USD/ออนซ์ × อัตราแลกเปลี่ยน บาท/USD) / (น้ำหนัก 1 บาททองคำเทียบออนซ์)

ธนาคารแห่งประเทศไทยมีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายที่กระทบค่าเงินบาท เช่น การปรับดอกเบี้ยหรือดูแลค่าเงินเพื่อเสถียรภาพ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาทองคำไทย ดังนั้น นักลงทุนไทยควรติดตามอัตราแลกเปลี่ยนให้ใกล้ชิดพอๆ กับราคาทองคำโลก

การนำข้อมูลราคาทองคำในอดีตมาประยุกต์ใช้สำหรับการลงทุนของคนไทย

การศึกษาราคาทองคำย้อนหลังไม่ใช่แค่ย้อนนึกถึงอดีต แต่เป็นการเสริมแกร่งให้การตัดสินใจลงทุนทองคำในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะสำหรับคนไทยที่มองทองคำในมุมกว้าง

วิเคราะห์วัฏจักรทองคำ

จากข้อมูลเก่าๆ เราสามารถมองเห็นวัฏจักรของทองคำได้ชัดเจน ทองคำมักขึ้นแรงในช่วงเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน เงินเฟ้อสูง หรือดอลลาร์อ่อน และพักฐานเมื่อเศรษฐกิจฟื้นกับดอกเบี้ยสูง การเข้าใจวัฏจักรนี้ช่วยให้จับจังหวะซื้อตอนต่ำหรือขายตอนสูงได้ดีขึ้น แต่จำไว้ว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ไม่มีอะไรรับประกันผลตอบแทน

ทองคำกับการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล

ในสังคมไทย ทองคำไม่ใช่แค่การลงทุน แต่เป็นส่วนของวัฒนธรรมออมเงินและวางแผนการเงินมานาน ไม่ว่าจะสะสมเพื่อความมั่นคง มรดก หรือเครื่องประดับในงานสำคัญอย่างแต่งงาน ข้อมูลย้อนหลังยืนยันว่าทองคำช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ต โดยเคลื่อนไหวสวนทางกับหุ้นในวิกฤต การจัดสัดส่วนทองคำให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมาย จึงเป็นเคล็ดลับสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงบทบาทของบาทในราคาไทย

บทเรียนจากอดีต

จากประวัติศาสตร์ราคาทองคำ บทเรียนหลักคือทองคำรักษามูลค่าได้ดีในระยะยาวและป้องกันเงินเฟ้อกับความไม่แน่นอนได้ แต่ก็ผันผวนสั้นๆ และไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผล การลงทุนจึงต้องรอบคอบ ถือในสัดส่วนพอดีกับพอร์ตทั้งหมด และเข้าใจปัจจัยโลกกับประเทศ โดยเฉพาะค่าเงินบาท นอกจากนี้ การซื้อขายในไทยยังแบ่งระหว่างทองแท่ง (เน้นลงทุน) กับทองรูปพรรณ (เน้นประดับ) ซึ่งมีส่วนต่างราคาแตกต่าง ควรศึกษาก่อนลงมือ

สรุป: ราคาทองคำในอดีตสอนอะไรเราบ้าง?

ราคาทองคำย้อนหลังมอบบทเรียนมีค่ามากมายให้คนไทย โดยเฉพาะว่าทองคำยืดหยุ่นและรักษามูลค่าได้ดีในระยะยาว โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือเงินเฟ้อสูง ปัจจัยขับเคลื่อนราคามีหลากหลาย ตั้งแต่นโยบายการเงินโลก เศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ ไปจนถึงอุปสงค์-อุปทาน แต่สำหรับไทย ค่าเงินบาทคือตัวเชื่อมสำคัญระหว่างราคาโลกกับราคาในประเทศ

การเข้าใจประวัติเหล่านี้ช่วยนำข้อมูลอดีตมาวางแผนลงทุนและการเงินส่วนตัวได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะใช้ทองคำกระจายความเสี่ยง ออมเงิน หรือสืบทอดวัฒนธรรม การติดตามข้อมูลอย่างสม่ำเสมอและศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เรานำบทเรียนอดีตมาปรับใช้กับการตัดสินใจวันนี้ได้อย่างชาญฉลาด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราคาทองคำในอดีต (FAQ)

ราคาทองคำในอดีตที่สูงสุดและต่ำสุดในประเทศไทยคือช่วงเวลาใดและมีราคาเท่าไหร่?

ราคาทองคำในประเทศไทยมีสถิติสูงสุดและต่ำสุดที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยทั่วไปแล้ว ราคาสูงสุดมักเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวนหรือมีวิกฤตการณ์ เช่น ช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564 ที่ราคาทองคำไทยเคยขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 32,000 บาทต่อบาททองคำ ส่วนราคาต่ำสุดจะอยู่ในช่วงก่อนหน้าซึ่งเศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพ ตัวอย่างเช่น ในช่วงต้นทศวรรษ 1970s ราคาทองคำยังคงอยู่ในหลักร้อยถึงพันบาทต่อบาททองคำเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทมีผลต่อราคาทองคำในประเทศไทยอย่างไรบ้าง?

การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทมีผลโดยตรงต่อราคาทองคำในประเทศไทย เนื่องจากราคาทองคำโลกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หาก ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง (เช่น จาก 30 บาท/ดอลลาร์ เป็น 35 บาท/ดอลลาร์) จะทำให้การนำเข้าทองคำมีต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ราคาทองคำในประเทศก็จะปรับตัวลดลงตามไปด้วย แม้ราคาทองคำโลกจะคงที่ก็ตาม

วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในอดีต เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง (ปี 2540) ส่งผลต่อราคาทองคำไทยอย่างไร?

วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 (1997) ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินบาท ซึ่งอ่อนค่าลงอย่างมากจากประมาณ 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ไปสู่ระดับกว่า 50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การอ่อนค่าของเงินบาทนี้เองที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาดังกล่าว แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนักในระยะแรก สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ในภาวะที่สกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่า

ควรซื้อทองคำช่วงไหนดี หากพิจารณาจากแนวโน้มราคาทองคำในอดีตของไทย?

จากแนวโน้มราคาทองคำในอดีต มักพบว่าทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง ภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หรืออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่ำ (อัตราดอกเบี้ยหักลบเงินเฟ้อ) การเข้าซื้อทองคำในช่วงที่ตลาดเกิดความกลัวหรือมีวิกฤตการณ์จึงมักให้ผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับค่าเงินบาทในขณะนั้น และไม่ควรถือว่าข้อมูลในอดีตเป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคตเสมอไป ควรศึกษาข้อมูลปัจจุบันและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ดูข้อมูลราคาทองคำปัจจุบันจากสมาคมค้าทองคำ

นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจแล้ว วัฒนธรรมไทยมีส่วนในการขับเคลื่อนราคาทองคำในอดีตหรือไม่?

มีส่วนอย่างมาก วัฒนธรรมไทยให้ความสำคัญกับทองคำในหลายมิติ เช่น การให้ทองคำเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญอย่างงานแต่งงาน วันเกิด หรือเทศกาลต่างๆ รวมถึงการซื้อทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับ และการเก็บสะสมทองคำเพื่อเป็นมรดกหรือหลักประกันในยามฉุกเฉิน อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษจีน ปีใหม่ หรือสงกรานต์ อาจส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีความคึกคักเป็นพิเศษในระยะสั้น ซึ่งแตกต่างจากตลาดทองคำในประเทศอื่นๆ

ทองคำแท่งกับทองรูปพรรณมีแนวโน้มราคาในอดีตที่แตกต่างกันหรือไม่?

แนวโน้มราคาพื้นฐานของทองคำแท่งและทองรูปพรรณจะไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากอิงกับราคาทองคำโลกและค่าเงินบาทเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม “ทองรูปพรรณ” จะมี “ค่ากำเหน็จ” เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการผลิตและออกแบบ ทำให้ราคาทองรูปพรรณสูงกว่าทองคำแท่งเมื่อซื้อ และมีส่วนต่างราคาขายคืนที่มากกว่า นอกจากนี้ การซื้อขายทองรูปพรรณอาจมีปัจจัยด้านความสวยงามและแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การเก็งกำไรจากทองรูปพรรณทำได้ยากกว่าทองคำแท่ง

ข้อมูลราคาทองคำย้อนหลังสามารถนำมาใช้ในการวางแผนเกษียณอายุของคนไทยได้อย่างไร?

ข้อมูลราคาทองคำย้อนหลังแสดงให้เห็นว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าและป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ดีในระยะยาว คนไทยจึงสามารถใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ โดยอาจจัดสรรทองคำในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษากำลังซื้อในระยะยาว การทยอยซื้อทองคำในช่วงที่ราคาปรับฐาน หรือการถือครองทองคำเพื่อเป็นหลักประกันยามฉุกเฉิน สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณได้

มีแหล่งข้อมูลหรือเครื่องมือใดบ้างที่ช่วยให้เราติดตามราคาทองคำในอดีตได้อย่างแม่นยำ?

มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือหลายอย่างที่สามารถช่วยให้คุณติดตามราคาทองคำในอดีตได้อย่างแม่นยำ แหล่งข้อมูลหลักได้แก่ เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย (Gold Traders Association) ซึ่งมักจะมีข้อมูลราคาย้อนหลังให้ดู นอกจากนี้ เว็บไซต์ข่าวสารการเงินและเศรษฐกิจไทยหลายแห่งก็มีการนำเสนอข้อมูลและกราฟราคาทองคำย้อนหลัง รวมถึงแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาทองคำโดยเฉพาะ

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *