สินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร? 5 ประเภทสำคัญและโอกาสลงทุนที่คุณไม่ควรมองข้าม

บทนำ: ทำความเข้าใจ “สินค้าโภคภัณฑ์” ทำไมถึงสำคัญต่อคุณ?

ในโลกการลงทุนและเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน คำว่า “สินค้าโภคภัณฑ์” อาจดูเหมือนเรื่องไกลตัวสำหรับชีวิตประจำวัน แต่จริงๆ แล้ว สินค้าเหล่านี้คือหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และมีบทบาทส่งผลต่อทุกอย่างที่เราสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันที่เติมรถ ข้าวที่กินเป็นมื้อหลัก หรือทองคำที่ใช้เป็นเครื่องประดับและเป็นที่พึ่งทางพอร์ตลงทุน

ภาพประกอบเศรษฐกิจโลกกับสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานเช่นน้ำมัน ข้าว ทองคำ

สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะคนไทย การรู้จักสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ใช่แค่การท่องศัพท์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจที่ช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการกระจายการลงทุนและจัดการความเสี่ยงในพอร์ตส่วนตัว ตลาดเหล่านี้มักผันผวนตามเหตุการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และสภาพแวดล้อมทั่วโลก ซึ่งเชื่อมโยงตรงๆ กับราคาพลังงาน ผลผลิตเกษตร และโลหะที่กระทบค่าครองชีพรวมถึงการทำธุรกิจในไทย

ภาพประกอบนักลงทุนไทยจัดการพอร์ตลงทุนกับกราฟแสดงความผันผวนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

บทความนี้จะพาคุณสำรวจลึกๆ เกี่ยวกับนิยาม ประเภท วิธีการทำงานของตลาด และเหตุผลที่สินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ พร้อมเคล็ดลับการลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อให้คุณนำไปใช้ในการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและมั่นใจมากขึ้น

ภาพประกอบกระจกขยายตรวจสอบสัญลักษณ์สินค้าโภคภัณฑ์เช่นถังน้ำมัน เมล็ดข้าว ทองคำบนแผนที่ไทย

สินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร? นิยามและคุณสมบัติพื้นฐาน

สินค้าโภคภัณฑ์หมายถึงวัตถุดิบหรือสินค้าพื้นฐานที่นำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ โดยมีลักษณะเด่นคือสามารถใช้แทนกันได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ นั่นคือ สินค้าชนิดเดียวกันจากแหล่งผลิตไหนก็มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน จนนำมาแทนที่ซึ่งกันและกันได้อย่างราบรื่น

อีกคุณสมบัติสำคัญคือความเป็นมาตรฐานที่ชัดเจน ทั้งในแง่คุณภาพ ปริมาณ และเงื่อนไขการส่งมอบ ทำให้การซื้อขายในตลาดโลกสะดวก ไม่ต้องตรวจสอบสินค้าจริงทุกชิ้นก่อนตกลง เช่น น้ำมันดิบแบบ WTI หรือทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ที่ไม่ว่าจะมาจากไหน หากตรงสเปกก็มีมูลค่าพอๆ กัน

ราคาส่วนใหญ่กำหนดโดยหลักอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก ถ้าความต้องการมากกว่าของที่มี ราคาก็พุ่งขึ้น แต่ถ้าของล้นตลาด ราคาก็ปรับลง ลักษณะผันผวนนี้สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง

เครื่องมือหลักในการซื้อขายคือสัญญาฟิวเจอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงราคากับปริมาณสำหรับส่งมอบในอนาคต ซึ่งนอกจากช่วยบริหารความเสี่ยงราคาแล้ว ยังเพิ่มความคล่องตัวให้ตลาดโดยรวม

เจาะลึกประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์: มีอะไรบ้าง?

สินค้าโภคภัณฑ์แบ่งออกเป็นกลุ่มหลักๆ ตามลักษณะและแหล่งกำเนิด โดยทั่วไปมี 5 กลุ่มใหญ่ที่ครอบคลุมสินค้าหลักๆ ในตลาดโลก ดังนี้

1. สินค้าโภคภัณฑ์พลังงาน (Energy Commodities)

กลุ่มนี้คือเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยน้ำมันดิบเป็นตัวอย่างหลักที่ขับเคลื่อนการขนส่งและการผลิต การแกว่งไหวของราคาน้ำมันกระทบค่าครองชีพและห่วงโซ่การผลิตไปทั่ว นอกจากนี้ยังมีก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าและเป็นเชื้อเพลิงบ้านเรือน รวมถึงเบนซินกับดีเซลที่กลั่นจากน้ำมันดิบ ซึ่งล้วนจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

2. โลหะมีค่า (Precious Metals)

โลหะเหล่านี้มักถูกมองเป็นที่หลบภัยในยามเศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือเงินเฟ้อ ทองคำยืนหนึ่งในฐานะตัวเลือกยอดนิยมด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานในการรักษามูลค่า ส่วนเงิน แพลทินัม และแพลเลเดียม ก็มีทั้งคุณค่าตัวเองและการใช้งานในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ

3. โลหะอุตสาหกรรม (Industrial Metals)

กลุ่มนี้สนับสนุนการผลิตและก่อสร้างทั่วโลก โดยราคาของมันสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจได้ชัดเจน เช่น ทองแดงที่ใช้ในระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อะลูมิเนียมสำหรับรถยนต์และบรรจุภัณฑ์ หรือเหล็กที่เป็นโครงสร้างหลักในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมหนัก

4. สินค้าเกษตรกรรม (Agricultural Commodities)

สินค้าเหล่านี้คือพื้นฐานของการดำรงชีวิต โดยกำหนดราคาอาหารโดยตรง ในไทยที่คุ้นเคย เช่น ข้าวซึ่งเป็นพืชหลักและอาหาร staple ของคนไทย หรือยางพาราที่เราครองตำแหน่งผู้ส่งออกรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีน้ำตาล กาแฟ ข้าวโพด และถั่วเหลืองที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารและเลี้ยงสัตว์

5. ปศุสัตว์และเนื้อสัตว์ (Livestock and Meat)

กลุ่มนี้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์และผลิตเนื้อเพื่อบริโภค เช่น เนื้อวัวและเนื้อหมูที่เป็นแหล่งโปรตีนหลัก ราคาขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โรคระบาด และนโยบายการค้าที่กระทบต้นทุนและราคาขายปลีก

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทำงานอย่างไร?

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์คือศูนย์รวมการซื้อขายวัตถุดิบที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แตกต่างจากตลาดหุ้นตรงที่เน้นการส่งมอบจริง โดยแบ่งเป็นตลาดสปอตที่ซื้อขายเพื่อรับสินค้าทันทีในราคาปัจจุบัน และตลาดฟิวเจอร์สที่ทำสัญญาล่วงหน้าสำหรับราคา ปริมาณ และเวลาส่งมอบ

ผู้เล่นในตลาดฟิวเจอร์สมีทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ที่ป้องกันความเสี่ยงราคา และนักเก็งกำไรที่หวังผลจากความแกว่งไหว

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคามีหลากหลาย เช่น

  • อุปสงค์และอุปทาน: พื้นฐานที่กำหนดทิศทาง เช่น เศรษฐกิจเติบโตดึงดูดความต้องการพลังงานและโลหะ
  • ข่าวสารเศรษฐกิจ: ตัวเลขอย่างเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย หรือนโยบายธนาคารกลางที่สะเทือนความเชื่อมั่น
  • ภูมิรัฐศาสตร์: สงครามหรือการคว่ำบาตรที่รบกวนห่วงโซ่อุปทาน
  • สภาพอากาศ: ภัยแล้งหรือน้ำท่วมที่กระทบผลผลิตเกษตรและราคาอาหาร

ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน?

การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ดึงดูดใจด้วยประโยชน์หลายด้าน โดยช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสผลตอบแทนให้พอร์ตลงทุน

1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)

สินค้าเหล่านี้สัมพันธ์ต่ำกับหุ้นและพันธบัตร ทำให้เมื่อตลาดหุ้นตก สินค้าโภคภัณฑ์อาจให้ผลตอบแทนดี ช่วยให้พอร์ตโดยรวมมั่นคง ลดความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge)

ยามเงินเฟ้อพุ่ง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักขึ้นตามเพราะเป็นต้นทุนผลิต ทำให้รักษามูลค่าเงินลงทุนและปกป้องอำนาจซื้อจากเงินเฟ้อที่กัดกินสินทรัพย์อื่น

3. โอกาสทำกำไรในภาวะตลาดผันผวน (Profit Opportunities in Volatile Markets)

ความผันผวนสูงคือดาบสองคม แต่สำหรับนักลงทุนที่เข้าใจตลาด โดยเฉพาะในฟิวเจอร์ส สามารถทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงผ่านการซื้อหรือขายชอร์ต

การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สำหรับนักลงทุนไทย: ช่องทางและข้อควรพิจารณา

นักลงทุนไทยมีตัวเลือกหลากหลายในการเข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ละช่องทางมีจุดเด่นและความเสี่ยงต่างกัน

1. ช่องทางการลงทุนยอดนิยมในไทย

  • CDF (Contract for Difference): สัญญาซื้อขายส่วนต่างที่ฮิตสำหรับลงทุนทองคำ น้ำมัน หรือเกษตร โดยไม่ต้องถือสินค้าจริง ทำผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ถูกกฎหมาย แต่เสี่ยงสูงเพราะใช้เลเวอเรจ
  • กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์: ลงทุนในฟิวเจอร์สหรือหุ้นบริษัทเกี่ยวข้อง สะดวกผ่านบริษัทจัดการกองทุนในไทย เหมาะสำหรับมือใหม่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวมได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • หุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ใน SET: ลงทุนทางอ้อมผ่านหุ้นบริษัทอย่าง PTT, PTTEP สำหรับพลังงาน BANPU สำหรับเหมือง หรือ CPF, GFPT สำหรับเกษตร ราคาหุ้นมักตามราคาสินค้าหลัก

2. ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุน

  • ความเสี่ยง: ผันผวนสูง อาจขาดทุน ควรลงทุนเฉพาะเงินที่รับได้
  • ศึกษาข้อมูล: เรียนรู้สินค้า ปัจจัยราคา และตลาดให้ละเอียด
  • เลือกโบรกเกอร์: สำหรับต่างประเทศ ต้องมีใบอนุญาตและน่าเชื่อถือ
  • ค่าธรรมเนียมและภาษี: เช็คค่าซื้อขาย การจัดการกองทุน และภาษีที่เกี่ยวข้องในไทย

ความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าโภคภัณฑ์กับเศรษฐกิจไทย

ไทยพึ่งพาการส่งออกและเป็นผู้ผลิตเกษตรหลัก ทำให้เชื่อมโยงแนบแน่นกับตลาดโลก ความแกว่งไหวราคาสินค้าโภคภัณฑ์กระทบเศรษฐกิจหลายด้าน

ในฐานะผู้ส่งออกยางพารา ข้าว น้ำตาล ราคาขึ้นช่วยเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าส่งออก สนับสนุน GDP แต่ราคาตกกระทบหนัก

ด้านพลังงาน ไทยนำเข้าน้ำมันและก๊าซ ราคาขึ้นทำให้ต้นทุนไฟฟ้า ขนส่ง และสินค้าสูง สร้างเงินเฟ้อกระทบผู้บริโภคและธุรกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบของราคาน้ำมันต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง

รัฐบาลไทยมีมาตรการรับมือ เช่น ตรึงราคา อุดหนุน หรือส่งเสริม R&D เพื่อเพิ่มมูลค่าเกษตร

สรุป: สินค้าโภคภัณฑ์ บทบาทสำคัญในโลกการลงทุน

สินค้าโภคภัณฑ์คือส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกและการลงทุน การเข้าใจนิยาม ประเภท กลไกตลาด และปัจจัยกระทบราคา จำเป็นสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะคนไทยที่รับผลจากความผันผวนโลก

การลงทุนตรงหรือทางอ้อมช่วยกระจายเสี่ยง ป้องกันเงินเฟ้อ และสร้างกำไร แต่ต้องจัดการความเสี่ยงดีๆ ด้วยการศึกษา ช่องทางที่เหมาะ และข้อควรระวัง เพื่อก้าวสู่ตลาดอย่างมั่นใจ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ (FAQs)

สินค้าโภคภัณฑ์ 5 กลุ่มหลัก มีอะไรบ้าง และตัวอย่างที่สำคัญคืออะไร?

สินค้าโภคภัณฑ์หลัก 5 กลุ่ม ได้แก่:

  • สินค้าโภคภัณฑ์พลังงาน: เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ
  • โลหะมีค่า: เช่น ทองคำ เงิน แพลทินัม
  • โลหะอุตสาหกรรม: เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม เหล็ก
  • สินค้าเกษตรกรรม: เช่น ข้าว ยางพารา น้ำตาล กาแฟ
  • ปศุสัตว์และเนื้อสัตว์: เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู

นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างไรบ้าง? มีช่องทางไหนที่น่าสนใจ?

นักลงทุนไทยสามารถลงทุนได้หลายช่องทาง เช่น:

  • การซื้อขาย CFD (Contract for Difference) ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ
  • การลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน บลจ. ในไทย
  • การซื้อหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • การลงทุนในตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) สำหรับสินค้าเกษตรบางชนิด (เช่น ยางพารา) และทองคำ

การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน CFD ปลอดภัยไหม และมีข้อควรระวังอะไรบ้างสำหรับคนไทย?

การซื้อขาย CFD มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีการใช้เลเวอเรจ ทำให้สามารถขาดทุนได้มากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้น ข้อควรระวังสำหรับคนไทยคือ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตและมีการกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ศึกษาความเสี่ยงและกลไกการทำงานของ CFD ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่ลงทุนเกินกว่าที่ตนเองจะรับความเสี่ยงได้

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนมาจากปัจจัยอะไรบ้าง และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร?

ราคาผันผวนมาจากปัจจัยหลักๆ ได้แก่ อุปสงค์และอุปทาน ข่าวสารเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ และสภาพอากาศ

สำหรับเศรษฐกิจไทย:

  • หากเป็นสินค้าส่งออกของไทย (เช่น ยางพารา ข้าว) ราคาขึ้นจะดีต่อเกษตรกรและ GDP
  • หากเป็นสินค้านำเข้า (เช่น น้ำมัน) ราคาขึ้นจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและกระทบต่อค่าครองชีพ

การลงทุนในหุ้นโภคภัณฑ์ (หุ้น commodity) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยแตกต่างจากการลงทุนโดยตรงอย่างไร?

การลงทุนในหุ้นโภคภัณฑ์เป็นการลงทุนทางอ้อม โดยซื้อหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น บริษัทพลังงาน หรือบริษัทเกษตรกรรม ราคาหุ้นจะได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทและการบริหารจัดการด้วย

ส่วนการลงทุนโดยตรง เช่น ผ่านสัญญาฟิวเจอร์สหรือ CFD จะอ้างอิงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรงมากกว่าและไม่ขึ้นกับปัจจัยเฉพาะของบริษัท

สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทใดที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่นักลงทุนไทย?

ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักลงทุนไทยมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ น้ำมันดิบและสินค้าเกษตรบางชนิด เช่น ยางพารา ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะจากนักลงทุนที่ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและผลผลิตในประเทศ

สินค้าโภคภัณฑ์ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้อย่างไร และเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันหรือไม่?

สินค้าโภคภัณฑ์มักมีราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบต้นทุนการผลิต จึงช่วยรักษามูลค่าของเงินลงทุนและป้องกันอำนาจซื้อที่ลดลง

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่ยังคงมีความไม่แน่นอนและแรงกดดันเงินเฟ้อ การมีสินค้าโภคภัณฑ์ในพอร์ตอาจเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระจายความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อได้ แต่ควรพิจารณาถึงความผันผวนของราคาด้วย

มีค่าธรรมเนียมหรือภาษีอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรทราบเมื่อลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์?

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องได้แก่ ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน (สำหรับกองทุนรวม) หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ

ด้านภาษี:

  • กำไรจากการซื้อขายหุ้นใน SET เสียภาษีเงินปันผล แต่กำไรจากการขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี (สำหรับบุคคลธรรมดา)
  • กำไรจากกองทุนรวมอาจได้รับการยกเว้นภาษี ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน
  • กำไรจากการซื้อขาย CFD หรือสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศ อาจเข้าข่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความชัดเจน

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เปิดทำการกี่โมง (เวลาไทย) และสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่?

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ ของโลก เช่น ตลาด New York Mercantile Exchange (NYMEX) หรือ London Metal Exchange (LME) มีช่วงเวลาทำการที่แตกต่างกันไป แต่หลายตลาดสามารถซื้อขายได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมงในวันทำการจันทร์ถึงศุกร์ (ยกเว้นช่วงปิดตลาดสั้นๆ หรือวันหยุด) เนื่องจากมีตลาดหลักในหลายโซนเวลาทั่วโลก การซื้อขายผ่าน CFD มักจะเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน

มือใหม่ควรเริ่มต้นศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์จากแหล่งใดในประเทศไทย?

มือใหม่สามารถเริ่มต้นศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในประเทศไทยได้ เช่น:

  • เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ TFEX (www.tfex.co.th) ที่มีบทความและสัมมนาให้ความรู้
  • เว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์
  • บทความจากสำนักข่าวการเงินไทย หรือเว็บไซต์ให้ความรู้ด้านการลงทุนที่เชื่อถือได้
  • หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นภาษาไทย

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *