pips แปลว่า: ทำความเข้าใจ Pip ที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้ในปี 2025

ทำความเข้าใจ Pip: หัวใจสำคัญของการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์ควรรู้

ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาส การทำความเข้าใจพื้นฐานที่สำคัญเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อความสำเร็จและความยั่งยืนในระยะยาว ใช่ครับ! เรากำลังพูดถึง “Pip” (Percentage In Point หรือ Price Interest Point) หนึ่งในคำศัพท์พื้นฐานที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องคุ้นเคยและเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันเป็นหน่วยวัดเล็กๆ ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงราคา แต่มีความสำคัญมหาศาลต่อการคำนวณกำไร-ขาดทุนและการบริหารความเสี่ยงของเรา บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกความหมาย การคำนวณ และความสำคัญของ Pip ที่มีต่อการซื้อขายสกุลเงิน เพื่อให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพบนเส้นทางการลงทุนในตลาด Forex ที่ท้าทายนี้

คุณเคยสงสัยไหมว่าการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในตลาด Forex ส่งผลต่อเงินในบัญชีของคุณอย่างไร? หรือว่านักเทรดมืออาชีพใช้หน่วยวัดอะไรในการสื่อสารและคำนวณผลลัพธ์การเทรด? คำตอบคือ “Pip” ครับ! มันคือส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เราสามารถวัดผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นมาตรฐานและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณกำไรที่ทำได้ กำไรที่เสียไป หรือแม้กระทั่งการกำหนดจุดที่เราจะหยุดขาดทุนเพื่อปกป้องเงินทุนของเรา หากปราศจากความเข้าใจในเรื่อง Pip การเทรดของคุณก็อาจเป็นเหมือนการเดินทางโดยไม่มีแผนที่ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ง่ายกว่าที่คุณคิด

  • Pip เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex
  • การเข้าใจ Pip เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการคำนวณกำไรขาดทุน
  • การไม่เข้าใจ Pip อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการวางแผนกลยุทธ์

กราฟการเทรดแสดงการเคลื่อนไหวของราคา

Pip คืออะไร? นิยามและเหตุผลความสำคัญ

มาเริ่มต้นกันที่คำถามพื้นฐานที่สุด: Pip คืออะไรกันแน่? ในโลกของตลาด Forex ที่ราคาเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดอ่อนถึงทศนิยมหลายตำแหน่ง Pip ก็คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุด หรือ “หน่วยขั้นต่ำ” ของราคา ที่สกุลเงินคู่หนึ่งๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ลองนึกภาพดูว่าคุณกำลังวัดความยาวของสิ่งของชิ้นเล็กๆ แทนที่จะบอกเป็นหน่วยเซนติเมตร หรือมิลลิเมตรที่ซับซ้อน เราอาจมีหน่วยที่เรียกว่า “จุด” หรือ “ก้าวเล็กๆ” เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น Pip ก็ทำหน้าที่คล้ายกันนี้ในตลาด Forex ครับ

ทำไมเราถึงต้องใช้ Pip แทนที่จะใช้ราคาแบบเต็มๆ? เหตุผลง่ายๆ คือเพื่อความสะดวกและความเป็นมาตรฐานในการสื่อสารและคำนวณ เนื่องจากราคาในตลาด Forex มักแสดงเป็นตัวเลขทศนิยมหลายตำแหน่ง เช่น EURUSD อาจจะอยู่ที่ 1.12345 การเปลี่ยนแปลงจาก 1.12345 ไปเป็น 1.12355 จะเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง 1 Pip แทนที่จะต้องพูดตัวเลขยาวๆ เช่น “ราคาเปลี่ยนไป 0.00010” ซึ่งอาจจะสับสนและสื่อสารยากกว่า

นอกจาก Pip แล้ว เรายังได้ยินคำว่า “ปิเปต” (Pipette) หรือ “จุด” (Point) อีกด้วย ซึ่งคำเหล่านี้หมายถึงเศษส่วนของ Pip ครับ หาก Pip เป็นตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่สี่สำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป (เช่น EURUSD) ปิเปต ก็จะเป็นตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่ห้า ตัวอย่างเช่น ถ้า EURUSD ขยับจาก 1.12345 ไป 1.12346 นั่นคือการขยับ 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip นั่นเอง ความแตกต่างนี้สำคัญมากเพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะแสดงราคาเป็น 5 หลักทศนิยม (หรือ 3 หลักสำหรับคู่ JPY) ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดที่คุณเห็นจริงๆ คือ ปิเปต แต่เรามักจะอ้างอิงถึง Pip ในการคำนวณกำไรขาดทุนหลักๆ ของเรา

ความสำคัญของ Pip อยู่ที่มันเป็นแกนหลักของการวัดผลการเทรดของคุณ มันช่วยให้เราสามารถคำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ และเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การกำหนดจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร และที่สำคัญที่สุดคือ จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) หากไม่มีหน่วยวัดนี้ การวิเคราะห์และวางแผนการเทรด Forex ก็จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไร้ทิศทางอย่างยิ่ง

ประเภท ค่า
Pipette 0.1 Pip
Pip 0.0001
Lot 100,000 หน่วย

ไขความแตกต่าง: การแสดงราคา Pip 4 หลัก vs. 5 หลัก (และ JPY)

ในการเทรด Forex คุณจะสังเกตเห็นว่าโบรกเกอร์บางรายแสดงราคาคู่สกุลเงินในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อตำแหน่งของ Pip โดยตรง โดยทั่วไปแล้ว การแสดงราคาจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือแบบ 4 หลักทศนิยม และ 5 หลักทศนิยม รวมถึงกรณีพิเศษสำหรับคู่สกุลเงินที่มี JPY เข้ามาเกี่ยวข้อง

สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ที่เราเทรดกัน ไม่ว่าจะเป็น EURUSD, GBPUSD, AUDUSD, USDCHF หรือ USDCAD นั้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะกำหนดราคาเป็นตัวเลข 5 หลักทศนิยม เช่น EURUSD ที่ราคา 1.12345 ในกรณีนี้ Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ นับจากจุดทศนิยมไปทางขวา ตัวเลขสุดท้ายหรือตำแหน่งที่ห้า คือ “ปิเปต” หรือ “จุด” ซึ่งเป็นเศษส่วนของ Pip นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น:

  • หากราคา EURUSD เปลี่ยนจาก 1.12340 เป็น 1.12350 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 Pip
  • หากราคา EURUSD เปลี่ยนจาก 1.12345 เป็น 1.12346 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip

ในอดีต โบรกเกอร์บางรายเคยใช้ระบบ 4 หลักทศนิยม ซึ่งในกรณีนั้น Pip ก็จะอยู่ที่ตำแหน่งที่สี่เช่นกัน แต่ไม่มีตำแหน่งที่ห้าสำหรับ ปิเปต ในปัจจุบัน ระบบ 5 หลักทศนิยมเป็นที่นิยมและเป็นมาตรฐานมากกว่า เพราะให้ความละเอียดของการเคลื่อนไหวราคาที่สูงกว่า ทำให้เทรดเดอร์สามารถระบุการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและแม่นยำขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับคู่สกุลเงินที่มีเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสกุลเงินอ้างอิง หรือเป็นสกุลเงินคู่ เช่น USDJPY, EURJPY, GBPJPY การแสดงราคา Pip จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมูลค่าของเงินเยนญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ การแสดงราคาจึงมักเป็นตัวเลข 2 หรือ 3 หลักทศนิยม

ในกรณีของคู่สกุลเงิน JPY นั้น Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่สอง นับจากจุดทศนิยมไปทางขวา และถ้ามีตัวเลขทศนิยมตำแหน่งที่สาม นั่นคือ “ปิเปต” หรือ “จุด” ครับ

ตัวอย่างเช่น:

  • หากราคา USDJPY เปลี่ยนจาก 109.120 เป็น 109.130 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 Pip
  • หากราคา USDJPY เปลี่ยนจาก 109.123 เป็น 109.124 แสดงว่าราคาได้ขยับขึ้น 1 ปิเปต หรือ 0.1 Pip

การทำความเข้าใจความแตกต่างของการแสดงราคา Pip เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อการคำนวณมูลค่าของ Pip และกำไรขาดทุนของคุณ หากคุณคำนวณผิดพลาดไปเพียงตำแหน่งเดียว ก็อาจทำให้การประเมินผลการเทรดของคุณคลาดเคลื่อนอย่างมากเลยทีเดียว

นักเทรดกำลังวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ Pip

แกะรอยการคำนวณมูลค่า Pip: ปริมาณการเทรดและคู่สกุลเงิน

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า Pip คืออะไร และมันปรากฏที่ตำแหน่งใดในราคาถัดจากจุดทศนิยม สิ่งต่อไปที่เราต้องรู้คือ “มูลค่า Pip” หรือ “ค่า Pip” มันมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันจะบอกเราว่าการเคลื่อนไหว 1 Pip มีค่าเป็นเงินเท่าไรในบัญชีเทรดของคุณ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการคำนวณกำไรขาดทุนที่แท้จริง

การคำนวณมูลค่า Pip ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลักสามประการ:

  1. คู่สกุลเงิน/เครื่องมือที่เทรด: สกุลเงินที่แตกต่างกันย่อมมีมูลค่าที่แตกต่างกัน
  2. ปริมาณการเทรด (Lot Size): ยิ่งเทรดในปริมาณมาก มูลค่า Pip ก็จะยิ่งสูงขึ้น
  3. ราคาปัจจุบันของสกุลเงินนั้นๆ: อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันมีผลต่อมูลค่า

โดยทั่วไปแล้ว 1 Lot มาตรฐานในตลาด Forex เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน (Base Currency) ซึ่งเป็นสกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน (เช่น EUR ใน EURUSD) หากคุณเทรด 1 Lot และสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) หรือสกุลเงินที่สองในคู่สกุลเงิน (เช่น USD ใน EURUSD) คือสกุลเงินบัญชีของคุณ การคำนวณจะง่ายมากครับ

สูตรพื้นฐานสำหรับการคำนวณมูลค่า Pip:

มูลค่า Pip = (ขนาด 1 Pip * ปริมาณการเทรด) / ราคาปัจจุบันของสกุลเงินอ้างอิง (ถ้าสกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่สกุลเงินในบัญชี)

ตัวอย่าง มูลค่า Pip (USD)
EURUSD – 1 Lot $10
GBPUSD – 1 Lot $10
USDJPY – 1 Lot ประมาณ $9.16

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาดูตัวอย่างการคำนวณสำหรับคู่สกุลเงินหลัก (Majors) กันดีกว่าครับ สมมติว่าบัญชีเทรดของคุณเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)

ตัวอย่างการคำนวณมูลค่า Pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก:

  • คู่ EURUSD:
    • สมมติราคาปัจจุบัน: 1.12345
    • ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
    • ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย EUR):
    • มูลค่า 1 Pip = 0.0001 * 100,000 EUR = 10 EUR
    • เนื่องจากสกุลเงินอ้างอิง (USD) คือสกุลเงินบัญชีของเรา ดังนั้น 1 Pip มีค่าเท่ากับ $10
  • คู่ GBPUSD:
    • สมมติราคาปัจจุบัน: 1.31234
    • ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
    • ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย GBP):
    • มูลค่า 1 Pip = 0.0001 * 100,000 GBP = 10 GBP
    • แปลงเป็น USD: 10 GBP * 1.31234 = $13.12 (ค่าโดยประมาณ ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน)
  • คู่ USDJPY:
    • สมมติราคาปัจจุบัน: 109.123
    • ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 2 (0.01)
    • ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย USD):
    • มูลค่า 1 Pip ในหน่วย JPY = 0.01 * 100,000 JPY = 1,000 JPY
    • แปลงเป็น USD: 1,000 JPY / 109.123 = $9.16 (ค่าโดยประมาณ)
    • นี่คือเหตุผลที่คู่ JPY มีมูลค่า Pip แตกต่างออกไป เพราะสกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่ JPY แต่เป็น JPY/USD
  • คู่ USDCAD:
    • สมมติราคาปัจจุบัน: 1.30123
    • ตำแหน่ง Pip: ทศนิยมที่ 4 (0.0001)
    • ถ้าเทรด 1 Lot (100,000 หน่วย USD):
    • มูลค่า 1 Pip ในหน่วย CAD = 0.0001 * 100,000 USD = 10 USD
    • แต่เนื่องจากสกุลเงินอ้างอิงคือ CAD เราต้องหารด้วยราคาปัจจุบัน: 10 CAD / 1.30123 = $7.68 (ค่าโดยประมาณ)

จะเห็นได้ว่ามูลค่า Pip แตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินและปริมาณการเทรดที่คุณเลือก การทำความเข้าใจการคำนวณนี้เป็นรากฐานสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่คุณจะเปิดการเทรดใดๆ คุณควรจะคำนวณหรือทราบมูลค่า Pip ของคู่สกุลเงินนั้นๆ เสมอ เพราะมันคือข้อมูลที่จะบอกคุณว่าการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ Pip จะส่งผลต่อบัญชีของคุณมากน้อยแค่ไหน

หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นการเทรด Forex หรือสำรวจผลิตภัณฑ์ CFD เพิ่มเติม Moneta Markets เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจและควรพิจารณา แพลตฟอร์มนี้มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลีย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่หรือมืออาชีพ ก็สามารถค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมได้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีเครื่องมือช่วยคำนวณมูลค่า Pip หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

Pip ในการปฏิบัติ: การคำนวณกำไร-ขาดทุนและการบริหารความเสี่ยง

หลังจากที่เราได้เรียนรู้การคำนวณมูลค่า Pip แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้ในการเทรดจริง การทำความเข้าใจว่า Pip มีผลต่อกำไรขาดทุนของคุณอย่างไร และจะใช้มันเพื่อกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ได้อย่างไร เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการการเทรด Forex ได้อย่างมืออาชีพ

การคำนวณกำไร-ขาดทุนจาก Pip:

นี่คือจุดที่ความเข้าใจเรื่อง Pip จะสร้างความได้เปรียบให้กับคุณอย่างแท้จริง การคำนวณกำไรขาดทุนจากการเทรดเป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อคุณทราบมูลค่า Pip แล้ว

สูตรการคำนวณกำไร-ขาดทุน:

กำไร/ขาดทุน = จำนวน Pip ที่ราคาเคลื่อนไหว * มูลค่า 1 Pip ต่อล็อต * ปริมาณล็อตที่เทรด

ตัวอย่าง:

สมมติว่าคุณเปิดการซื้อ (Buy) EURUSD ที่ราคา 1.12340 ด้วยปริมาณการเทรด 0.5 Lot (ซึ่งเท่ากับ 50,000 หน่วย EUR) และราคา EURUSD เคลื่อนไหวขึ้นไป 30 Pip เป็น 1.12640 แล้วคุณปิดการเทรดที่ราคานั้น

  • จากที่คำนวณไปก่อนหน้า สำหรับ EURUSD, 1 Pip มีมูลค่า $10 ต่อ 1 Lot มาตรฐาน
  • คุณเทรด 0.5 Lot ดังนั้น 1 Pip ของคุณมีมูลค่า: $10 * 0.5 = $5
  • ราคาเคลื่อนไหวไป 30 Pip
  • กำไรของคุณ = 30 Pip * $5/Pip = $150

ในทางกลับกัน หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไป 30 Pip คุณก็จะขาดทุน $150 เช่นกัน นี่คือความเรียบง่ายและทรงพลังของการใช้ Pip ในการประเมินผลการเทรด

การประยุกต์ใช้ Pip ในการบริหารความเสี่ยง (Risk Management):

การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจของการอยู่รอดในตลาด Forex และ Pip คือเครื่องมือสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์นี้ การตั้งค่าจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น และ Pip ช่วยให้คุณคำนวณตำแหน่ง Stop Loss ได้อย่างมีเหตุผล

โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนในบัญชีต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ

ขั้นตอนการใช้ Pip ในการบริหารความเสี่ยง:

  1. กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้: คุณต้องการเสี่ยงเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ในการเทรดครั้งนี้ (เช่น 1% ของเงินทุนในบัญชี)
  2. คำนวณจำนวน Pip ที่ยอมรับให้ขาดทุน: คุณต้องการให้จุดตัดขาดทุนอยู่ห่างจากจุดเข้ากี่ Pip โดยอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณ
  3. คำนวณขนาดสถานะ (Lot Size) ที่เหมาะสม: เมื่อคุณทราบมูลค่า Pip และจำนวน Pip ที่จะเสี่ยง คุณสามารถคำนวณย้อนกลับเพื่อหาปริมาณการเทรดที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกินความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

ตัวอย่างการคำนวณ Lot Size โดยใช้ Pip และ Risk Management:

สมมติว่าคุณมีเงินทุนในบัญชี $10,000 และคุณต้องการเสี่ยง 1% ของบัญชีในการเทรดครั้งนี้ นั่นคือ $100

คุณกำลังจะเทรด USDJPY และจากการวิเคราะห์ คุณต้องการตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 50 Pip

  • ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ต่อการเทรด = $100
  • จำนวน Pip ที่ยอมให้ขาดทุน = 50 Pip
  • มูลค่า Pip ที่อนุญาต = $100 / 50 Pip = $2 ต่อ Pip
  • สำหรับ USDJPY, 1 Lot มีมูลค่า Pip ประมาณ $9.16 (จากตัวอย่างก่อนหน้า)
  • ดังนั้น ปริมาณการเทรดที่เหมาะสม = $2 (มูลค่า Pip ที่อนุญาต) / $9.16 (มูลค่า Pip ต่อ 1 Lot) ≈ 0.218 Lot

คุณจะเห็นว่าการคำนวณนี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนดปริมาณการเทรดที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่เสี่ยงเงินมากเกินไปในแต่ละครั้ง แม้ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไปถึง 50 Pip คุณก็จะขาดทุนเพียง 1% ของเงินทุนในบัญชีเท่านั้น นี่คือพลังที่แท้จริงของ Pip ในการบริหารความเสี่ยง

เมื่อพิจารณาเลือกแพลตฟอร์มการเทรด ความยืดหยุ่นและข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของ Moneta Markets เป็นสิ่งที่ควรกล่าวถึง แพลตฟอร์มนี้รองรับแพลตฟอร์มหลักอย่าง MT4, MT5 และ Pro Trader ผสานกับการดำเนินการที่รวดเร็วและการตั้งค่าสเปรดต่ำ มอบประสบการณ์การเทรดที่ยอดเยี่ยม แพลตฟอร์มที่ดีจะช่วยให้คุณเข้าถึงเครื่องมือคำนวณเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งมีฟังก์ชันคำนวณให้ในตัว

คู่สกุลเงินหลัก (Majors): ลักษณะ Pip เฉพาะที่เทรดเดอร์ควรรู้

แม้ว่าหลักการของ Pip จะเป็นสากล แต่ในทางปฏิบัติ คู่สกุลเงินหลัก (Majors) ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในตลาด Forex นั้น มีลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับ Pip ที่เทรดเดอร์ควรทราบ เพื่อให้การคำนวณและการวิเคราะห์ของคุณแม่นยำยิ่งขึ้น

คู่สกุลเงินหลักได้แก่:

  • EURUSD (ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
  • USDJPY (ดอลลาร์สหรัฐฯ / เยนญี่ปุ่น)
  • GBPUSD (ปอนด์อังกฤษ / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
  • USDCHF (ดอลลาร์สหรัฐฯ / ฟรังก์สวิส)
  • USDCAD (ดอลลาร์สหรัฐฯ / ดอลลาร์แคนาดา)
  • AUDUSD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย / ดอลลาร์สหรัฐฯ)
  • NZDUSD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์ / ดอลลาร์สหรัฐฯ)

สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ในกลุ่ม Majors ที่ไม่ได้มี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง (เช่น EURUSD, GBPUSD, AUDUSD, NZDUSD) นั้น Pip จะอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 โดยมี ปิเปต ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 5 ครับ การคำนวณมูลค่า Pip ของคู่เหล่านี้จะค่อนข้างตรงไปตรงมา เพราะสกุลเงินอ้างอิงคือ USD ซึ่งมักจะเป็นสกุลเงินบัญชีเทรดของหลายๆ คน ทำให้ 1 Pip มีค่าประมาณ $10 ต่อ 1 Lot มาตรฐานเสมอ

อย่างไรก็ตาม คู่ USDJPY เป็นข้อยกเว้นที่สำคัญที่สุดในกลุ่ม Majors เนื่องจากมี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง Pip ของคู่ USDJPY จึงอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 2 และมี ปิเปต ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 3 ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว การคำนวณมูลค่า Pip ของ USDJPY จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เพราะต้องนำราคาปัจจุบันมาหารเพื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบัญชี ทำให้ 1 Pip ของ USDJPY มีมูลค่าประมาณ $9-10 ต่อ 1 Lot ซึ่งขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน

นอกจากนี้ คู่สกุลเงินอย่าง USDCHF และ USDCAD ก็มีลักษณะเฉพาะเช่นกัน ในกรณีของ USDCHF Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 เช่นกัน แต่เนื่องจาก CHF ไม่ใช่สกุลเงินบัญชีของเรา เราต้องแปลง CHF กลับเป็น USD ซึ่งจะต้องนำราคา USDCHF มาหาร และสำหรับ USDCAD ก็เช่นกัน Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 แต่เราต้องหารด้วยราคา USDCAD เพื่อแปลง CAD กลับเป็น USD

ตารางสรุปลักษณะ Pip ของคู่สกุลเงินหลัก (ตัวอย่างสำหรับ 1 Lot มาตรฐาน บัญชี USD):

คู่สกุลเงิน ตำแหน่ง Pip มูลค่า Pip (โดยประมาณ) หมายเหตุ
EURUSD ทศนิยมที่ 4 $10.00 สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี
USDJPY ทศนิยมที่ 2 $9.16 (ผันแปร) มี JPY เป็นสกุลเงินอ้างอิง
GBPUSD ทศนิยมที่ 4 $13.12 (ผันแปร) สกุลเงินฐาน (GBP) มีมูลค่าสูง
USDCHF ทศนิยมที่ 4 $10.00 (ผันแปร) สกุลเงินอ้างอิง (CHF) ไม่ใช่สกุลเงินบัญชี
USDCAD ทศนิยมที่ 4 $7.68 (ผันแปร) สกุลเงินอ้างอิง (CAD) ไม่ใช่สกุลเงินบัญชี
AUDUSD ทศนิยมที่ 4 $10.00 สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี
NZDUSD ทศนิยมที่ 4 $10.00 สกุลเงินอ้างอิง (USD) เป็นสกุลเงินบัญชี

การรู้และเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่เพียงแค่คำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยในการวางแผนการบริหารความเสี่ยงสำหรับแต่ละคู่สกุลเงินได้อย่างแม่นยำอีกด้วย เพราะ 1 Pip ใน GBPUSD อาจมีมูลค่ามากกว่า 1 Pip ใน USDJPY ซึ่งส่งผลต่อขนาดสถานะที่คุณควรเปิด

กราฟการเทรดแสดงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง

แนวคิด Pip ขั้นสูง: สเปรด, Tick และผลกระทบต่อการเทรด CFD

เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของ Pip และการคำนวณแล้ว เรามาเจาะลึกแนวคิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวราคาและต้นทุนการเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือเรื่องของ “สเปรด” และ “Tick” รวมถึงความสัมพันธ์กับการเทรด CFD

สเปรด (Spread) กับ Pip:

สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid Price) และราคาเสนอขาย (Ask Price) ของคู่สกุลเงินหนึ่งๆ ซึ่งเป็นต้นทุนที่คุณต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อเปิดการเทรด สเปรดจะถูกวัดเป็นจำนวน Pip ครับ

ตัวอย่างเช่น หากราคาเสนอซื้อ (Bid) ของ EURUSD อยู่ที่ 1.12340 และราคาเสนอขาย (Ask) อยู่ที่ 1.12350 แสดงว่าสเปรดคือ 1.12350 – 1.12340 = 0.00010 หรือ 1 Pip นั่นเอง

เมื่อคุณเปิดสถานะซื้อ (Long Position) คุณจะเข้าซื้อที่ราคา Ask และเมื่อคุณปิดสถานะซื้อ คุณจะปิดที่ราคา Bid นั่นหมายความว่าคุณจะเริ่มต้นการเทรดด้วยการขาดทุนทันทีเท่ากับจำนวนสเปรด ดังนั้น สเปรดยิ่งต่ำยิ่งดีสำหรับเทรดเดอร์ โดยเฉพาะผู้ที่เทรดบ่อยครั้งหรือเทรดในกรอบเวลาสั้นๆ (เช่น M1)

Tick กับ Pip:

ในขณะที่ Pip เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคามาตรฐานที่ใหญ่กว่า “Tick” คือการเปลี่ยนแปลงราคาที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่โบรกเกอร์สามารถแสดงได้ โดยทั่วไป 1 Tick อาจเท่ากับ 1 ปิเปต (0.1 Pip) หรืออาจเล็กกว่านั้น ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และประเภทของสินทรัพย์

Tick มักใช้ในการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์บนกราฟ และเป็นสิ่งที่นักเทรดระยะสั้น (Scalpers) ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อจับจังหวะการเข้าและออกที่รวดเร็ว การสังเกต Tick ช่วยให้คุณเห็นถึงแรงซื้อแรงขายในตลาดได้ละเอียดกว่าการดูที่ Pip เพียงอย่างเดียว

ผลกระทบต่อการเทรด CFD:

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เป็นตราสารทางการเงินที่ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงนั้นๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี หรือแม้แต่คู่สกุลเงิน Forex ซึ่งในการเทรด CFD เหล่านี้ “Pip” ก็ยังคงเป็นหน่วยวัดการเคลื่อนไหวราคาพื้นฐาน แต่บางครั้งอาจเรียกว่า “จุด” หรือ “Point” แทน เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของตลาดสินทรัพย์นั้นๆ

การทำความเข้าใจ Pip ในบริบทของ CFD มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ CFD มักมาพร้อมกับ Leverage (เลเวอเรจ) หรืออัตราทดที่สูง ซึ่งหมายความว่าแม้การเคลื่อนไหวของราคาเพียงไม่กี่ Pip ก็สามารถส่งผลให้เกิดกำไรขาดทุนจำนวนมากได้ หากคุณไม่เข้าใจมูลค่า Pip และการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง คุณอาจเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดได้

ตัวอย่างเช่น การเทรด CFD น้ำมันดิบ หรือทองคำ การเคลื่อนไหว 1 Pip หรือ 1 Point อาจมีมูลค่าที่แตกต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบกับ 1 Pip ใน Forex ทั่วไป การคำนวณนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนเริ่มเทรด CFD

ถ้าคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ที่มีหลักประกันด้านกฎระเบียบและสามารถเทรดได้ทั่วโลก Moneta Markets มีการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ เช่น FSCA, ASIC, FSA พร้อมทั้งเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ เช่น การคุ้มครองเงินทุนที่แยกบัญชี, VPS ฟรี และบริการลูกค้า 24/7 ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักเทรดจำนวนมาก โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยการเคลื่อนไหวราคาและต้นทุนต่างๆ ในทุกผลิตภัณฑ์ที่คุณเทรด

โบรกเกอร์และแพลตฟอร์ม: ความแตกต่างในการแสดงผลและเครื่องมือคำนวณ Pip

แม้ว่าหลักการของ Pip จะเป็นสากล แต่การแสดงผลและการมีเครื่องมือช่วยคำนวณในแพลตฟอร์มการเทรดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรทราบและทำความเข้าใจเพื่อประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ

ความแตกต่างในการแสดงราคา:

ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันแสดงราคาแบบ 5 หลักทศนิยมสำหรับคู่สกุลเงินทั่วไป (เช่น EURUSD) และ 3 หลักทศนิยมสำหรับคู่สกุลเงินที่มี JPY (เช่น USDJPY) อย่างไรก็ตาม อาจมีโบรกเกอร์บางรายที่ยังคงใช้ระบบ 4 หลักทศนิยม (2 หลักสำหรับ JPY) หรือมี “จุด” หรือ “ปิเปต” ที่แสดงผลแตกต่างกันเล็กน้อยในรายละเอียดปลีกย่อย

สิ่งสำคัญคือคุณต้องตรวจสอบกับโบรกเกอร์ของคุณว่าพวกเขามีการแสดงราคาแบบใด และ Pip ของพวกเขาอยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมใด เพื่อให้การคำนวณกำไรขาดทุนของคุณถูกต้องแม่นยำอยู่เสมอ

เครื่องมือคำนวณมูลค่า Pip ในแพลตฟอร์ม:

แพลตฟอร์มการเทรดแต่ละแห่งมีฟังก์ชันและเครื่องมือที่แตกต่างกันในการช่วยเหลือเทรดเดอร์ในการคำนวณมูลค่า Pip:

  • MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5): แพลตฟอร์มยอดนิยมเหล่านี้ไม่ได้มีเครื่องมือคำนวณมูลค่า Pip ในตัวที่ใช้งานง่ายนัก คุณอาจจะต้องคำนวณด้วยตนเองโดยใช้สูตรที่เราได้เรียนรู้ไป หรือใช้เครื่องคำนวณ Pip ออนไลน์จากเว็บไซต์ภายนอก หรือใช้ Expert Advisor (EA) ที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้โดยเฉพาะ
  • แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์บางราย (เช่น xStation ของ XTB หรือแพลตฟอร์มของ Moneta Markets): โบรกเกอร์บางรายพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองที่มาพร้อมกับเครื่องมือคำนวณที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เทรดเดอร์ได้อย่างมาก คุณสามารถระบุปริมาณการเทรดและเห็นมูลค่า Pip รวมถึงกำไรขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีบนหน้าจอ หรือมีเครื่องคำนวณขนาดล็อตและมูลค่า Pip ในตัว นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งสำหรับนักเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำในการตัดสินใจ

การเลือกโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณเป็นมือใหม่ การมีเครื่องมือช่วยคำนวณที่ใช้งานง่ายจะช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ในทางกลับกัน หากคุณเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์ คุณอาจจะคุ้นเคยกับการคำนวณด้วยตนเอง หรือใช้เครื่องมือเสริมอื่นๆ อยู่แล้ว

ไม่ว่าแพลตฟอร์มที่คุณใช้จะเป็นแบบใด สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจหลักการคำนวณมูลค่า Pip ด้วยตนเองเสมอ เพราะเครื่องมือช่วยคำนวณเป็นเพียงตัวช่วยให้คุณทำงานได้รวดเร็วขึ้น แต่ความเข้าใจในพื้นฐานคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นนักเทรดที่ชาญฉลาดและมีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตัวเอง

บทบาทของ Pip ในการจัดการเงิน (Money Management) สำหรับนักลงทุนมือใหม่

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การจัดการเงินทุน หรือ Money Management ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน และ Pip คือองค์ประกอบหลักที่เชื่อมโยงโดยตรงกับหลักการนี้ หากคุณละเลยความสัมพันธ์ระหว่าง Pip กับการจัดการเงิน คุณกำลังเสี่ยงกับความขาดทุนที่ไม่จำเป็น

เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า “การจัดการความเสี่ยงที่ดี คือการจัดการเงินที่ดี” และการที่จะจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องสามารถกำหนดขนาดของการเทรด (Lot Size) ที่เหมาะสมกับเงินทุนของคุณ และ Pip คือกุญแจสำคัญในเรื่องนี้

ลองจินตนาการว่าคุณมีเงินทุนในบัญชี $1,000 และคุณได้ยินมาว่าการเทรด 1 Lot EURUSD นั้น 1 Pip มีค่า $10 หากคุณเปิดการเทรด 1 Lot ทันทีโดยไม่เข้าใจมูลค่า Pip และราคาขยับสวนทางไปเพียง 10 Pip คุณจะขาดทุนถึง $100 ซึ่งเท่ากับ 10% ของเงินทุนทั้งหมดในบัญชีของคุณ! การขาดทุนเพียง 10% จากการเทรดครั้งเดียวถือว่าสูงมาก และอาจทำให้คุณท้อแท้หรือหมดเงินทุนอย่างรวดเร็ว

นี่คือเหตุผลที่การจัดการเงินเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ Pip:

  • การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) ที่เหมาะสม: เมื่อคุณรู้ว่า 1 Pip ของคู่สกุลเงินที่คุณกำลังจะเทรดมีมูลค่าเท่าไร และคุณยอมรับความเสี่ยงได้สูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินทุน (เช่น 1-2%) คุณจะสามารถคำนวณปริมาณการเทรดเป็น Lot หรือ Mini Lot (0.1 Lot) หรือ Micro Lot (0.01 Lot) ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้การขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตที่คุณรับได้เสมอ
  • การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่มีประสิทธิภาพ: Pip ช่วยให้คุณวัดระยะห่างระหว่างจุดเข้าและจุดตัดขาดทุนของคุณเป็นจำนวน Pip เมื่อคุณทราบจำนวน Pip ที่จะเสี่ยงแล้ว คุณสามารถคำนวณเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนที่อาจจะขาดทุนได้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล แทนที่จะตั้ง Stop Loss แบบสุ่มๆ
  • การคำนวณเป้าหมายกำไร (Take Profit): ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถใช้ Pip เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำกำไรของคุณได้ หากคุณตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไร 50 Pip และคุณทราบมูลค่า Pip ของสถานะที่คุณเปิด คุณจะรู้ทันทีว่าคุณคาดหวังกำไรเป็นจำนวนเงินเท่าไร การคำนวณนี้ช่วยให้คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นจริง

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ในตลาด Forex การเริ่มต้นด้วยปริมาณการเทรดที่น้อยที่สุด เช่น Micro Lot (0.01 Lot) เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะ 1 Pip ของ EURUSD จะมีมูลค่าเพียง $0.10 เท่านั้น ทำให้คุณสามารถฝึกฝนและเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่สูงเกินไป การเข้าใจและประยุกต์ใช้ Pip ในการจัดการเงินจะช่วยให้คุณสร้างวินัยในการเทรด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ

ข้อผิดพลาดทั่วไปเกี่ยวกับ Pip และวิธีหลีกเลี่ยง

แม้ว่าแนวคิดของ Pip จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีข้อผิดพลาดทั่วไปที่นักเทรดหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ มักจะตกหลุมพราง ซึ่งอาจนำไปสู่การคำนวณผิดพลาดและผลลัพธ์การเทรดที่ไม่พึงประสงค์ การทราบถึงข้อผิดพลาดเหล่านี้และรู้วิธีหลีกเลี่ยงจะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

1. สับสนระหว่าง Pip กับ Pipette (จุด):

  • ข้อผิดพลาด: การเข้าใจผิดว่าตัวเลขทศนิยมสุดท้ายที่แสดงบนแพลตฟอร์มคือ Pip ในขณะที่จริงๆ แล้วมันคือ ปิเปต หรือ 0.1 Pip ตัวอย่างเช่น คิดว่า EURUSD ขยับจาก 1.12345 ไป 1.12346 คือ 1 Pip ทั้งที่จริงแล้วคือ 0.1 Pip
  • ผลกระทบ: ทำให้คำนวณกำไรขาดทุนและมูลค่า Pip ผิดพลาดไป 10 เท่า ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงและขนาดสถานะที่ไม่ถูกต้อง
  • วิธีหลีกเลี่ยง: จดจำไว้เสมอว่าสำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ Pip คือหลักที่สี่หลังจุดทศนิยม และสำหรับคู่ JPY คือหลักที่สองหลังจุดทศนิยม ตัวเลขสุดท้ายคือ ปิเปต เสมอ หรือฝึกฝนการคำนวณด้วยตนเองบ่อยๆ จนคุ้นเคย

2. ไม่คำนึงถึงสกุลเงินบัญชีและสกุลเงินอ้างอิง:

  • ข้อผิดพลาด: คิดว่า 1 Pip มีมูลค่า $10 เสมอสำหรับ 1 Lot โดยไม่คำนึงถึงว่าสกุลเงินอ้างอิงของคู่สกุลเงินนั้นๆ เป็นสกุลเงินอะไร และสกุลเงินบัญชีของคุณเป็นสกุลเงินอะไร
  • ผลกระทบ: การคำนวณมูลค่า Pip ผิดพลาด ทำให้ประเมินกำไรขาดทุนและขนาดสถานะผิดพลาด โดยเฉพาะกับคู่ที่ไม่ใช่ USD เป็นสกุลเงินอ้างอิงโดยตรง เช่น GBPUSD หรือ USDCHF
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ใช้สูตรคำนวณมูลค่า Pip อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีที่สกุลเงินอ้างอิงไม่ใช่สกุลเงินบัญชีของคุณ และใช้เครื่องคำนวณ Pip ที่เชื่อถือได้เพื่อตรวจสอบซ้ำ

3. ละเลยการคำนวณสเปรด:

  • ข้อผิดพลาด: ไม่รวมสเปรดเข้าในการคำนวณต้นทุนการเทรด ทำให้ประเมินกำไรขาดทุนสุทธิที่อาจได้รับต่ำกว่าความเป็นจริง
  • ผลกระทบ: คุณอาจคิดว่าทำกำไรได้เพียงพอแล้ว แต่เมื่อหักสเปรดออกไป กำไรที่แท้จริงกลับน้อยลง หรือต้องทำกำไรได้มากกว่าที่คิดเพื่อคุ้มทุน
  • วิธีหลีกเลี่ยง: ทำความเข้าใจว่าการเปิดการเทรดจะเริ่มต้นด้วยการติดลบเท่ากับจำนวนสเปรดเสมอ และคำนึงถึงสิ่งนี้ในการกำหนดจุดทำกำไร (Take Profit) ของคุณ

4. การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) โดยไม่ใช้ Pip:

  • ข้อผิดพลาด: การตั้ง Stop Loss โดยใช้จำนวนเงินตายตัว หรือใช้ระยะห่างจากจุดเข้าโดยไม่คำนึงถึงมูลค่า Pip ต่อล็อต
  • ผลกระทบ: การขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงอาจสูงกว่าที่คาดไว้มาก หากคุณเปิดขนาดสถานะใหญ่เกินไป และ Pip มีมูลค่าสูง หรือในทางกลับกันก็อาจทำให้ Stop Loss แคบเกินไปจนโดนชนบ่อยครั้ง
  • วิธีหลีกเลี่ยง: กำหนดความเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุน แล้วใช้มูลค่า Pip และจำนวน Pip ที่ยอมรับให้ขาดทุนมาคำนวณหาขนาดสถานะที่เหมาะสมที่สุด ดังที่เราได้เรียนรู้ในส่วนการบริหารความเสี่ยง

การฝึกฝนและการทบทวนหลักการเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป และพัฒนาความเข้าใจใน Pip ไปสู่ระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบต่อเงินทุนของคุณมากขึ้นในที่สุด

สรุป: Pip แกนหลักของการเทรด Forex ที่ทุกเทรดเดอร์ต้องเชี่ยวชาญ

Pip ไม่ใช่เพียงแค่หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคา แต่เป็นแกนหลักของการทำความเข้าใจพลวัตของตลาด Forex และเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการการเทรดของท่าน ตลอดบทความนี้ เราได้เดินทางไปในเส้นทางแห่งความรู้เกี่ยวกับ Pip ตั้งแต่การนิยามความหมาย การทำความเข้าใจความแตกต่างของการแสดงราคา ไปจนถึงการเจาะลึกวิธีการคำนวณมูลค่า Pip ที่ซับซ้อน และที่สำคัญที่สุดคือการประยุกต์ใช้ Pip ในการคำนวณกำไรขาดทุน และการกำหนดกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง

คุณได้เรียนรู้แล้วว่า Pip เป็นตัวเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดกับจำนวนเงินในบัญชีของคุณ การเข้าใจว่า 1 Pip มีค่าเป็นเงินเท่าไรสำหรับคู่สกุลเงินและปริมาณการเทรดที่คุณเลือก คือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถประเมินโอกาสและข้อจำกัดของการเทรดแต่ละครั้งได้อย่างแท้จริง มันช่วยให้คุณตอบคำถามที่สำคัญที่สุดก่อนเข้าเทรด: “ฉันจะเสี่ยงเท่าไหร่ และฉันคาดหวังกำไรเท่าไหร่จากการเทรดนี้”

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การเชี่ยวชาญเรื่อง Pip เป็นประตูบานแรกสู่โลกของการเทรดที่มั่นคงและมีวินัย การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปที่อาจนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่จำเป็น และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาทักษะการเทรด Forex ของคุณต่อไป ในขณะที่สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ การทบทวนและทำความเข้าใจในรายละเอียดของ Pip อีกครั้ง จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ที่มีอยู่ และช่วยให้คุณปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

จำไว้เสมอว่าในตลาด Forex การควบคุมความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง และ Pip คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนั้น การตัดสินใจที่ชาญฉลาด การวางแผนที่รอบคอบ และการจัดการเงินที่แม่นยำ ล้วนเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจในหน่วยวัดพื้นฐานนี้ ดังนั้น จงฝึกฝน ทำความเข้าใจ และใช้ Pip ให้เป็นประโยชน์สูงสุดบนเส้นทางการลงทุนของคุณ แล้วคุณจะพบว่าการเทรดนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เมื่อคุณมีเครื่องมือที่ถูกต้องในมือ

เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าสำหรับคุณ และช่วยให้คุณเติบโตเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างแท้จริง การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด และการทำความเข้าใจในรายละเอียดที่สำคัญเช่น Pip คือก้าวแรกที่จะนำพาคุณไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายนี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับpips แปลว่า

Q:Pip คืออะไรในตลาด Forex?

A:Pip คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex ซึ่งใช้ในการคำนวณกำไรขาดทุน

Q:การคำนวณมูลค่า Pip ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?

A:มูลค่า Pip ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงิน ปริมาณการเทรด และราคาปัจจุบันของสกุลเงินนั้นๆ

Q:ทำไมต้องใช้ Pip แทนการแสดงราคาทั้งหมด?

A:การใช้ Pip จะทำให้การสื่อสารและคำนวณกำไรขาดทุนสะดวกและเป็นมาตรฐานมากขึ้น

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *